ชื่อ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา บนเทือกเขาแก้ว อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อปี 2558 กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง เมื่อ "รังสิมันต์ โรม" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้หยิบยกขึ้นมาระหว่างการอภิปรายทั่วไป ในประเด็นปัญหาการค้ามนุษย์ยังคงเกิดขึ้นอยู่


...
พร้อมชี้ให้เห็นกระบวนการอยุติธรรม ได้เกิดขึ้นกับ พล.ต.ต.ปวีณ ภายหลังการสอบสวนพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา มากถึง 153 คน นำไปสู่การจับกุมและถูกฟ้อง จำนวน 103 คน เสียชีวิตไป 1 คน เชื่อมโยงนายหน้าชาวเมียนมา นักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่นในภาคใต้ เจ้าหน้าที่รัฐ และนายทหารยศสูง แต่สิ่งที่ทุ่มเทไป กลับโดนกดดันจนทนไม่ไหว ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นเวลา 6 ปีกว่า

หาก "รังสิมันต์ โรม" ไม่รื้อฟื้นขึ้นมา น่าจะมีคนลืมอดีตนายตำรวจน้ำดี ผู้มากฝีมือ ถูกกลั่นแกล้งจนต้องหอบครอบครัวจากแผ่นดินเกิด ลี้ภัยไปอยู่ต่างแดน และเป็นครั้งแรกหลังหายไปนาน พล.ต.ต.ปวีณ ได้เปิดใจผ่านวิดีโอคอล พูดคุยกับรังสิมันต์ โดยยืนยันการอภิปรายเปิดเผยเรื่องราวที่ผ่านมาเกิดขึ้นจริง เป็นความทุกข์ที่สร้างความเครียดเรื่องหนึ่งในชีวิต ตั้งแต่หนีออกจากประเทศไทย จนถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปี 3 เดือน 3 วัน จากการถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม จาก สตช. จากรัฐบาล และผู้มีอำนาจ

ทุกวันนี้พล.ต.ต.ปวีณ ต้องใช้ชีวิตเหมือนผู้ลี้ภัย ต้องมาเรียนภาษา เหมือนคนซีเรีย เลบานอน หรือคนเมียนมา หางานทำเพื่อเลี้ยงชีพ เพราะ ทรัพย์สินไม่มี และเวลานี้ความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งขาดหายไป หากให้กระบวนการยุติธรรม ดำเนินไปอย่างเที่ยงตรง เหมือนนานาอารยประเทศ มั่นใจว่าจะสาวไปถึงปลาตัวใหญ่อีกหลายตัวอย่างแน่นอน
ชีวิตของ พล.ต.ต.ปวีณ น่าจะมีความสุขตามอัตภาพ ก่อนจะเกษียณอายุในอีก 3 ปีในช่วงนั้น หากไม่เจอกับเรื่องเลวร้าย โดยจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ซึ่งตลอดชีวิตราชการได้สร้างผลงานไว้มากมาย เคยคลี่คลายคดีสำคัญหลายคดี เช่นคดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ใน จ.สงขลา คดีฆาตกรรมหญิงชาวสวีเดน จ.ภูเก็ต คดีแท็กซี่มาเฟีย จ.ภูเก็ต และคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา จนชีวิตพลิกผัน หนีออกจากประเทศราวกับเป็นผู้ร้ายฆ่าคน

ก่อน พล.ต.ต.ปวีณ จะตัดสินใจลี้ภัย ได้รับแรงกดดันเพราะถูกโยกย้าย จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไปเป็นรักษาการ รองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนต้องยื่นจดหมายลาออก หลังพยายามขอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาทบทวน แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากครอบครัวเป็นห่วงในการทำหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่ามกลางผู้ไม่ประสงค์ดี และผู้มีอิทธิพล เกรงว่าอาจจะมีการล้างแค้น
...

พล.ต.ต.ปวีณ เคยเปิดใจกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่าการลาออกจากราชการ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และไม่รู้สึกน้อยใจ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ไม่ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ แต่เชื่อว่าน่าจะมีเหตุผลที่ไตร่ตรองมาดีแล้วจึงมีบทสรุปแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตในการเป็นข้าราชการตำรวจ ได้ตั้งใจทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มความสามารถ เมื่อทุกอย่างเดินมาถึงจุดเปลี่ยน ก็คงต้องเลือกทางเดินใหม่ เพื่อรักษาชีวิตและครอบครัวไว้ หลังมีสัญญาณเตือนมาว่าให้หนีไป จึงต้องหนี

...
แม้รักในอาชีพตำรวจมาก เป็นแค่ลูกชาวบ้านธรรมดาๆ ได้เรียนจบ โรงเรียนนายร้อย ได้เป็นตำรวจ กระทั่งมาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ ทั้งหมดนี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองและครอบครัว หากถามว่าเสียใจหรือไม่ต้องลาออกจากราชการก่อนวันเกษียณ ต้องขอตอบว่า "เสียใจมาก"

เป็นเวลา 6 ปีกว่าที่ พล.ต.ต.ปวีณ ได้พาครอบครัวย้ายไปอยู่ประเทศออสเตรเลียในฐานะผู้ลี้ภัย และยังถูกผู้บังคับบัญชากล่าวอ้างว่าไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ภายหลังทำคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่งในพื้นที่เทือกเขาแก้ว เต็มไปด้วยหลุมฝังศพกว่า 30 หลุม ถือเป็นคดีสุดท้ายที่ได้ทำปิดฉากชีวิตตำรวจ 30 ปี และเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่สื่อไทยและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ปี 2558 เป็นปีที่เลวร้ายในแง่การค้ามนุษย์ในไทย.
...