ต้องบอกว่านี่คือยุค “ข้าวยาก หมากแพง” อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าสินค้าประเภทไหนก็ทยอยขึ้นราคา ไล่ตั้งแต่ น้ำมัน และก๊าซ จากปัญหาสารพัด รวมไปถึงเรื่องภัยสงคราม

และคราวนี้ก็มาถึงคิว “ลูกชิ้นปลา” เจ้าดัง “ลูกชิ้นปลาบรรทัดทอง ที่ 1 จส.100” ที่ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ว่าต้องหยุดขายเป็นการชั่วคราวทุกสาขา รวม 11 สาขา สาเหตุมาจากสินค้าที่นำมาขายทยอยขึ้นราคาแทบทุกประเภท อาทิ น้ำมันพืช ค่าก๊าซหุงต้ม และ “ปลา” ที่นำมาใช้ทำลูกชิ้น ซึ่งเดิมขึ้นราคาต่อเนื่องมาแล้ว 50% และวันนี้ คือ ขึ้นราคาเป็น 100% แล้ว

นายสุทธิ มะหะเลา นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย กล่าวว่า ช่วงนี้ปลาทะเลทยอยขึ้นราคาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะ “ปลากะพง” สาเหตุเพราะผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงปลากะพงเจ๊งไปกว่า 60% สืบเนื่องจากมีการนำปลาเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย บวกกับที่ผ่านมา เจอปัญหาโควิด-19 ระบาดอีก ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงล้มหายตายจากไป...

เมื่อเศรษฐกิจเริ่มคลายตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาที่ตอนนี้เหลือเพียง 30-40% ทำให้สินค้ามีน้อยลงไปมาก มีปลากะพงขาวมาขาย 20-30% จากเดิม ส่งผลให้ราคาปลากะพงเริ่มสูงขึ้น โดยเมื่อเทียบจากปีที่แล้วสูงขึ้นราว 30%

โดยปลากะพงที่เราจับจากบ่อ อยู่ที่ราคาประมาณ 140-150 บาท/กิโลกรัม เมื่อเข้าถึงแพปลาก็จะบวกขึ้นอีก 10 บาท (ค่าน้ำแข็ง-ขนส่ง) ถึงแผงปลาขายทั่วไป ก็จะบวกเพิ่มอีก 20-30 บาท รวมราคา 180-200 บาท

ส่วนราคาปลาทั่วไปที่จับในท้องทะเล สาเหตุที่ขึ้นราคาในเวลานี้มาจากราคาน้ำมันที่ดีดสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนในการออกทะเลสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็น IUU (กฎควบคุมการลอบทำประมงผิดกฎหมาย) ทำให้เรือออกไปจับปลาได้น้อยลง ซึ่ง “ปลาอินทรี” (ที่นิยมมาแปรรูปทำลูกชิ้น) เป็นปลาที่ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้

...

“เรือประมงหายไปจากท้องทะเลจำนวนมาก ผมไม่กล้าพูดว่าหายไปกี่ลำ แต่รู้ว่าหายไปประมาณ 40% แน่นอน โดยมีเรือที่ขายให้กับภาครัฐ เรือที่จอดนิ่งๆ หรือเรือประมง ที่นำไปขายให้ต่างประเทศก็มี”

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ สินค้าบางอย่างไม่ได้ขึ้นจาก “เรือประมง” หรือ “เกษตรกร” แต่มันไปขึ้นช่วงส่งต่อไปยัง “พ่อค้าคนกลาง” ที่ผ่านมากลุ่มพวกเราพยายามทำให้ปลาของเราเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการส่ง

ในขณะที่ การส่งไปยังโรงงานอุตสาหกรรม เบื้องต้นแต่ละคนก็มีการทำสัญญาซื้อขายกันอยู่ ซึ่งมีการทำสัญญาล่วงหน้า ก็จะเป็นราคาที่ตกลงกันไว้ เช่น วันนี้ กะพงขาว จับจากบ่อ 130 บาท+ค่าแรง ขนส่ง น้ำแข็ง อีก 10 บาท ไปถึงห้องเย็นก็อยู่ในราคา 140 บาท ซึ่งต้องเป็นราคาที่ทุกฝ่ายรับได้ ทุกฝ่ายถึงจะอยู่ได้ แต่เมื่อไปถึงคนกลาง แผงตลาด ก็จะบวกเพิ่ม 20-40 บาท/กิโลกรัม

นอกจาก ปลากะพง ก็มี ปลาเก๋า ที่ราคาขึ้นจากเดิมเช่นกัน สาเหตุก็คล้ายกับ ปลากะพง เพราะเกษตรกรล้มหายตายจาก

สิ่งที่อยากจะฝากถึงรัฐบาล คือ อยากจะบอกว่า ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตสินค้าการเกษตรจำนวนมาก แต่เวลาภาครัฐไปตกลงซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ มักจะลืมคิดถึงฐานรากของเกษตรกร เวลานำสินค้าเกษตรเข้าประเทศก็มักเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลกระทบกับเกษตรฐานรากที่มีผลผลิตไม่มาก กดราคาให้ตกต่ำ ซ้ำเติมเกษตรกรมานานมากแล้ว

“เวลาไปเจรจา ไปตกลงการค้าระหว่างประเทศ ก็ไม่เคยมีตัวแทนของเกษตรกรไปพูดคุย สอบถามความต้องการของพวกเรา ฉะนั้นอยากให้ทางภาครัฐหันมารับฟังเหล่าเกษตรกรบ้าง เพราะคนที่ขับเคลื่อนประเทศก็คือพวกเรา เกษตรกรของประเทศราว 70%” นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาทะเลไทย กล่าว

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้โทรพูดคุยกับชาวประมงคนหนึ่ง ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ที่ออกเรือหาปลาในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย เปิดเผยว่า ราคาสัตว์น้ำที่จับได้ในท้องทะเล ก็ไม่ได้ขึ้นราคานานแล้ว เมื่อจับได้ก็จะส่งให้แพปลา เรียกว่าเป็นราคาเดิมมานับสิบปีแล้ว ถึงแม้ราคาน้ำมันในปัจจุบันจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาสัตว์น้ำก็ไม่ได้ขึ้น

...

ปลาที่จับได้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาชิงชัง ปลากะตัก ส่วนปลาชนิดอื่นๆ ก็ไม่ได้เยอะมาก รวมไปถึง ปลาอินทรี ที่นิยมเอามาทำลูกชิ้นปลา ก็ไม่ได้ขึ้นราคาเลย ซึ่งโดยปกติปลาอินทรีที่นำมาใช้ทำลูกชิ้น จะเป็นปลาชนิดขูด ซึ่งจะเป็นปลาสภาพไม่ค่อยดีนัก ราคาขายจากชาวประมงอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาทเท่านั้น ส่วนเมื่อขายไปแล้วเขาจะไปขายต่อเท่าไรเราก็ไม่รู้ แต่หากเป็นปลาอินทรีสภาพดีหน่อยจะขายในราคากิโลกรัมละ 170 บาท ส่วนราคาปลาจะไปขึ้นตอนไหน ก็คิดว่าน่าจะเป็นส่วนของพ่อค้าคนกลาง.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

เจาะเบื้องหลังเลิกจ้าง "พริตตี้" ปฏิวัติค่านิยมทางเพศ ในงานยานยนต์

Netflix กับก้าวย่างที่ท้าทายและอนาคตตลาดสตรีมมิงที่ส่อชะลอตัว

สถิติ 3 เดือน นักท่องเที่ยวเพิ่ม ปลดล็อก Test & Go อย่าเพิ่งคาดหวัง?

เอริก เทน ฮาก ผู้พร้อมเปลี่ยนแปลง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ความสมบูรณ์แบบ

ย้อนรอย ทหารพราน ปะทะ ตำรวจ บุกชิงตัวถึงโรงพัก (2524)