- ภาวะลองโควิด (Long COVID) ที่มีอาการกว่า 200 อาการ ตั้งแต่เหนื่อย จนถึงอาการทางสมอง ล่าสุดยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่แพทย์จะรักษาตามอาการ
- ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียู 4 ใน 10 คนจะมีภาวะลองโควิด และยังมีผู้ป่วยที่ไม่ฉีดวัคซีน เมื่อติดโควิดจำนวนกว่าครึ่ง ก็หนีภาวะลองโควิดไม่พ้น
- ปัจจุบันมีผู้อยู่ในภาวะลองโควิดจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต รวมถึงการทำงานที่ไม่เหมือนเดิมหลังหายป่วย
จากสถานการณ์โควิดล่าสุด ที่มีผู้ป่วยมากขึ้น แม้อาการไม่หนัก แต่มีภาวะลองโควิด จนเริ่มมีคำถามเกิดขึ้นว่า ถึงเวลาหรือยังที่หน่วยงานรัฐ ควรกำหนดยุทธศาสตร์การดูแลผู้ป่วยลองโควิดอย่างเป็นระบบ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพของคนไทยในยุคโควิด
ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย วิเคราะห์ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยมัวแต่สนใจการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 จนไม่มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ดูแลผู้ป่วยที่เป็นลองโควิด ทั้งที่ตอนนี้หน่วยงานรัฐต้องกำหนดชัดเจนว่า ระบบสาธารณสุขส่วนไหนต้องดูแลเรื่องนี้บ้าง หมอกลุ่มใดต้องเข้ามามีส่วนในระบบทำงาน เนื่องจากภาวะลองโควิดมีกว่า 200 อาการ คนไข้บางกลุ่ม ต้องพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อได้รับการรักษา เช่น มีภาวะระบบประสาท อาการหลงลืม ต้องให้แพทย์สมองทำการฟื้นฟู
หากมองไปที่การเตรียมพร้อมในต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา มีการกำหนดยุทธศาสตร์ ดูแลประชาชนที่เป็นลองโควิด และหลายประเทศให้ความสำคัญ แม้ส่วนใหญ่ลองโควิดมีอาการระดับน้อยถึงปานกลาง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้องนอนห้องไอซียู เมื่อหายป่วยจะเป็นลองโควิด ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แม้ไม่มีอาการหนักถึงขั้นเสียชีวิต แต่หลายคนไม่สามารถกลับไปทำงานเหมือนปกติได้ หรือผู้ป่วยบางรายมีอาการหนัก จนต้องเป็นภาระให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ส่งผลต่อการพัฒนาแรงงานในประเทศ
...
สาเหตุ อาการ และการรักษาลองโควิด
การรักษาลองโควิด จะเน้นรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่เป็นแล้วหายเองประมาณ 2-3 เดือนหลังหายป่วยโควิด แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีอาการเรื้อรังถึง 6 เดือน ทางการแพทย์ยังไม่มีนิยามเวลาที่ชัดเจนของภาวะลองโควิด แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขสหรัฐอเมริกากำหนดว่า ลองโควิดมีอาการหลังติดเชื้อมาแล้ว 4 สัปดาห์ แต่องค์การอนามัยโลกระบุว่า อาการลองโควิดอาจจะแสดงในผู้ป่วยหลังหายแล้ว 3 เดือน
อย่างที่รู้กันว่า มีการพบอาการของลองโควิดนั้นกว่า 200 อาการ โดยช่วงแรกจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ จากนั้นเชื้อไวรัสจะส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย เช่น ระบบลำไส้ สมอง กล้ามเนื้อหัวใจ ผลกระทบนี้ส่งผลกับอวัยวะต่างๆ ได้ทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจากลองโควิดเป็นผลมาจากซากไวรัสหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ทำให้ไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันการทำงานของอวัยวะมากกว่าปกติ จนเกิดอาการอักเสบ
ใครเสี่ยงมีอาการลองโควิด และมีวิธีป้องกันได้อย่างไรบ้าง
จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสี่ยงมีอาการลองโควิดคือ
- ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ต้องนอนโรงพยาบาลเมื่อติดเชื้อ
- กลุ่มผู้ป่วยสูงอายุ และกลุ่มมีโรคประจำตัว
- อาการลองโควิดมีโอกาสเกิดในหญิงมากกว่าชาย
- ผู้ที่มีอาการแสดงป่วยมากกว่า 5 อาการในช่วงติดโควิด
แม้ทางที่ดีที่สุดคือ การป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อโควิด แต่ในภาวะที่เชื้อโรคแพร่ระบาดหนักนั้น วิธีป้องกันขั้นต่อมา เพื่อไม่ให้เกิดภาวะลองโควิดมีคำแนะนำ คือ ฉีดวัคซีนต้านโควิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยไม่ให้เกิดภาวะลองโควิดได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับที่ไม่ฉีดวัคซีน ซึ่งคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนกว่าครึ่งเมื่อติดเชื้อโควิดแล้ว จะมีอาการลองโควิด และหากติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา หากจำเป็นต้องกินยาต้านไวรัส จะช่วยให้มีอาการลองโควิดน้อยลง