- ในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนซ้ำเติมให้กับประชาชนจำนวนมาก แม้มีการกวาดจับไปแล้วบ้าง และแจ้งเตือนภัย แต่กลุ่มมิจฉาชีพยังไม่หมดสิ้น มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกลอุบาย
- มีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกเหยื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หลอกให้หลงเชื่อว่าได้รับรางวัล หลอกให้หลงรัก และชวนลงทุน หลอกให้กู้เงินออนไลน์ และหลอกให้โอนเงินเข้าเว็บเทรดผีสกุลเงินดิจิทัล
- แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้หาพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 19 คน
ตัวการใหญ่ชาวไทย นายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ หรือ ปอ หนวดงาม ทำหน้าที่ควบคุมคนไทย ในฝั่งประเทศกัมพูชา ให้หลอกเอาเงินคนไทยด้วยกัน กำลังเป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้กำลังเร่งประสานความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในไทย หลังจับกุมตัวสองสามีภรรยาชาวไทย ทำหน้าที่จัดหาคนไทยให้กับชาวจีน หัวหน้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ค่าจ้างต่อหัว 6,500 บาท
...
วิธีการสร้างแรงจูงใจมีการหลอกว่ารายได้ดี งานสบาย เมื่อมีคนหลงเชื่อ จึงขับรถไปรับนำมาพักในบ้านติดชายแดนตั้งอยู่กลางทุ่งนา หลังปราสาทสด๊กก๊อกธม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ก่อนให้เดินเท้าประมาณ 4 กิโลเมตร โดยมีชาวกัมพูชารอรับ พาข้ามไปกัมพูชา นอกจากนี้มีรายงานว่า ยังมีขบวนการจัดหาคนไทยไปทำงาน กระจายตามหมู่บ้านติดกับแนวชายแดน
ชายหนุ่มรายหนึ่ง ถูกหลอกให้ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ข้อมูลกับพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เหมือนติดอยู่ในขุมนรก เพราะเป็นชาวบ้านไม่มีความรู้ จนถูกหลอกไปทำงานเหมือนทาส วันละ 15 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพื่อให้ใช้กลอุบายหลอกคนไทยให้โอนเงิน หากขัดขืนจะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย และมีหญิงสาวบางรายถูกข่มขืน ถูกขายต่อให้แก๊งอื่น
ถูกหลอกทำงานเยี่ยงทาส ในขุมนรกแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เบื้องหลังในการบุกเข้าทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นตอร์ ในครั้งนี้ "พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์" ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 2 ได้รับการติดต่อจากผู้เสียหาย ซึ่งถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Messenger โดยการโทร. แจ้งว่าได้รับการติดต่อจากนายบอม อายุประมาณ 27 ปี ชาวหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ชักชวนให้ไปทำงานพร้อมพวก 5 คน เป็นพนักงานในกาสิโน ประเทศกัมพูชา จะได้รับเงินเดือนละ 20,000 บาท โดยข้ามแดนออกไปทางช่องทางธรรมชาติ
เมื่อไปถึงได้มีรถมารับ แต่กลับไม่เป็นไปตามข้อตกลง ถูกบังคับให้ทำงานร่วมกับขบวนการหลอกลวง โดยมีคนจีนเป็นหัวหน้าขบวนการ โดยให้ใช้แอปทินเดอร์ และลาซาด้า แสดงตนเป็นผู้หญิง จากนั้นเมื่อติดต่อได้จะให้ร่วมลงทุนหรือหลอกคนไทยด้วยกัน โดยไม่สมัครใจ และไม่อยากทำ ต้องการจะกลับบ้านที่ประเทศไทย แต่ไม่สามารถกลับได้ เนื่องจากหัวหน้าที่เป็นคนไทยชื่อนายปอ บอกว่าถ้าจะกลับ ต้องหาเงินมาไถ่ตัวจำนวน 100,000 บาท
...
“ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 2 จึงได้ช่วยเหลือไถ่ตัวผู้เสียหายออกมา เมื่อผู้เสียหายได้เดินทางกลับมาถึงไทย ผ่านเส้นทางธรรมชาติ ชุดสืบสวนจึงได้สอบถามข้อมูลจากผู้เสียหายแจ้งว่า ได้รับการติดต่อจากสองสามีภรรยา นางสาวอ้อยใจ โคตรรัมย์ กับนายบอม จะพาไปทำงานกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านฟรี และรายได้ดี”
กว่าได้รับอิสรภาพ ไม่อยากหลอกคนไทยด้วยกัน
ผู้เสียหายรายนี้ได้เล่าว่า ต่อมาได้มีรถมารับที่บ้านพักแล้วเดินเท้าออกจากประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติในเวลากลางคืน มีคนไปด้วยรวม 5 คน โดยมีคนไทยเดินเท้านำไป เมื่อไปถึงพรมแดนมีคนกัมพูชาจำนวน 3 คนเดินเท้านำเข้าไปในประเทศ และเข้าพักที่บ้านหลังหนึ่งจนช่วงเช้ามีรถยนต์เข้ามารับ เดินทางไปที่ปอยเปต และต่อรถโดยสารไปยังเมืองสีหนุ
...
จากนั้นถูกให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยโดยมีหัวหน้าคนไทยชื่อนายปอ เป็นคนควบคุม และมีชาวจีนเป็นหัวหน้าใหญ่ และคนจีนอีกส่วนหนึ่ง เป็นคนดูและระบบ เมื่อหลอกคนไทยได้จะมาแสดงความยินดีและมอบของรางวัลให้ โดยคนที่ทำอยู่ก่อนมีรายได้เป็นเงินกว่าแสนบาทต่อเดือน และห้องที่ทำงานมีการล็อกกุญแจจากด้านในแล้วใช้โซ่คล้องไว้อีกชั้นหนึ่ง ไม่สามารถออกไปไหนได้ ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ ทำงานวันละ 15 ชั่วโมง
ด้านอาหารการกิน มีข้าวใส่กะละมังมาให้ยืนกิน ไม่มีโต๊ะนั่ง หากไม่ทำงานจะถูกทำร้ายหรือไม่ก็ขายต่อไปให้กับนายทุนคนอื่นที่ทำคอลเซ็นเตอร์เหมือนกัน ผู้เสียหายรายนี้ไม่อยากทำงานหลอกลวงคนไทย และไม่ได้ตั้งใจมาทำงานคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือเพื่อกลับประเทศไทยและเข้าแจ้งความดำเนินคดี.
ผู้เขียน : ปูรณิมา