เหตุการณ์ฝนตกหนัก พายุพัดถล่มอาคารส่วนต่อขยายแห่งใหม่ยังไม่เปิดใช้งาน สำหรับบริการนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ภายในสนามบินดอนเมือง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทำให้หลังคาและกำแพงของอาคารได้รับความเสียหายบางส่วน และโชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้ตั้งสมมติฐานเบื้องต้นจากความแรงของพายุฤดูร้อนที่มาพร้อมกับฝนฟ้าคะนอง และน้ำหนักของน้ำฝนที่ตกลงมา อาจขังอยู่ในบางบริเวณของหลังคา ทำให้เกินกำลังรับน้ำหนักของชิ้นส่วนโครงสร้างได้ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ

...

แต่บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ ทำให้เห็นถึงความรุนแรงของพายุฤดูร้อนที่อาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างในช่วงระยะเวลานี้ได้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงเนื่องจากพายุฤดูร้อนมักเกิดในช่วงเดือน เม.ย. หรือในช่วงก่อนเริ่มฤดูฝน เป็นพายุที่มีความรุนแรงมาก จากความแปรปรวนในกระแสลม อาจสร้างแรงกระทำต่อโครงสร้างได้มากกว่าแรงลมทั่วไป 2 ถึง 3 เท่า

นอกจากนี้พายุฤดูร้อนจะเกิดในช่วงที่มีอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน แล้วมีมวลอากาศเย็น หรือที่เรียกว่าความกดอากาศสูงพัดมาปะทะกับมวลอากาศร้อน หรือความกดอากาศต่ำ ส่งผลให้อากาศในบริเวณนั้นแปรปรวนเกิดความรุนแรงจนกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนองขึ้น

หรือกรณีพายุฤดูร้อนอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ในบางบริเวณ แต่ก็มีความรุนแรงมากที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่โครงสร้างที่มีพื้นผิวหรือพื้นที่ปะทะลมมาก เช่น หลังคา และผนัง โดยเฉพาะโครงสร้างที่อ่อนไหวต่อพายุฤดูร้อนเช่น ป้ายโฆษณา หลังคา ตลอดจนบ้านเรือนหรือโครงสร้างที่ยึดกับฐานรากไม่แข็งแรง ซึ่งปรากฏเป็นข่าวทุกปี

"โครงสร้างบางประเภท อาจไม่ได้ออกแบบเพื่อรองรับพายุฤดูร้อนตั้งแต่ต้น เนื่องจากการกำหนดค่าแรงลมที่คำนึงถึงพายุฤดูร้อน เพิ่งเริ่มมีขึ้นในปี 2550 ซึ่งก่อนหน้าปี 2550 ค่าแรงลมที่ใช้ออกแบบอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคารคำนึงเฉพาะแรงลมทั่วไป แต่ไม่ได้คำนึงถึงความแรงของพายุฤดูร้อน"

สำหรับอาคาร ที่มีพื้นที่หลังคากว้าง ควรจัดการเรื่องการระบายน้ำฝนที่มาพร้อมกับพายุฤดูร้อน ไม่ให้เกิดการท่วมขัง เนื่องจากน้ำหนักน้ำค่อนข้างมาก อาจทำให้โครงสร้างหลังคาวิบัติได้

ปัจจุบันมีกฎหมายตรวจสอบอาคารและป้ายโฆษณาที่มีความสูงเกิน 15 เมตร หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป เจ้าของอาคารและป้ายโฆษณาจะต้องจัดการให้อาคารหรือป้ายโฆษณาของตนให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน.