หนึ่งในกลุ่มนักเตะ “Wonderkids” ที่โลกฟุตบอลกำลังจับตาในฐานะ “นักเตะมากพรสวรรค์” ที่มีความโดดเด่นเรื่องเท้าซ้ายและเท้าขวาที่สามารถยิงประตูได้อย่างเฉียบคมและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ราวกับ “ฮอตช็อต” อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าตีนระเบิดสัญชาติอังกฤษ หวนกลับมาสวมสตั๊ดโลดแล่นบนทุ่งหญ้าเขียวขจีอีกครั้ง

อะไรคือสิ่งที่ยืนยันถึง “ความพิเศษสุด” ของ ชายหนุ่มผู้นี้?

“ไม่เพียงแต่ยิงประตูได้อย่างสวยงาม แต่เขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เล่นฟุตบอลได้ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา และมีเทคนิคในการครองบอลที่ยอดเยี่ยมมาก หากเขาสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ เขาจะกลายเป็นนักเตะที่ทรงคุณค่าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอนาคตอย่างแน่นอน”

คำสดุดีและการยืนยันถึงความเก่งฉกาจของเจ้าหนูวัยเพียง 19 ย่าง 20 นามว่า “เมสัน กรีนวูด” (Mason Greenwood) ของเจ้านายคนใหม่แห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด “ราล์ฟ รังนิก”

...

หากแต่คำสดุดีที่ร่ายมาเสียสิ้นเปลืองไปหลายบรรทัดนี้ “อาจจะสูญสลายหายไปในอากาศในพริบตา” หากไอ้หนูเมสัน กรีนวูด ที่ในเวลานี้ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยในหลายคดีที่เชื่อมโยงถึง เหตุทำร้ายร่างกาย “หญิงสาววัย 20 ปี” ที่กำลังกระฉ่อนโลกโซเชียลมีเดียในเวลานี้ ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง!

ทั้งๆ ที่ ความหวังครั้งใหม่ของทีมชาติอังกฤษคนนี้ เป็นหนึ่งในนักเตะจำนวนน้อยและน้อยมากๆ จากอะคาเดมีของสโมสรในพรีเมียร์ลีกอังกฤษและลีกรองที่มีโอกาสได้รับ “สัญญานักเตะอาชีพ” และมีโอกาสได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ

เพราะจากรายงานของสถาบันตรวจสอบการฝึกสอนเยาวชนสู่ความเป็นมืออาชีพ Professional Game Academy Audit Company หรือ PGAAC ซึ่งก่อตั้งโดย พรีเมียร์ลีก (Premier League) สมาคมฟุตบอลลีกอังกฤษ (English Football League) หรือ EFL และ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (Football Association) หรือ FA เพื่อเดินหน้าแผนการยกระดับคุณภาพการพัฒนาศูนย์ฝึกเยาวชนของแต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกและลีกรอง

พบว่ามากถึง 97% ของจำนวนนักเตะที่ผ่านอะคาเดมีของสโมสรในระดับชั้นนำของอังกฤษ ไม่เคยได้รับโอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษเลยแม้แต่นาทีเดียว! ทั้งๆ ที่บางคนเข้าสู่ระบบอะคาเดมีมาตั้งแต่อายุได้แค่ 8 ขวบ และใช้เวลาในการบ่มเพาะมากกว่าทศวรรษก่อนจะถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” และถูกผ่องถ่ายไปยังสโมสรอื่นๆ ที่เล็กกว่าในระดับลีกรอง

เรียกว่า “เมสัน กรีนวูด” คืออีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่หาได้ยาก ซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ความเจิดจรัสแล้วแท้ๆ

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ นักเตะดาวรุ่ง มักหลุดพ้นจากเส้นทางการพัฒนาตัวเองไปสู่ระดับโลก?

บรรยากาศในห้องแต่งตัวที่เปลี่ยนไป :

“ผมจำได้ตอนผมอายุ 18 19 และ 20 ปี ผู้เล่นซีเนียร์ในทีมมาพูดกับผมว่า คริสเตียโน แกรู้ใช่ไหมว่าแกยังต้องปรับปรุงการเล่นของแก นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้และผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมามากกว่า

แต่สำหรับคนทั่วๆ ไป พวกเขามักไม่ยอมรับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ผมไม่ได้พูดถึงนักเตะของเรานะ แต่หมายถึงโดยทั่วๆไป ผมมีลูก ผมรู้ดีว่า แค่ดุเขาแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะต่อต้าน ดังนั้นคุณจะต้องหาทางรักษาสมดุลในการพูดคุยให้ดี”

แม้ว่าเจ้าของคำพูดนี้ คือ “คริสเตียโน โรนัลโด” จะพยายามใช้ความระมัดระวัง เพื่อหลบเลี่ยงที่จะระบุถึงตัวตนคนที่ถูกพาดพิงมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่านี่คือ “รอยทาง” สำหรับการบรรยายถึงสถานการณ์ในห้องแต่งตัวของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด

คนระดับ CR7 ปูชนียบุคคลและผู้มากบารมีในรอบรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนเหล่านักเตะวัยรุ่นในสโมสรปิศาจแดงเรื่องการทำหน้าที่ในสนามได้....แล้วแบบนี้ ใครหน้าไหนจะสามารถเตือนสตินักเตะวัยคะนอง ที่มีค่าตัวเป็นร้อยๆ พันๆ ล้าน และแถมยังมีเงินค่าเหนื่อยในระดับแพงระยับได้อีก โดยเฉพาะ...หากเป็นการเตือนเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวเช่นในกรณีของ “เมสัน กรีนวูด” ได้อีก

...

เกือบลืมไป...แล้วนี่มันนานแค่ไหนแล้วนะที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ขาด “ไดร์เป่าผม” เอาไว้เตือนสติเหล่านักเตะนอกแถว!

โลกโซเชียลมีเดียและเกม :

ความฟุ่มเฟือยไปกับการใช้เวลาในโซเชียลมีเดียและเกม “ไลฟ์สไตล์ใหม่” ของหนุ่มสาวยุคปัจจุบัน ดึงดูดความสนใจละสมาธิของนักเตะวัยรุ่นส่วนหนึ่งไปจากความจดจ่อต่อลูกฟุตบอลอย่างเห็นได้ชัด

คลิปจำนวนมากมายมหาศาลที่ถูกอัพโดย “พอล ป็อกบา” และ “เจสซี ลินการ์ด” ผู้นำชนเผ่าโลกโซเชียลของปิศาจแดง อาจจะทำให้บางที “เรา” อาจเผลอลืมไปแล้วก็ว่า ผลงานในสนามของพวกเขากับยูไนเต็ด เป็นอย่างไร?

และบางทีสองคนนี้ อาจใส่ใจการอัพสเตตัสโอ้อวดต่างๆ นานา และบรรดาคอมเมนต์ที่มีต่อคลิปวิดีโอที่ไม่เกี่ยวข้องฟุตบอลของพวกเขามากกว่าก็เป็นได้

...

มหาสมุทรแห่งความสอพลอของสื่อมวลชน :

นี่คือ...เธียร์รี อองรี คนใหม่
นี่คือ...เดวิด เบคแคม คนใหม่
และอะไรต่อมิอะไร...คนใหม่ ที่ตามมาอย่างมากมาย เมื่อมีการค้นพบ “นักเตะดาวรุ่ง” โดยเฉพาะหากมีสัญชาติอังกฤษ!

แล้วตอนนี้ “ธีโอ วัลคอตต์” เธียร์รี อองรี คนต่อไปอยู่ที่ไหน?

หรือ... “เดวิด เบนท์ลีย์” นักเตะที่วางบอลไกลได้แม่นยำและยิงฟรีคิกได้ราวกับเป็น เดวิด เบคแคม คนที่สองกันล่ะ ตอนนี้มีใครจำชื่อเขาได้บ้างหรือเปล่า?

เอ้า...แล้ว มิดฟิลด์อัจฉริยะ “แจ็ค วิลเชียร์” ที่สื่ออังกฤษชูว่า นี่คือ นักเตะในระนาบเดียวกับ ชาบี เอร์นานเดส หรือ อันเดรส อิเนียสตา ล่ะ ตอนนี้เขามีสโมสรให้สังกัดหรือยัง?

การยกย่องเกินจริงที่ว่านั้น นอกจากจะทำให้นักเตะวัยรุ่นที่ยังขาดความยั้งคิดหลงระเริงเข้าสู่ด้านมืดจนหยุดยั้งการพัฒนาตัวเองที่ควรจะได้จากการฝึกซ้อมอย่างหนักและต่อเนื่องไปอย่างง่ายดายแล้ว ในอีกด้านหนึ่งมันยังกลายเป็นการเพิ่ม “แรงกดดัน” ลงบนบ่าของนักเตะเหล่านั้นไปด้วยในตัวว่าจะต้องลงไปเล่นในระดับสร้างปรากฏการณ์ให้ได้ในทุกๆ นัดที่ลงเตะ (ซึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร?)

และในท้ายที่สุดเมื่อพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ถูก “คาดหวัง” สื่อมวลชนที่เคยยกยอปอปั้นเหล่านี้ ก็มักจะเปลี่ยนคำยกย่อง ไปเป็นการวิพากษ์วิจารณ์แบบสาดเสียเทเสีย จนนักเตะเหล่านั้นสูญเสียตัวตน และความมั่นใจที่เคยมีอยู่อย่างมากล้นไปเสียสิ้น

จากนั้นสื่อมวลชนก็จะออกไปเฟ้นหา “เด็กมหัศจรรย์คนใหม่” มาเป็นจุดขายต่อๆ ไปแทน!

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

บทเรียนมูลค่า 60,000 ล้าน ของ Spotify จริยธรรมสื่อต้องอยู่เหนือ Fake News

Nirvana จาก นิพพาน สู่การล่วงละเมิด ศิลปะและสิทธิส่วนบุคคล (EP.1)

ชนาธิป และก้าวต่อไปของนักฟุตบอลไทยในเจลีก ใครคือคนนั้น?

ไขปมดราม่า คนซื้อ “โมเดอร์นา” ติดดอย จองราคาเต็ม บ้างฉีดไม่เต็มโดส?

เช็กอาชีพในซาอุฯ เผยค่าแรง รายได้ ยังน่าไปทำงานขุดทองไหม