แม้ประเทศไทยขณะนี้ อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวคาดว่าในวันที่ 1 พ.ย.นี้ แต่สภาพอากาศยังคงแปรปรวนจากปรากฏการณ์ลานีญา เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมหลายพื้นที่ จนชาวบ้านเกิดความกังวลเกรงกันว่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 2554

ตลอดปี 2564 ไทยมีพายุเข้ามาส่งผลกระทบ 6 ลูก 1. พายุไซโคลนยาอาส ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ค. 2. พายุโคะงุมะ ระหว่างวันที่ 12-13 มิ.ย. 3. พายุโซนร้อนโกนเซิน ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ย. 4. พายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ระหว่างวันที่ 23-30 ก.ย. 5. พายุโซนร้อนไลออนร็อก ระหว่างวันที่ 10-12 ต.ค. และ 6. พายุโซนร้อนคมปาซุ ระหว่างวันที่ 13-15 ต.ค.

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าช่วงวันที่ 29-31 ต.ค. อาจมีพายุลูกใหม่ "หมาเหล่า" จากการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำ จะทำให้เกิดฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

ขณะที่กรมอุทกศาสตร์ รายงานจะมีน้ำทะเลหนุน ระหว่างวันที่ 23-27 ต.ค. ส่วนวันที่ 23-30 ต.ค. ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 0.20-0.40 เมตร โดยกทม.ประกาศเตือนขอให้ชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

...

การเข้ามาของ "พายุหมาเหล่า" เกิดขึ้นแน่นอนจากการยืนยันของ "รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาระบุ ปลายเดือนนี้ ระหว่างวันที่ 28-30 ต.ค. จะเกิดพายุน่าจะเป็นระดับพายุโซนร้อน มีความรุนแรงกว่าดีเปรสชัน จากการคาดการณ์ ณ ขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อภาคอีสานทั่วทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณลุ่มน้ำชี ทำให้จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ใกล้เคียง ต้องระวังเป็นอย่างมาก

สิ่งที่เป็นห่วงเนื่องจากอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก และขนาดกลาง ซึ่งปริมาณน้ำขณะนี้เต็มแล้ว จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเหมือนครั้งก่อน ต้องเร่งระบายน้ำในอัตราสูง ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนซ้ำอีก รวมถึงจ.นครราชสีมา จะมีโอกาสเจอน้ำท่วมอีก จากที่เจอหนักๆ ก่อนหน้านี้

“พายุจะเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคอีสาน ในช่วง 28-29 ต.ค. และหลังจากนั้นประมาณ 29 ต.ค. จะกระทบพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน ฝนจะตกหนักที่เพชรบรูณ์ นครสวรรค์ และน้ำในเขื่อนป่าสัก ก็เต็มกว่า 100% จะทำให้เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำมากยิ่งขึ้นไปอีก และเป็นห่วงแผลจากพนังกั้นน้ำแตก จะเกิดเหตุซ้ำ”

จากนั้นฝนจะไปตกในพื้นที่ภาคตะวันตก จะกระทบพื้นที่ จ.อุทัยธานี ซึ่งมีเขื่อนทับเสลา และจ.สุพรรณบุรี เป็นที่ตั้งของเขื่อนกระเสียว จะเกิดน้ำล้นทะลักอีก แม้ฝนที่ตกมาอาจไม่มาก แต่กังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่เดิมกระทบกับประชาชน

ส่วนพื้นที่กทม.ไม่ค่อยมีปัญหาจากพายุลูกใหม่ ซึ่งต้องประเมินในช่วงวันที่ 25-26 ต.ค.อีกครั้งหนึ่ง หากพายุลงมาล่างอีกแถว จ.อุดรธานี อาจได้รับผลกระทบ แต่หากเส้นทางพายุขึ้นบน จะไม่ได้รับผลกระทบ โดยแนวโน้มพายุจะขึ้นบนมากกว่า

...

นอกจากนี้ยังเป็นห่วงการระบายน้ำในแม่น้ำท่าจีน ซึ่งระบายยากมาก ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่อ.บางเลน จ.นครปฐม รวมถึงอ.สองพี่น้อง อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี และพื้นที่ลุ่มต่ำ หากน้ำทะเลหนุนจะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอีก เพราะขณะนี้น้ำท่วมจ.สุพรรณบุรี ในหลายพื้นที่ แม้แต่อ.เมือง ถือว่าหนักกว่าปี 2554 ซึ่งในปีนั้นน้ำยังไม่ท่วมหนักเท่าปีนี้

“หน่วยงานของรัฐต้องตระหนัก ในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งต้องเน้นเป็นอย่างมาก หากไม่บริหารก็จะระเบิดเกิดความเสียหาย ต้องคิดเผื่อในการวางแผนรองรับสถานการณ์น้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น เพราะรูปแบบของฝนปีนี้ตกแบบระเบิดตรงกลาง เคยเสนอให้มีการจัดตั้งกองบัญชาการส่วนหน้า ในการบัญชาการบริหารจัดการน้ำ เพราะมีความจำเป็นต้องมีคนตัดสินใจเหนือผู้ว่าฯ”

...

สำหรับพายุลูกใหม่นี้ เป็นพายุลูกที่ 20 ในปีนี้ และยังเหลืออีก 6 ลูก โดยประมาณสัปดาห์แรกของเดือนพ.ย. อาจเข้ามาไทยอีก 1 ลูก แต่ยังไกลตัวมาก ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมาเส้นทางใด ซึ่งต้องคอยเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อไป.