สร้างเซอร์ไพรส์เรียกเสียงฮือฮา กับการปรากฏตัวของ "อุ๊งอิ๊ง" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก วัย 35 ปีของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนเวทีงานประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา

ประเดิมชิมลางนั่งตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย แม้ "อุ๊งอิ๊ง" ยืนยันการเข้ามาไม่ใช่นักการเมือง แต่ต้องการนำเสนอไอเดีย ในการปฏิรูปการศึกษา เทคโนโลยี และซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีโอกาสมากขึ้น ส่วนงานการเมือง เป็นเรื่องของอนาคต

ท่าทีของ "อุ๊งอิ๊ง" แบ่งรับแบ่งสู้ในการโดดลงสมรภูมิการเมือง แต่เบื้องหลังน่าจะเป็นการปูทางทำภารกิจสำคัญให้กับผู้เป็นพ่อ และในนามคนตระกูลชินวัตร หรือจะเข้ามารับบทนารีขี่ม้าขาว ซีซั่นสอง รับไม้ต่อจาก "อาปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงกลิ่นเลือกตั้งเริ่มโชยมา และอาจจะเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ให้คอยจับตาดู

"ทักษิณ" ปูทางลูก สานภารกิจนารีขี่ม้าขาว ซีซั่นสอง

...

"รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส" คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า การปรากฏตัวของ "อุ๊งอิ๊ง" บนเวทีงานประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย เป็นการสื่อสารที่ชัดเจนของทักษิณ ชินวัตร ในการส่งสัญญาณไปยังเครือข่ายในพรรคเพื่อไทย รวมทั้งมวลชนในภาคเหนือและภาคอีสาน เพื่อบอกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเอาจริงในการขับเคลื่อนนโยบายและส่งผู้สมัคร

"คุณทักษิณ เคยบอกในคลับเฮาส์ ว่าพรรคเพื่อไทย จะทำแลนด์สไลด์ แต่การพูดเฉยๆ ไม่สามารถทำเป็นรูปธรรมได้ จึงส่งอุ๊งอิ๊งเข้ามา เป็นการสื่อสารที่ชัดเจนว่า จะเอาจริงในการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยการให้ลูกสาวเข้ามาทำงาน คล้ายกับการปูทางให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว"

รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส
รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส

นอกจากนี้ในการสื่อสารของอุ๊งอิ๊ง มีการเตรียมพร้อมพอสมควร โดยสื่อสารอย่างชาญฉลาด ไม่ได้ตอบรับในทันที แต่มีลักษณะจะเข้ามาผูกพันในการทำหน้าที่ดำเนินกิจการต่างๆ ทางการเมือง ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในการส่งยิ่งลักษณ์ เข้ามาทำงาน

เพราะฉะนั้นแล้วจากที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอุ๊งอิ๊ง จะสานต่อภารกิจนารีขี่ม้าขาว ซีซั่นสอง จึงมีความเป็นไปได้มาก จากการวางแผนค่อนข้างล้ำลึกของทักษิณ เนื่องจากที่ผ่านมาการวางตัวให้คนอื่นทำหน้าที่แทน มักไม่ได้ผล แต่การวางตัวคนในครอบครัวน่าจะได้ผล และน่าไว้วางใจมากที่สุด โดยเฉพาะเนื้อหาที่อุ๊งอิ๊งได้สื่อสารว่าจะนำทักษิณกลับไทย ถือเป็นภารกิจที่ทำเพื่อพ่อ

คนตระกูลชินวัตร สืบทอดอำนาจ ฐานมวลชนยังคงเดิม

ส่วนการที่อุ๊งอิ๊ง เข้ามาทำงานในพรรคเพื่อไทยและมองว่าจะเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเข้ามาแข่งกับพรรคก้าวไกลนั้น แม้ว่าอายุของอุ๊งอิ๊งในวัย 35 ปี เป็นคนรุ่นใหม่ แต่ในภาพความเป็นจริงจากฐานมวลชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย กับฐานมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล ไม่ได้อยู่ฐานเดียวกัน โดยพรรคเพื่อไทย มีฐานมวลชนเป็นกลุ่มรากหญ้า ส่วนพรรคก้าวไกล เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ชนชั้นกลางปัญญาชน ซึ่งฐานมวลชนอาจจะซ้อนทับกันบ้างในเรื่องอายุ

...

“ดูเผินๆ เหมือนว่าอุ๊งอิ๊ง จะดึงคนรุ่นใหม่ แต่การสืบทอดของตระกูลชินวัตร ไม่น่าจะได้ฐานมวลชนคนรุ่นใหม่ น่าจะคนละเซ็กเมนต์ที่แตกต่างกัน ด้วยวิธีคิดมุมมองของฐานมวลชนของคนแต่ละกลุ่ม และการที่คุณทักษิณ เคยพูดล่วงหน้าในคลับเฮาส์ 2-3 ครั้งแล้วว่า กราบยกมือไหว้ 3 ป.ควรพอได้แล้ว ควรไปพักผ่อน ควรให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามา เหมือนกำลังจะบอกว่าเพื่อไทย จะส่งคนรุ่นใหม่เข้ามา เหมือนจะพยายามให้พรรคทันสมัย มีคนอายุน้อยเข้ามาบริหารจัดการ แต่อย่างไรแล้วฐานมวลชนยังเป็นคนละกลุ่มกับก้าวไกลอยู่ดี มันเหมือนซ้อนทับกันเล็กน้อย”

อีกอย่างการรับช่วงต่อทางอำนาจของคนในครอบครัวตระกูลชินวัตร ไม่ได้ทำให้ฐานมวลชนเปลี่ยนแปลงไป ยังคงเป็นตัวแทนทักษิณ และดูจากปฏิกิริยาของส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อเห็นอุ๊งอิ๊ง เข้ามาเหมือนเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจ เพื่อให้ชนะเลือกตั้ง ทำให้ทุกคนเกิดความร่วมมือร่วมใจ ไม่เป็นงูเห่า หรือหนีไปพรรคอื่น และเห็นได้จากสมาชิกตัวจริงที่เคยแตกตัวไปตั้งกลุ่มแคร์ ได้กลับเข้ามาร่วมมือกันทำงานอีกครั้ง

...

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองไทย หากสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า มีการต่อสู้กันแบบตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนตัดโอกาสพรรคการเมืองต่างๆ ด้วยการยุบพรรค หรือด้วยวิธีใด จนทำให้บรรยากาศเสียไป จะเป็นเกมการเมืองที่สนุกน่าติดตาม และจะเห็นพลังฝ่ายประชาธิปไตย ร่วมมือกันต่อสู้ให้ได้เสียงข้างมากในสภา โดยเฉพาะการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ได้เปรียบ ซึ่งการแข่งขันจะน่าตื่นเต้น หากสู้กันแบบตรงไปตรงมา และประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น อาจเห็นการเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงก็เป็นไปได้.