เหตุการณ์ ”มาตุฆาต” ลูกฆ่าแม่ และ ”ปิตุฆาต” ลูกฆ่าพ่อ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างความสะเทือนใจให้กับคนในสังคมไทย นำไปสู่การตั้งคำถาม หรือสังคมเสื่อมถอยพาให้คนวิปริตไปเสียแล้ว จนยากจะเยียวยาแก้ไขได้
ยิ่งเหตุสลดเด็กหญิงวัย 14 ปี วางแผนฆ่าแม่แท้ๆ ของตัวเอง โดยให้แฟนหนุ่มวัย 16 ปี เป็นคนลงมือใช้มีดแทงจนเสียชีวิตคาห้องพัก ย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ และยังแทงพี่ชาย ที่เข้าไปช่วยเหลือแม่ได้รับบาดเจ็บไปด้วย
หลังก่อเหตุทั้งสองไม่ได้หลบหนี นั่งนิ่งอยู่ในห้องในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด คู่กับศพแม่เลือดไหลนองเต็มพื้น เมื่อตำรวจมาถึงพบว่า เด็กหญิงคนนี้สีหน้าเรียบเฉยไม่เครียด เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น และยอมรับเป็นคนวางแผนโทรนัดแฟนหนุ่ม ให้มาลงมือฆ่าแม่ หยิบมีดในครัวมาสังหาร ชนวนเหตุอ้างว่าจิตตก ไม่สามารถห้ามอะไรได้ เมื่ออาการกำเริบ จากความโกรธแค้นที่แม่ดุด่าตั้งแต่เล็กจนโต บางครั้งต้องการกำลังใจ แต่กลับถูกซ้ำเติม กลายเป็นคนเก็บกด และยังถูกกีดกันไม่ให้คบกับแฟน ทำให้ตัดสินใจวางแผนฆ่าแม่ตัวเอง เพราะบางสิ่งแม่ก็ทำมากเกินไป จนบางทีรับไม่ไหว
...
ปมลึกๆ ที่เกิดขึ้นในตัวของเด็กหญิงวัย 14 ปี จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมด้วยการฆ่าแม่ตัวเอง “ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล” ประธานหลักสูตรปริญญาเอกนานาชาติ ด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ยกกรณีในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ เกิดการฆาตกรรมในลักษณะนี้ปีละ 10 เคส เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ไม่คาดคิดว่าเป็นไปได้ แต่งานวิจัยอาชญาวิทยาของอาจารย์มหาวิทยาลัยเซาท์ ฟลอริดา ได้เขียนถึงแรงจูงใจ อธิบายพฤติกรรมค่อนข้างชัดเจน ตามที่สังคมไทยเรียกว่า ปิตุฆาต-มาตุฆาต ซึ่งในไทยเกิดจากปัญหาหลายเรื่อง โดยสมัยก่อนอาจเกิดขึ้นบ่อย แต่อาจไม่เป็นข่าว
ส่วนใหญ่เด็กที่ก่อเหตุ ต้องการตอบโต้พ่อแม่อย่างรุนแรง เช่น พ่อแม่ดื่มเหล้า มีการทำร้ายเด็ก จึงตอบโต้ด้วยการฆ่า แต่กรณีของเด็กหญิงวัย 14 ฆ่าแม่ ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่นักจิตวิทยามองเป็นโรคจิตเภท หรือไบโพลาร์ หรืออาจมีอาการซึมเศร้าแฝงก็ได้ จากการพูดของเด็กหลังก่อเหตุ หากนำไปตรวจอาจเจอ เพราะมักมีความรู้สึกว่าตัวเอง ถูกบังคับให้อยู่ในกรอบ
“ต้องเลือกจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้มีอิสรภาพ ได้ในสิ่งที่ต้องการ หากไม่ทำก็จะรู้สึกว่าสูญเสียอะไรไปในชีวิต จากงานวิจัยของอาจารย์มหาวิทยาลัยเซาท์ ฟลอริดา บอกไว้ชัด และยังบอกถึงบุคลิกภาพต่อต้านสังคม มีความรู้สึกว่าสังคมภายนอก ไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาหรอก และในกรณีนี้ อาจเป็นเพื่อนบ้านแสดงท่าทีไม่สนใจเด็ก หรือเพราะพ่อแม่แยกทางกันก็ได้”
ยิ่งโดยเฉพาะในภาวะของคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว อาจมีผลต่อเด็ก นอกจากมีความยากลำบากในการทำมาหากินแล้ว อาจมีปัญหาด้านความสัมพันธ์ ไม่สามารถสอนลูกได้ ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงถ้าพ่อแม่เลิกกัน จะเกิดอาการที่เรียกว่า “หิวรัก” เมื่อคุยกับแม่ไม่รู้เรื่อง ก็อยากมีคนปรึกษา แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งปมที่เกิดขึ้นน่าจะใกล้เคียงกรณีเด็กหญิงวัย 14 ปี เพราะการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือแม่เลี้ยงเดี่ยว อาจทำได้แค่ห้ามลูก เท่านั้น
การฆ่าพ่อหรือแม่ส่วนใหญ่ เกิดจากความร่วมมือไม่ได้ทำคนเดียว เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คิดว่าน่าจะอธิบายให้สังคมไทยเข้าใจได้ จากความหลากหลาย การเปลี่ยนแปลงในสังคมปัจจุบันที่เด็กกำลังเติบโต และไทยเป็นสังคมกำลังเปลี่ยนผ่านค่อนข้างมาก หากครอบครัวไม่รู้จักปกป้องลูก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เมื่อมีสิ่งกีดกัน ขัดต่อความต้องการทำให้ไม่พอใจ ไม่ได้สอนให้ลูกอดทนยับยั้งชั่งใจ เมื่อมีอะไรมากระทบกระทั่ง
...
“สิ่งที่เกิดขึ้นในแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว ส่วนใหญ่ลูกไม่มีการเคารพพ่อแม่ และเด็กไม่มีความอดทนกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จึงไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร ทั้งที่ควรไปเล่นกีฬา ไปร้องเพลง หากิจกรรมต่างๆ ทำเป็นการระบาย และกรณีนี้คิดว่าเด็กทั้งสองคน น่าจะปรึกษากันในการฆ่าแม่ จากบทเรียนที่ผ่านมาในสหรัฐฯ เพราะสังคมมีความหลากหลาย และความกดดันของสังคม อาจมีพ่อแม่ติดเหล้า ใช้ความรุนแรง”
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในสังคมไทย และอาจมีมากขึ้น เพราะเด็กถูกปล่อยทิ้ง และมองว่ารัฐไม่มีโครงการอย่างจริงจัง ในการช่วยเหลือพ่อแม่ในการสอนลูก จะสอนแบบเดิมไม่ได้แล้วจะต้องมีจิตวิทยา หรือหากลูกมีปัญหาในที่ทำงาน ก็จะสามารถยับยั้งชั่งใจได้ โดยเฉพาะการเล่นโซเชียลมีเดีย ควรต้องสอนเด็กให้ทำความเข้าใจว่า เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ได้ ควรสงบสติอารมณ์ ไม่ควรตอบโต้ในทันที
เพราะฉะนั้นแล้วตราบใดที่ยังปล่อยปละละเลยให้สังคมไทยเป็นอย่างนี้ ก็จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ต่อเนื่อง ควรมีการออกแบบวิธีใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ไม่ให้เติบโตอย่างสะเปะสะปะ แต่ต้องดัดเหมือนดัดกิ่งไม้ให้สวยงาม อีกทั้งขณะนี้ครูในปัจจุบันไม่สนใจเด็ก ทำให้น่าห่วงมาก และเมื่อโซเชียลมีเดีย ห้ามกันไม่ได้ มีการโพสต์ระบายอารมณ์ ตอบโต้ด่ากันไปมา ยิ่งไปกันใหญ่
...
แล้วสังคมไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป หรือจะต้องผ่านวังวน “มาตุฆาต-ปิตุฆาต” ลูกฆ่าพ่อ ลูกฆ่าแม่ หรือพี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่ หลานฆ่าปู่ย่าตายาย ไปแบบนี้ซ้ำๆ น่าหดหู่เศร้าใจไม่จบสิ้น.