- วันแรกของการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านร่วมเข้าชื่อ เพื่อซักถามข้อเท็จจริง และเสนอแนะการแก้ปัญหาต่อรัฐบาล เช่น ความผิดพลาดในการบริหารด้านเศรษฐกิจ “แพงทั้งแผ่นดิน ค่าแรงถูก” จนประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วหน้า เปิดฉากโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน
- จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นต่างๆ ก่อนอ้างถึงคำพูดของ นพ.ชลน่าน ให้วางบทบาทในสภาเหมือนวรรณคดีรามเกียรติ์ ต้องเล่นเป็นบทพระราม พระลักษมณ์ ส่วนอีกฝ่ายเล่นบททศกัณฐ์
- กลายเป็นว่าศึกอภิปรายวันแรกในช่วงเช้า ไฮไลต์สำคัญไปอยู่ที่ตัวละครในวรรณคดีรามเกียรติ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบตัวเองเป็นพระราม ฝ่ายค้านเป็นทศกัณฐ์ อย่าให้พระรามแผลงศรบ่อย และให้ไปดูจุดจบของทศกัณฐ์ ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุเป็นนางสีดา ส่วนวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เปรียบตัวเองเป็นพิเภก เพราะสนุกดี
...
"รามเกียรติ์" ฉบับเกมการเมืองไทย ชิงไหวชิงพริบ
ดูละครย้อนดูตัว หากเปรียบการเมืองไทยเหมือนวรรณคดีรามเกียรติ์ หรือละครหลายๆ เรื่อง ก็น่าจะใช่ เพราะนักการเมืองแต่ละคนต่างสวมบทบาทในการทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อเลือกตั้งใหม่ บทบาทต่างๆ อาจเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร
“ผศ.รัตนพล ชื่นค้า” ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน มองว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดเกี่ยวกับวรรณคดีรามเกียรติ์ เป็นวาทกรรมทางการเมือง ไม่ได้พูดระบุเป็นตัวละครใดในรามเกียรติ์อย่างชัดเจน แต่การเล่นบทพระราม พระลักษมณ์ เป็นบทบาทของรัฐบาล ทำให้เห็นภาพมากขึ้น มีทั้งคนดีและไม่ดี มาเล่นบทพระราม หรือพระลักษมณ์ ซึ่งเป็นอุปมา อุปลักษณ์อย่างหนึ่ง
อีกสิ่งที่น่าสนใจขณะอภิปราย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า แม้มีการต่อสู้กันของคนในประเทศ แต่ประเทศชาติคงไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ แต่เมื่ออ่านเนื้อหาในรามเกียรติ์แล้ว เป็นการทำศึกทั้งหมด ล้วนแล้วเกิดจากทศกัณฐ์ ทำให้พระรามและพระลักษมณ์เพลี่ยงพล้ำไปหลายครั้ง และท้ายสุดทศกัณฐ์ถูกหนุมานหักหลัง เพราะความไว้ใจ
หากเปรียบเทียบวรรณคดีรามเกียรติ์ กับการเมืองไทย คงไม่ต่างกัน โดยตัวของทศกัณฐ์ เปรียบเหมือนฝ่ายค้าน เป็นยักษ์นนทกกลับชาติมาเกิด อายุ 50 ปี ชอบใช้คนในวงศ์ตระกูลมาทำศึก ทั้งการหว่านล้อมหลอกคนมาใช้งาน ส่วน พระราม เป็นพระนารายณ์อวตาร แบ่งภาคลงมา และพระลักษมณ์ เป็นพญาอนันตนาคราช ที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิด มีความจงรักภักดีต่อพระรามมาก ซึ่งทั้งสองอายุ 35 ปี เปรียบเหมือนรัฐบาล ซึ่งจะนิ่งเฉยไม่ได้
“เป็นการชิงไหวชิงพริบ เหมือนตัวละครในรามเกียรติ์ อยู่ที่ฝ่ายไหนจะเพลี่ยงพล้ำ การที่นายกฯ บอกประเทศชาติไม่ใช่แบบรามเกียรติ์ คิดว่าไม่ใช่ เพราะถูกฝังรากลึกในสังคมไทยในทุกระบบ จากการดูละคร โขน หนัง แม้รู้อยู่แล้วว่าจะจบอย่างไร คนไม่ดีอาจรับบทพระราม คนดีอาจเป็นทศกัณฐ์ ไม่สามารถตีตราได้”
...
หรือแม้ทศกัณฐ์เป็นฝ่ายยักษ์ แต่ยังมีคุณธรรม โดยวรรณคดีรามเกียรติ์ สอนในเรื่องโมหะจริต ไปสู่เรื่องของคนดีคนชั่ว ในคติธรรมของฮินดู เห็นได้จากเมื่อทศกัณฐ์ถูกฆ่าตาย ได้ไปเกิดบนชั้นพรหมเหมือนกัน แสดงว่าทศกัณฑ์หลงผิด และให้โอกาสทำดี
ศึกรามเกียรติ์ สอนให้รู้เขารู้เราไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ
เมื่อมองกลับไปสังคมไทย จะเห็นว่าตัวละครเด่นๆ ไม่ค่อยแสดงบทบาท เช่นเดียวกับ พระราม พระลักษมณ์ และทศกัณฐ์ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ไพร่พลจัดการเพื่อสนองนาย อย่าง หนุมาน นักรักนักรบผู้ซื่อสัตย์ของพระราม ได้สนองทำภารกิจ และพิเภก ซึ่งต่อมาย้ายมาอยู่ฝ่ายพระราม แต่ตอนท้ายก็ถูกศรของพระราม ทั้งที่ถวายความจงรักภักดี
เรื่องราวในศึกรามเกียรติ์ ไม่ต่างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นสอดแทรกในวัฒนธรรมไทย เช่น เครื่องรางของขลัง มีการสักหนุมาน สักพระราม พระลักษมณ์ และแม้เกมศึกในเรื่องนี้ ชาวบ้านต่างรู้อยู่แล้วว่าทศกัณฐ์พ่ายแพ้ แต่ได้มีการหลอกล่อด้วยวิธีต่างๆ มีการใช้ผู้หญิงหลอกล่อ ทำให้ตายใจ และได้เห็นวิธีการต่อสู้
“หากพรรคฝ่ายค้าน จะถอดกลเม็ดในการต่อสู้กับรัฐบาล ก็ย่อมทำได้ เช่นเดียวกับรัฐบาล ก็สามารถรับมือได้ เหมือนรู้เขารู้เรา อาจไม่ต้องดำเนินการเอง อาจให้ไพร่พลลูกน้องจัดการ ถือว่าเรื่องรามเกียรติ์ เห็นได้ชัดมากสุดในวิถีวัฒนธรรมสังคมไทย หรือในทางการเมือง รัฐบาล มองว่าตัวเองเป็นฝ่ายธรรมะ ส่วนฝ่ายค้าน เป็นอธรรม แต่การรับบทบาท ไม่อาจตีตราได้ขนาดนี้ เพราะรัฐบาลอาจมียักษ์เข้ามาเป็นพวก หรือฝ่ายยักษ์ อาจเปลี่ยนฝ่าย ทำให้ต้องระแวงระวังกัน”
...
โครงเรื่องรามเกียรติ์ สอนให้มนุษย์รู้จักดำรงในเรื่องคุณธรรมความดี ถ้าไม่ทำผิดโลกก็ไม่ปั่นป่วน โดยคนไทยเชื่อคนดีผีคุ้ม เทวดารู้เห็น จนเอาราชรถมาช่วย แต่อาจเป็นมารหรือเหล่าเทพก็ได้ไม่มีใครรู้ ควรเอาบทบาทตัวละครมาประยุกต์ใช้กับชีวิต ในการเอาชนะ รู้จุดอ่อน รู้เขารู้เราของอีกฝ่าย
หรือแม้ทศกัณฐ์จะเก๋าเกมเพียงใด เหมือนพรรคฝ่ายค้าน แต่ระวังอย่าให้เพลี่ยงพล้ำ ไว้ใจคนเหมือนทศกัณฐ์ จนถูกหนุมานขโมยกล่องดวงใจไป เช่นเดียวกับรัฐบาล จะต้องพยายามประคับประคอง อย่าเพลี่ยงพล้ำเช่นกัน โดยวรรณคดีรามเกียรติ์ ได้สอนไว้หลายอย่าง ใช้ได้กับทุกวงการ ซึ่งคนส่วนใหญ่ดูภาพจำจากโขนหนังละคร และรู้ว่าจบอย่างไร เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ พูดไว้ แต่เพื่อให้โลกอยู่ได้ ต้องมีความสมดุลระหว่างคุณธรรมความดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง เช่นเดียวกับเกมการเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร.
ผู้เขียน : ปูรณิมา