ถึงวันนี้เราอยู่กับ “โควิด-19” มาแล้วกว่า 3 ปี มีคนทั่วโลกเสียชีวิตไปแล้วกว่า 6.4 ล้านคน (ข้อมูลวันที่ 31 มี.ค. 65) อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านสาธารณสุขระดับโลกอย่างองค์การอนามัยโลก มีการประเมินว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจริงๆ อาจจะมากกว่าสถิติถึง 3 เท่า...

นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว คนป่วยที่หายกลับมาจำนวนมากก็ไม่เหมือนเดิม เนื่องมาจากอยู่ในภาวะ Long Covid (ลองโควิด) ซึ่งหนึ่งในอาการลองโควิด ก็คือ “อาการผมร่วง” และวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณหมอโบนัส” หรือ รองศาสตราจารย์ ดร.พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป หัวหน้าศูนย์โรคเส้นผมและหนังศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เจ้าของรางวัลงานวิจัยระดับโลก ในการรักษาผมร่วงศีรษะล้านจากพันธุกรรม ซึ่งวันนี้มีอยู่ 2 ประเด็น คือ การเปรียบเทียบเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา กับ โอมิครอน ว่าสายพันธุ์ร้ายใดส่งผลกับ “เส้นผม” มากกว่ากัน....

รองศาสตราจารย์ ดร.พญ.รัชต์ธร อธิบายว่า อาการผมร่วงที่เจอกันนั้นคือ อาการ “ผมร่วงฉับพลัน” (Telogen effluvium) และไม่ได้เป็นเพราะโควิด-19 อย่างเดียว แต่เป็นอาการป่วยอะไรก็ได้ โดยแบ่งออกเป็น 5 สาเหตุหลัก ประกอบด้วย

1.อาการเจ็บป่วยที่ทำให้ร่างกายเรามีไข้สูง เกิดผลกระทบทางกาย เช่น ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย หรือการเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่จำเป็นต้องดมยาสลบ หรือป่วยหนักเข้าไอซียู

2.ผลกระทบทางจิตใจ ความเครียด เช่น จะเข้าสอบแล้วก็เครียด ก็ทำให้ผมร่วงได้

3.คนที่น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว จะลดแบบความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม อาทิ คนที่ลดน้ำหนักแบบคีโต (Ketogenic diet) ลดการกินแป้งและน้ำตาล โดยคนที่ลดน้ำหนักแบบวิธีนี้ในช่วงแรกผมจะร่วงกันเกือบหมด เท่าที่เจอประมาณ 80%

...

“หากเข้าไปในกลุ่มที่คุยกันเรื่องนี้ก็จะรู้ว่า มีบางส่วนเกิดอาการผมร่วงฉับพลัน เพราะกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ไม่กินแป้งกับน้ำตาล จะทำให้ร่างกายลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว และการลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วนี่เองทำให้เกิดอาการผมร่วงได้ ฉะนั้นหากให้แนะนำ ก็ควรกินบ้างบางมื้อ เช่น กินคีโต 5 วัน รับประทานอาการปกติ 2 วัน เป็นต้น” หมอโบนัส อธิบาย

4.ผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาในกลุ่มแอคโนติน และโรแอคคิวเทน ซึ่งเป็นยาในกลุ่มรักษาสิว ซึ่งจากการรายงานทางการแพทย์พบว่า คนที่กินยากลุ่มนี้ใหม่ๆ จะทำให้เกิดผมร่วง รวมถึงยาลดความดัน ยาไขมัน หรือแม้แต่ยาฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด ซึ่งถือเป็นยาที่ปรับเปลี่ยนฮอร์โมนในร่างกาย แต่ไม่ได้เป็นทุกคน

5.โรคประจำตัว อาทิ ไทรอยด์ หรือโรคที่เจ็บป่วยเรื้อรังต่างๆ เช่น แพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่สบายเรื้อรัง ก็อาจจะส่งผลให้เส้นผมบางลง หรือผู้หญิงบางคนที่มีฮอร์โมนเพศชายสูง ก็มีโอกาสป่วยโรคผมร่วงฉับพลัน ซึ่งหากสังเกตดีๆ คนที่ป่วยโรคผมร่วงฉับพลันนั้นส่วนใหญ่จะมาจากระบบภายในร่างกาย

หมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นผม ยังเผยต่อว่า นอกจาก 5 สาเหตุดังกล่าวแล้ว ยังพบผู้หญิงวัยรุ่นผมร่วงบ่อยๆ เนื่องจากการมีประจำเดือน สูญเสียเลือด ธาตุเหล็ก อีกทั้งวัยรุ่นส่วนใหญ่เหล่านี้มักจะควบคุมอาหาร กินอาหารน้อยเกินไป ก็ทำให้เกิดอาการผมร่วงฉับพลันได้ และมีผลเรื้อรังในอนาคตได้

เปรียบเทียบอาการผมร่วง เดลตา VS โอมิครอน

คุณหมอโบนัส กล่าวต่อว่า สำหรับความรุนแรงของอาการ “ผมร่วงฉับพลัน” ที่เกี่ยวข้องกับโควิด ขึ้นอยู่ที่ความรุนแรงของเชื้อโควิด-19 ดังนั้นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดในช่วงแรก (สายพันธุ์อู่ฮั่น) จะมีความรุนแรงค่อนข้างสูง สังเกตได้จากอัตราการเสียชีวิตและเจ็บป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือนอนโรงพยาบาล เพราะร่างกายมีอาการ “อักเสบ” เป็นจำนวนมาก ซึ่งคนไข้ที่ป่วยในช่วงนั้นก็จะมีอาการ “ผมร่วง” จำนวนมาก แต่ก็ไม่ค่อยได้เป็นข่าวเยอะนัก เนื่องจากเวลานั้นยังไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ

อย่างไรก็ตาม คนที่ติดโควิดช่วงแรกๆ ที่อาการหนักนั้นจะเกิดอาการ “ผมร่วง” หลังจากรักษาตัวหาย 1 เดือน และจะร่วงต่อเนื่อง 2-3 เดือน จากนั้นอาการก็จะดีขึ้นเอง เพราะอาการโดยรวมมันดีขึ้น ก็จะค่อยๆ หายไป

...

พอมาสู่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ “โอมิครอน” คุณหมอโบนัส บอกว่า จากการสังเกตจากผู้ป่วยที่มาทำการรักษา ก็พบว่ามี “ผมร่วง” เช่นเดียวกัน แต่จะแตกต่างจากการแพร่ระบาดโควิดในช่วงแรก เพราะผมร่วงอาจจะน้อยกว่า ส่วนหนึ่งเพราะว่าความรุนแรงของโรคไม่มาก เพราะเชื้อไม่ได้ลงปอด ส่วนมากจะแค่รู้สึกเจ็บคอ ไอ แต่ไม่มีไข้ หรือมีเพียงเล็กน้อย อีกทั้งระยะเวลาที่ป่วยก็สั้นลง แตกต่างจาก “เดลตา” ที่อาการหนักกว่ามาก และต้องรักษาตัวยาวนาน 7-14 วัน

อีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้คนป่วยโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ผมร่วงเยอะกว่า คือ คนป่วยจะมีอาการ “จมูกไม่ได้กลิ่น” และ “ลิ้นไม่รับรสชาติ” ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะเกิดอาการเบื่ออาหาร พอน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วก็เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะผมร่วงได้ง่าย

“อาการผมร่วงจากโควิด ปัจจุบันคนที่เคยป่วยเดลตามาก็น่าจะดีขึ้นกันทั้งหมดแล้ว ยกเว้นคนที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมมาก่อน ส่วนคนที่ผมร่วงจากโอมิครอนถือว่ามีไม่มาก และก็คล้ายกับสายพันธุ์เดลตา คือมันจะค่อยๆ ดีขึ้น ทางป้องกันก็ควรป้องกันตัวเอง ไม่ให้ติดโควิด เพราะโควิดคือผลตามมาที่อาจจะทำให้เกิดผมร่วงได้ หรือถ้าใครติดโควิดแล้ว ควรจะพยายามดูแลตัวเองให้หายเร็ว หรือเจ็บป่วยน้อยที่สุด หรือพยายามดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ให้น้ำหนักลดมากเกินไป” คุณหมอโบนัส กล่าวทิ้งท้าย.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ 

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ :

...