บทสรุปคดีแตงโม ตกเรือเสียชีวิต เพราะไปฉี่ "ไฮโซปอ-โรเบิร์ต" กระทำโดยประมาท

คดีดังที่สังคมจับตาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือการฆาตกรรม ทำให้แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงชื่อดัง พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จนเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

กว่าร่างไร้วิญญาณของแตงโม นิดา โผล่ลอยขึ้นมา ได้ผ่านไปกว่า 2 วัน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 26 ก.พ. บริเวณใกล้กับจุดที่พลัดตกลงไปในแม่น้ำ ห่างจากท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เพียง 300 เมตร

ผลการตรวจระบบจีพีเอสของเรือสปีดโบ๊ตลำเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำมาเปรียบเทียบกับคำให้การของบุคคลที่อยู่บนเรือ ทั้งไฮโซปอ โรเบิร์ต จ๊อบ กระติก และแซน ว่าตรงกันหรือไม่ โดยพบว่าแตงโม พลัดตกเรือเวลา 22.32 น. ของวันที่ 24 ก.พ. และผ่านไปเพียง 1 นาที ในเวลา 22.33 น. คนขับเรือได้วนกลับในทันที เพื่อหาร่างแตงโม บริเวณจุดใกล้ๆ ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 นานกว่า 1 ชม. ก่อนนำเรือกลับมาที่โรงจอดเรือ พื้นที่ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามสอบปากคำบุคคลบนเรือทั้ง 5 คน อย่างเข้มข้น และต่างระบุว่าแตงโม ปัสสาวะบริเวณท้ายเรือ ก่อนพลัดตกลงไปในน้ำ ได้สร้างความคาใจให้กับคนในสังคม และต่างเสาะหาข้อมูลความจริง ท่ามกลางกระแสข่าวสารพัด และเรื่องดราม่าเกือบทุกวัน ขณะเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการคลี่คลายคดีในการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน สร้างความกระจ่างให้กับสังคม

มีรายงานว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า หรือศุกร์ที่ 11 มี.ค.นี้ จะมีการแถลงข่าวปิดคดีดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ และแตงโม ได้ไปปัสสาวะท้ายเรือจริง ก่อนพลัดตกลงไปในน้ำ โดยพยายามใช้สองมือจับขาของแซน ซึ่งนั่งตรงเบาะท้ายเรือ เพื่อดึงตัวเองขึ้นมา และเกือบทำให้แซนร่วงตกไปด้วย พร้อมกับตะโกนบอกคนในเรือ

จากข้อมูลระบบจีพีเอส ได้ตรงกับคำให้การของไฮโซปอและโรเบิร์ต รวมถึงคนอื่นอีก 3 คน ระบุมีการขับเรือวนกลับในทันที เพื่อหาร่างแตงโม โดยเฉพาะโรเบิร์ต ยอมรับว่าเป็นคนขับเรือในช่วงเกิดเหตุ แต่ขับเรือไม่เป็น จึงอยากลองขับ ทำให้เรือกระชากขณะแล่นด้วยความเร็ว 8 นอต หรือประมาณ 14-15 กม./ชม. จนเป็นเหตุให้ แตงโม พลัดตกบริเวณกราบเรือฝั่งซ้ายด้านหลัง

ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ยังพบเส้นผมของแตงโม ในซอกเบาะด้านซ้ายท้ายเรือ ซึ่งตรงกับการจำลองเหตุการณ์ และนำใบพัดเรือเทียบกับบาดแผลขาทั้ง 2 ข้างของแตงโม พบว่าตรงกัน ก่อนจะสรุปสำนวนการสอบสวนอย่างละเอียด ส่งไปชั้นอัยการ โดยไฮโซปอและโรเบิร์ต เพียง 2 คน เป็นผู้กระทำโดยประมาท ทำให้แตงโมเสียชีวิต

บทสรุปปมแตงโม เสียชีวิต ใกล้จะจบเร็วๆ นี้

บทสรุปคดีแตงโม นิดา เสียชีวิตจากการพลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จะลงเอยอย่างไร? ในมุมของทนายความ "เดชา กิตติวิทยานันท์" ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ วิเคราะห์ว่า คดีนี้จะจบเพราะมีคนประมาททำให้แตงโมเสียชีวิต หรือเหตุสุดวิสัย ทำให้แตงโมหล่นลงไป เพราะไปปัสสาวะ เป็นเหตุให้ศาลอาจยกฟ้อง คาดว่าจะมีบทสรุปในวันศุกร์ที่ 11 มี.ค.นี้ ทั้งที่ความจริงคดีนี้จบไปนานแล้ว โดยคนเสี่ยงขึ้นศาล คือโรเบิร์ต หลังยอมรับเป็นคนขับเรือ จนแตงโมตกเรือ และยอมรับว่าขับเรือไม่เป็น ซึ่งเป็นคดีประมาท

“คนนี้ต้องรับผิดชอบ เพราะประมาทแน่นอน เหมือนคนขับรถไม่มีใบอนุญาต แล้วชนคนตาย ค่อนข้าง 100% แต่หลักก.ม.ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถต่อสู้ทางคดีได้ ในสองอย่าง คือเหตุสุดวิสัย กับเป็นความผิดของแตงโมที่ไปนั่งท้ายเรือและตกเสียชีวิต หรือไม่ก็เป็นเหตุสุดวิสัย ถ้าแตงโมนั่งอยู่ในเรือ แม้เรือกระชากแค่ไหนก็ไม่ตาย เป็นหลักก.ม.แบบพื้นฐาน เพราะฉะนั้นชัดเจนคือ โรเบิร์ต ส่วนไฮโซปอ อาจมีส่วนประมาท เพราะเป็นเจ้าของเรือ เป็นผู้ครอบครองเรือ แต่ปล่อยให้คนขับเรือไม่เป็นมาขับเรือ และดื่มแอลกอฮอล์ อาจเป็นต่างคน ต่างประมาท"

กรณีทั้งสองคนมากอดคุณแม่แตงโม ซึ่งต้องรู้อยู่แล้วว่าทำผิด ถ้าไม่ผิดจะไปกราบเท้า ไปกอด และขอเป็นลูกทำไม แต่คนไม่มีส่วนทำผิดก็ไม่ไป ส่วนเหตุผลที่ไม่บอกตั้งแต่ตอนแรกที่เกิดเหตุ ก็เพราะความตกใจ ความกลัว ไม่อยากติดคุกจึงไปปรึกษาทนายความ และก็เมาด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ไม่มีผลว่ามีการเมา แต่การรับสารภาพ มีโทษจำคุกขั้นต่ำไม่ถึง 5 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 เพราะเมื่อสารภาพแล้ว ตำรวจจะจับมาแถลงข่าวทันที ไม่ต้องสืบพยาน และตัดสินจำคุกได้เลย

“การตรวจสอบเส้นผมของแตงโมบนเรือ ส่วนตัวมองว่าเพียงพอแล้ว เพราะโรเบิร์ต ได้ออกมายอมรับว่าขับเรือไม่เป็น และขับเรือกระชาก เพราะฉะนั้นการไปกราบเท้า วางพวงมาลัย การไปบวช ร้องไห้ จ่ายเงิน เป็นสูตรอยู่แล้ว เพื่อไปบรรเทาโทษ”

คดีนี้มีคนเดียวไปถึงศาลคือโรเบิร์ต ส่วนไฮโซปอ เป็นเจ้าของเรือ มีส่วนประมาท ขณะที่แซน อยู่ที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาประมาทหรือไม่ ส่วนการตรวจแอลกอฮอล์ แก้วไวน์ ขวดไวน์ แค่นำมาประกอบเท่านั้น แต่เชื่อว่าตำรวจมีธงอยู่แล้วว่าประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งไม่มีอะไร โดยพนักงานสวบสวนจะสั่งฟ้องทั้งสองคน ขึ้นอยู่กับอัยการ จะออกคำสั่งฟ้องสองคนหรือคนเดียว

ส่วนข้อหาอื่นๆ เช่นทำลายหลักฐาน แจ้งความเท็จ ไม่แน่ใจว่าตำรวจจะแจ้งข้อหาอย่างจริงจังหรือไม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าคงไม่แจ้งข้อหาเพิ่ม คงจะจบกัน เพราะตำรวจเหนื่อยแล้ว เพราะวันๆ ตกเป็นจำเลยของสังคม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องปรับปรุงเวลาให้สัมภาษณ์คดีสำคัญ อย่าไปบอกว่าความลับในสำนวน ทั้งๆ ที่เป็นความจริงที่สังคมอยากรู้ ก็ควรพูดไป

“มันไม่เสียหายต่อรูปคดี ถามอะไรก็บอกความลับในสำนวน แต่กลับเอาความลับไปพูดข้างนอกได้ เป็นเรื่องแปลก อย่าปล่อยให้ประชาชนคิดไปเอง เวลามีคดีดัง คนให้ความสนใจ พอประชาชนมโนกันไป ก็มีข่าวทำนองจะแจ้งความจับประชาชนก็ไม่เหมาะสม แต่ปล่อยให้ประชาชนมโนไปเรื่อยๆ ทั้งเด็กเอนฯ มีเสี่ยรอที่โรงแรมบ้าง ถูกจับทุ่มบ้าง ถูกผลักล้มบ้าง เพราะตำรวจมีวัฒนธรรมว่าการสอบสวนเป็นความลับ”

ไม่มีอะไรมาก อาจแค่ประมาท สู้ชั้นศาล อาจยกฟ้องได้

สรุปคดีนี้ไม่มีอะไร แค่ประมาท โดยคนขับเรือเป็นผู้ต้องหา แต่มีสิทธิในการต่อสู้คดี ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง เท่ากับว่าโรเบิร์ต และไฮโซปอ ยังมีสิทธิ์ต่อสู้ในชั้นศาล ยังมีอีกหลายขั้นตอน

หรือใครจะมองเป็นคดีลวนลาม พยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย คงหาพยานหลักฐานยาก แต่เรื่องนี้เป็นบทเรียนในการคบเพื่อน ไม่ใช่เพื่อนตกเรือแล้วกลับไปรอที่บ้าน แทนที่จะเรียกตำรวจ กู้ภัย แต่กลับโทรหาทนายว่าทำอย่างไรจะรอด

นอกจากนี้หากมีข้อเท็จจริงเป็นว่า แตงโมมีส่วนผิด เท่ากับว่าผู้เสียหายมีส่วนผิด การลงโทษจะยิ่งเบา และการเรียกค่าเสียหายก็จะน้อยลงตาม หรือสู้ในชั้นศาลอาจมีการยกฟ้องได้ เพราะฉะนั้นคดีนี้ บอกตรงๆ มีช่องว่างในการยกฟ้องมาก ต้องขึ้นอยู่กับสำนึกของโรเบิร์ตและไฮโซปอ ว่าจะสู้คดี หรือยอมรับสารภาพในสิ่งทำไป ซึ่งไม่รู้ว่าประมาทหรือไม่ แต่ในชั้นนี้ตกเป็นผู้ต้องหา ยังไม่ถือเป็นผู้กระทำความผิด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องดูกันต่อไป

กรณีเงินเรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน แม่ของแตงโม อาจไม่ได้ หากมีการสู้คดีว่าความตายเป็นผลจากความประมาทของโรเบิร์ต หรือไฮโซปอหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าสำนวนของตำรวจจะเป็นอย่างไร ไม่รู้เป็นประโยชน์ต่อคดีหรือไม่ เพราะคดีเกี่ยวกับประมาทมีช่องว่างอีกมาก.