การเหยียดคน พูดดูถูกดูแคลน หรือการบูลลี่ ในสังคมไทยมีมานานไม่จบสิ้น กลายเป็นปมซ่อนลึกสร้างความแตกแยกเกลียดชัง ยากที่จะแก้ไข หากความคิดของคนไม่ยอมปรับเปลี่ยน ยอมรับความหลากหลาย และเคารพในความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน

จากปมร้อนเมื่อคืนวันที่ 4 พ.ย. 64 ในห้อง ”คลับเฮาส์” มีคนกลุ่มหนึ่งแสดงทัศนคติเชิงลบ ด้วยถ้อยคำรุนแรงในลักษณะดูถูกเหยียดหยามคนอีสาน จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ทำให้แฮชแท็ก #คลับเฮ้าส์toxic และ #คนอีสาน กลายเป็นกระแสยอดนิยมในทวิตเตอร์

มายาคติเลือกปฏิบัติ มีมายาวนานตั้งแต่สร้างรัฐชาติ

“ผศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์” วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในฐานะนักมานุษยวิทยา มองว่า คนในสังคมไทยยังคงดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งกันและกันมายาวนาน จากโครงสร้างทางสังคมที่มองความเป็นมนุษย์ไม่เท่ากัน มองตัวเองเป็นศูนย์กลางโดยเฉพาะสังคมอำนาจรัฐ พยายามทำให้สังคมไทยเป็นสังคมเดี่ยว ทำให้เกิดอัตลักษณ์ของคนในประเทศชาติ หากใครมีความแตกต่างจากวัฒนธรรมไทย หรือปรับตัวไม่เท่ากับวัฒนธรรมอำนาจศูนย์กลางก็จะเป็นคนอื่น กลายเป็นคนอื่นที่ด้อยกว่า

“ด้วยวิธีคิด ด้วยโลกทัศน์ ด้วยมายาคติของการปลูกฝังค่านิยมการจัดการโครงสร้างของสังคม ทำให้คนมีกระบวนทัศน์แบบนี้อยู่ในดีเอ็นเอ รอวันรื้อถอน ถ้าไม่รื้อถอนกระบวนการคิด ก็จะเห็นการเหยียดอยู่เรื่อยๆ”

ผศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์
ผศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์

...

ในเรื่องพฤติกรรมการเหยียด หรือการเลือกปฏิบัติในสังคมไทย มีมาตั้งแต่การสร้างรัฐชาติ สร้างชาติให้เป็นปึกแผ่น และสร้างชาติไทยให้มีศักดิ์ศรี ทำให้คนอื่นไม่มีศักดิ์ศรี จนคนไทยมีความคิดเรื่องรัฐชาติ กีดกันระบบอาณานิคม และยิ่งมีความเป็นเดี่ยว ยิ่งทำให้เกิดรัฐชาติ เกิดอุดมการณ์รักชาติแบบหลอกๆ มาตั้งแต่ต้น แทนที่จะสร้างความหลากหลาย ตั้งต้นบนเอกภาพบนความหลากหลาย

นอกจากมีอาณาเขตดินแดน ให้เกิดความมั่นคงต่อรัฐชาติแล้ว ต้องมีประชาชนที่หลากหลาย มีการปกครองหรือรัฐบาล มาจากความหลากหลายของประชาชน แต่อุดมการณ์ของรัฐชาติถือความเป็นหนึ่งเดียว ได้สวนทางกับความเป็นมนุษย์ มองความเป็นมนุษย์ไม่เท่ากัน กลายเป็นว่าความเป็นหนึ่ง คือความถูกต้อง แต่ความหลากหลาย คือความผิด

เพราะฉะนั้นแล้วจะต้องสร้างความคิดใหม่ให้กับคนไทยว่าความหลากหลายคือความจริง และประชาชนทุกคนเป็นองค์ประกอบของชาติ ถ้าเคารพความหลากหลาย จะมีการให้เกียรติคนอื่น หรือหากด้อยค่าคนอื่น ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติตัวเองเช่นกัน ตามแบบสากลในต่างประเทศ ถือว่าการละเมิดเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ หรือการเหยียดในลักษณะต่างๆ เป็นเรื่องใหญ่มาก

“หากสังคมไทย ยังด้อยค่าคนที่มีความแตกต่าง ก็เท่ากับการประกาศความด้อยค่าของตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องความคิด วัฒนธรรมทางสังคม พื้นที่ทางกายภาพ และภูมิศาสตร์ อย่ามองเป็นความต่าง ยิ่งเทคโนโลยีในขณะนี้ยิ่งเป็นเหรียญสองด้าน แทนที่จะรวมกลุ่มพูดคุยนำเสนอความหลากหลาย แต่กลับสร้างสังคมบูลลี่ สร้างความต่าง หรือคนเรามีอะไรเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันไปทั้งหมด แม้กระทั่งคนในครอบครัว คนในพรรคการเมือง และในที่ทำงานเดียวกัน ยังคิดต่างกัน”

สังคมชอบเหยียด กอดอุดมการณ์รักชาติแบบผิดๆ

สุดท้ายแล้วต้องเคารพความต่างในพื้นที่ของกันและกัน อย่าคิดแบบระบบอำนาจศูนย์รวม มองว่าถ้าใครแตกต่างจากเรา คือคนผิด ซึ่งสังคมไทยไม่ควรจะมี ถือเป็นความล้าหลังในยุคศตวรรษที่ 21 ในการเป็นสมรรถนะมนุษย์ที่ต้องเรียนรู้ใช้ประโยชน์จากความหลากหลาย ในการอยู่ร่วมกันโดยให้เกียรติในความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะทำให้ฉลาดขึ้นและมีปัญญา

ที่ผ่านมาคนในสังคมไทย ไม่ได้เหยียดเฉพาะคนอีสานเท่านั้น ยังมีคนที่มีความแตกต่างจากวัฒนธรรมกระแสหลัก ทั้งกลุ่มคนชาติพันธุ์ หรือคนภาคใต้ โดนเหยียดถูกมองเป็นอื่น ถูกด้อยค่า และมีโอกาสทุกเวลาจะถูกเหยียดดูถูก จนไปถึงการถูกเลือกปฏิบัติ กลายเป็นจุดกำเนิด สร้างรากความขัดแย้งของสังคม

บทเรียน #คลับเฮ้าส์toxic มีการเหยียดดูถูกคนอีสาน ไม่ใช่ประเด็นที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงให้เห็นว่าสังคมไทย ยังวนเวียนกับอุดมการณ์รักชาติแบบผิดๆ ไม่ออกจากคอมฟอร์ตโซน (Comfort Zone) ในความเป็นหนึ่งเดียว ทั้งๆ ที่กระบวนทัศน์ความเป็นชาติ จะต้องมีเรื่องความหลากหลายในการปรับตัว เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ หากอยู่ในความต่างไม่ได้ก็จะสมองช้าเป็นโรคเอ๋อ ปัญญาอ่อน ทำให้สมรรถนะการแข่งขันกับโลกก้าวตามไม่ทัน

...

แม้ในประเทศในยุโรปมีการเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้น แต่จะเกิดกระแสต่อต้านว่าไม่เห็นด้วยของคนในประเทศในทิศทางเดียวกัน และการเล่นโซเชียล แทนที่จะรวมตัวแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความหลากหลาย แต่กลับดูถูกเหยียดคน มองคนไม่เท่ากัน ซึ่งผู้มีอำนาจในสังคมไทยควรรื้อระบบโครงสร้างสังคมใหม่ ต้องปรับกระบวนทัศน์ในการปกครองในการขับเคลื่อนชาติในอีกมุมมอง

เพราะการเหยียดแม้เป็นความรุนแรงทางอ้อม แต่การมีอคติที่เกิดจากโครงสร้างทางวัฒนธรรมไทยของสังคม ทำให้มีโอกาสเกิดความรุนแรงทางตรงในอนาคตได้ หากความขัดแย้งบานปลายมากขึ้น โดยไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ.