ต้นตีนเป็ด หรือต้นพญาสัตบรรณ ที่มีช่อดอกสวยดูอ่อนโยน แต่กลิ่นตลบอบอวลคลุ้งไปทั่วถนนในช่วงปลายฝนต้นหน้าหนาว ทำเอาหลายคนต้องเร่งเดินเร็วๆ ออกจากตรงนั้น เพราะแม้ว่าสัมผัสแรกหลายคนรู้สึกว่าเหมือนจะหอม แต่สูดดมไปเรื่อยๆ เริ่มปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย บางคนถึงขั้นหมดสติ
จากการสำรวจหลายเขตในกรุงเทพมหานครต่างปลูกต้นตีนเป็ด หรือต้นพญาสัตบรรณไว้ให้ร่มเงา ตามฟุตปาททางเดินเท้า ทั้งในเขตชานเมือง และใจกลางเมือง บางเส้นทางมีมากกว่า 300 ต้น เช่น ถนนรามคำแหง 352 ต้น ถนนร่มเกล้า 327 ต้น หรือบางเส้นทางมีเกือบ 1 พันต้น อย่างเช่น ย่านถนนเกษตร-นวมินทร์ มี 956 ต้น
...
มากมายขนาดนี้ จึงเป็นประเด็นร้อนแรงทุกปี เพราะเจ้ากลิ่นของกลุ่มดอกสีขาวอมเขียวบนช่อปลายกิ่งที่ดูสวยคลาสสิก แม้จะอยู่สูงแต่ก็แผ่ซ่านลงมาถึงจมูกมนุษย์บนพื้นโลกอย่างเราได้ตลอดเวลา จนมีอาการแพ้เกสรดอกพญาสัตบรรณอย่างหนักจนหมดสติ ขณะที่ความสูงของต้นยังเป็นปัญหาต่อสายไฟ ต้องมีการตัดแต่งเป็นระยะ
แล้วอนาคตของเจ้าต้นตีนเป็ด หรือต้นพญาสัตบรรณใน กทม.จะเป็นอย่างไร คำตอบล่าสุดจาก ผู้อำนวยการสำนักงานสวนสาธารณะ กทม. นายยงทวี โพธิษา คือ กทม.ยังไม่มีนโยบายขุดย้ายต้นที่มีอยู่ออกจากพื้นที่ กทม. แต่ก็ได้แนะนำกับสำนักงานเขตต่างๆ แล้วว่าไม่ควรปลูกเพิ่ม เพราะได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนเรื่องกลิ่นของดอกพญาสัตบรรณทุกปี และให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไม้ยืนต้นที่จะนำมาปลูกตามถนนให้เป็นต้นไม้ขนาดกลาง เช่น ปัจจุบันมีต้นพิกุล และรวงผึ้ง มาแทนในถนนสายใหม่ๆ
“ต้นไม้มีประโยชน์ทุกต้น อย่างต้นพญาสัตบรรณ ก็มีประโยชน์ให้ร่มเงา แต่ก็มีอุปสรรค เรื่องกลิ่นของดอก ปัจจุบันจึงไม่นิยมให้ปลูกแล้ว ส่วนที่มีอยู่ก็ให้ดูแลตามหลักรุกขกร ตัดแต่งกิ่งทรงให้ดีและเหมาะสมที่สุด”
ข้อมูลทางวิชาการหลายที่เล่าถึงต้นตีนเป็ด หรือพญาสัตบรรณไว้ สรุปได้ว่าเป็นไม้ยืนต้นโดยเฉลี่ยสูงประมาณ 12-20 เมตร ผิวลำต้นมีสะเก็ดสีขาวปนน้ำตาล แตกกิ่งก้านสาขาจากลำต้นเป็นชั้นๆ ลักษณะดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เป็นกลุ่มคล้ายดอกเข็ม นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยา จากส่วนต่างๆ ของต้นตั้งแต่ใบอ่อน จนถึงเปลือกลำต้น และมีความเชื่อเรื่องเป็นไม้มงคลอีกด้วย
ภาพโดย : เอกลักษณ์ ไม่น้อย