นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในช่วงกลางคืนของวันที่ 25 มกราคม 2565 ได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล และอันตรายต่อร่างกายของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง และเกาะเสม็ดอีกด้วย

โดยเฉพาะบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันในครั้งนี้ เนื่องจากดาวเทียมของจิสด้าได้พบว่าทิศทางมวลคราบน้ำมันก้อนใหญ่ มุ่งหน้าไปยังบริเวณนั้น ซึ่งทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้พูดคุยกับตัวแทนจาก 2 รีสอร์ตในอ่าวพร้าว ถึงผลกระทบในครั้งนี้

เจ้าหน้าที่เร่งเก็บกู้คราบน้ำมัน
เจ้าหน้าที่เร่งเก็บกู้คราบน้ำมัน

นักท่องเที่ยวแห่เลื่อน-ยกเลิก เที่ยวเกาะเสม็ด

ตัวแทนจากอ่าวพร้าวรีสอร์ท เผยว่า จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วในครั้งนี้ส่งผลให้ลูกค้าหลายรายขอเลื่อนทริปและขอยกเลิก เนื่องจากกลัวผลกระทบที่จะส่งผลต่อสุขภาพหากลงไปว่ายน้ำ รวมถึงอาหารทะเลที่รับประทานอาจจะได้รับสารพิษจากน้ำมันที่รั่วด้วย

...

“เบื้องต้นทางเราได้นำเสนอให้ลูกค้าย้ายไปพักที่รีสอร์ตอื่นในเครือเดียวกันที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วแทน แต่ลูกค้าบางรายก็ขอเลื่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งมีสัดส่วนพอๆ กับจำนวนที่ขอยกเลิก”

สอดคล้องกับทาง ลิม่า โคโค่ รีสอร์ท ที่ให้คำตอบในทิศทางเดียวกันว่า จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วส่งผลให้ลูกค้าเริ่มทยอยยกเลิกตั้งแต่วันที่ 29 มกราคมเป็นต้นมา

น้ำมันรั่วซ้ำเติมโควิด

จะเรียกว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดการท่องเที่ยวเกาะเสม็ดก็ว่าได้ สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะการท่องเที่ยวเพิ่งเริ่มผ่อนคลายจากการล็อกดาวน์ช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดได้ไม่นาน ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ปกติจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่เมื่อเจอเหตุการณ์น้ำมันรั่วซ้ำเข้าไป ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวเกาะเสม็ดที่ตอนแรกคาดการณ์ว่าจะดีขึ้น กลับลดลงไปอีก

“ถ้าเทียบกันแล้วตอนช่วงที่โควิด-19 ระบาด เราได้รับผลกระทบเยอะกว่าตอนนี้ เพราะช่วงนี้เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวได้มากขึ้น และหลายคนก็ได้รับวัคซีนแล้ว จึงทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น แต่พอเจอเหตุการณ์น้ำมันรั่วซ้ำเติมเข้าไปอีก ก็เรียกว่าลูกค้าหายไป 60-70% เลยทีเดียว”

ซึ่งทางตัวแทนจาก อ่าวพร้าว รีสอร์ท บอกว่า วิธีรับมือเบื้องต้นคือ การรายงานข้อมูลตามจริงแก่ลูกค้า พร้อมทั้งคอยวัดระดับค่าน้ำที่ปลอดภัยคือ ไม่เกิน 1,200 ppm และจากที่วัดล่าสุด (วันที่ 30 มกราคม 2565) ค่าน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องรอดูการจัดการจากหน่วยภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมันและสิ่งแวดล้อมต่อไป

เกาะเสม็ดสุดช้ำ ซ้ำรอยปี 56 

ย้อนไปเมื่อ 9 ปีก่อน ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ได้เกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) รั่วกลางทะเล ทางทิศเหนือและตะวันตกของเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ส่งผลให้อ่าวพร้าวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน

สัตว์ทะเลได้รับผลกระทบต่อชีวิตและที่อยู่อาศัย
สัตว์ทะเลได้รับผลกระทบต่อชีวิตและที่อยู่อาศัย

...

“ตอนปี 56 กระทบหนักมาก เพราะตอนนั้นเป็นมรสุม ทำให้น้ำมันพัดเข้ามาที่หาดเร็วกว่าที่คิด เราจึงตั้งรับไม่ทัน ทำให้พื้นที่โรงแรมบริเวณหาดเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และต้องปิดกิจการไป 3 เดือน และกว่าที่ธรรมชาติจะฟื้นตัวก็ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนถึงจะเป็นปกติ”

จากบทเรียนในปี 2556 ทำให้อ่าวพร้าว รีสอร์ท เตรียมการรับมือกับเหตุการณ์ครั้งนี้ได้รวดเร็วขึ้น ด้วยการจัดเตรียมพื้นที่และเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ปนเปื้อนน้ำมันน้อยที่สุด อีกทั้งยังรายงานข้อมูลตามจริงแก่ลูกค้า และให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่ต้องเข้ามาตรวจสอบพื้นที่

หน่วยงานรัฐเร่งรับมือป้องกันเกาะเสม็ด

ทางด้าน กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือโดยเพิ่มสารเคมีฉีดสลายกลางทะเล และติดตั้งทุ่นร่องน้ำป้องกันพื้นที่เกาะเสม็ดเต็มที่ เนื่องจากเป็นแหล่งปะการัง และหญ้าทะเลจำนวนมาก

กองคราบน้ำมันที่เก็บกู้จากหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง
กองคราบน้ำมันที่เก็บกู้จากหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง

...

รอยคราบน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง
รอยคราบน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง

ขณะที่ตอนนี้ชายหาดแม่รำพึงได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 65 เป็นต้นไป โดยห้ามประชาชนและนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำในหาดแม่รำพึงอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันสารเคมีลงไปยังจุดที่มีคราบน้ำมันเพื่อทำการเก็บกู้ โดยใช้ผ้าซับคราบน้ำมันบนชายหาดตลอดแนวยาวประมาณ 1 กิโลเมตร.