เหตุการณ์รุนแรงกลับมาปะทุอีกครั้ง ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังม่านหมอกความรุนแรงเงียบสงบลง ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งการโจมตีหนนี้ เป้าหมายคือ ฐานที่มั่นของเจ้าหน้าที่ แม้ตอนนี้มีการเจรจากับกลุ่มแกนนำในต่างประเทศ เพื่อสร้างสันติภาพ แต่ไม่แน่ว่าเชื้อไฟครั้งนี้ อาจลุกลามกลับมาอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ต้องมาย้อนดูลำดับเหตุกาณ์ เพื่อวิเคราะห์ความรุนแรงครั้งนี้

  • เวลา 21.30 น. ของวันที่ 25 พ.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธสงคราม ระเบิดแสวงเครื่องโจมตี ฐานปฏิบัติการตำรวจน้ำบาตา และฐานปฏิบัติการตำรวจน้ำตากใบ ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองตากใบ จ.นราธิวาส

  • การโจมตีครั้งนี้ ทำให้ฐานที่มั่นเจ้าหน้าที่เกิดเพลิงไหม้ จนชาวบ้านละแวกใกล้เคียงตื่นตกใจกันกลางดึก เพราะมีการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย ด้วยอาวุธสงคราม และระเบิดหลายระลอก

  • หลังการโจมตีกลางดึก มีรายงานเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย ทั้งหมดกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณด่านจุดตรวจหน้าสถานีตำรวจน้ำ ซึ่งปมเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ

  • ห่างกันเพียง 5 นาที มีการลอบวางระเบิดบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห่างจากจุดเกิดเหตุแรก 1 กิโลเมตร จุดนี้ไม่มีผู้ได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่คาดว่าเหตุระเบิดไล่เลี่ยกันครั้งนี้ น่าจะมีการเชื่อมโยงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

...

เชื้อไฟความรุนแรงครั้งนี้ “ผศ.ดร.สุรวุฒน์ ช่อไม้ทอง” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิเคราะห์ว่า ความรุนแรงในพื้นที่ ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยคือ

  • การสร้างสถานการณ์ความรุนแรง แม้ขณะนี้รัฐบาลไทย มีการเจรจากับคนที่อ้างว่าเป็นแกนนำในต่างประเทศ แต่สุดท้ายความรุนแรงก็ยังเกิดขึ้น และที่น่าสนใจความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ พบว่าก่อนเกิดเหตุบรรยากาศในเมืองจะเงียบเหงา แต่ครั้งนี้ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตปกติ จึงเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตอย่างมาก 

  • ปัจจัยที่ 2 มาจากภัยแทรกซ้อน ของกลุ่มผลประโยชน์ในพื้นที่ เพราะเป้าหมายครั้งนี้คือ ตำรวจน้ำ ที่ก่อนหน้านั้น มีการกวาดล้างกลุ่มผลประโยชน์ในพื้นที่อย่างหนัก เช่น ขบวนการลักลอบนำสินค้าหนีภาษีเข้ามาในประเทศ อาจเป็นต้นเหตุ ทำให้กลุ่มที่เสียผลประโยชน์ สร้างสถานการณ์ 

จากปัจจัยเบื้องต้น จะเห็นถึงการซ้อนทับกันของปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ เพราะพื้นที่ตากใบ มีกลุ่มที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกันตากใบ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการเกิดความรุนแรงในพื้นที่ หลังเหตุการณ์ในปี พ.ศ.2547 ดังนั้นกลุ่มผลประโยชน์ จึงเลือกโจมตีในพื้นที่นี้ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น และกลบเกลื่อนความผิด

สำหรับท่าทีของภาครัฐ หลังจากช่วงโควิด มีความรุนแรงลดลง ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ มีการปรับแผน เพื่อดำเนินนโยบายเอาชนะความยากจน ในพื้นที่มาเป็นอันดับแรก เพราะสถานการณ์ความรุนแรงเริ่มลดลง เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทหาร จะต้องใช้มาตราการเชิงรัฐศาสตร์ในการดูแลพื้นที่ มากกว่าการปราบปราม แม้เจ้าหน้าที่จะมีความอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เรายังเชื่อมั่นว่า ความรุนแรงจะค่อยๆ ลดลง เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐลดความแข็งกร้าว ที่อาจทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ได้

ถ้ามองในเชิงการป้องกันความรุนแรงในพื้นที่ตากใบ ในระยะยาว จะต้องมีการปราบปรามกลุ่มที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่อย่างจริงจัง ขณะที่ผู้นำรัฐบาลกำลังเจรจาสันติภาพกับกลุ่มแกนนำภายนอกประเทศ โดยทั้ง 2 มาตรการนี้ต้องมีการดำเนินงานไปพร้อมกัน อย่างอดทน เพื่อเฝ้ารอวันแห่งสันติภาพมาถึง.