สถานการณ์เศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำในปัจจุบัน ทำให้ดอกเบี้ยต่ำ แถมความเสี่ยงการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ ยังสูงปรี๊ด! จากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด หลายคนจึงมองมาหาการลงทุนที่ปลอดภัย แต่ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากกันมากขึ้น และทองคำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะมูลค่าได้รับการยอมรับทั่วโลก

ส่วนทิศทางราคาทองคำในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 จะยังน่าลงทุนหรือไม่? มาฟังมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำกัน เริ่มจาก “จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ มองว่า ช่วงท้ายปี 2564 ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำ อาทิ สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สถานการณ์โควิด ระบาดไปทั่วโลก ทำให้การลงทุนซื้อขายทองคำของรายย่อยอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ เพราะกำลังซื้อไม่มี ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังไม่ดี

...

อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ อัดฉีดเงินหรือพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบ ที่เรียกกันว่า “คิวอี” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ประเด็นนี้ทำให้เพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ อันนี้จึงไม่น่าไว้ใจ เพราะจะทำให้ค่าเงินปรับลดลงได้ หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าราคาทองคำอาจปรับขึ้นได้ แต่ล่าสุดสหรัฐฯ ส่งสัญญาณลดคิวอีแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจน จึงไม่แน่ว่าราคาทองคำจะขึ้นได้หรือไม่

แต่ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มีปัญหาอ่อนค่ามากสุดในรอบ 4 ปี อยู่ที่ระดับ 33.87 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จ่ออ่อนแตะระดับ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากตลาดยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดคิวอี และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม บวกกับในประเทศยังกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งท่วมไปแล้วราว 29 จังหวัด จึงกดดันเศรษฐกิจไทยชะลอตัว แม้สัญญาณโควิด จะเริ่มคลี่คลาย กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ราคาทองคำอาจปรับขึ้นได้ในระยะสั้น เพราะเงินบาทอ่อนค่าลง มีผลทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นราว 1,000 บาทต่อบาททองคำเลยทีเดียว 

“ส่วนตัวมองว่าราคาทองคำน่าจะปรับลดลงอีก ถ้าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น บวกกับมีการปั่นทองในช่วงที่ปริมาณเงินในตลาดโลกสูงจากการทำคิวอี และเขาซื้อทองคำไว้ค่อนข้างมากราวๆ 1,000 กว่าตัน เริ่มขายออกมาเพียง 100-200 ตัน ดูแล้ว น่าจะรอขายออกมาอีก ถ้าราคาปรับขึ้นได้

แต่ภาพระยะสั้นในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ ราคาทองคำอาจปรับขึ้นได้บ้าง แต่ไม่มาก เพราะเงินบาทอ่อน ทำให้เห็นราคาทองคำแท่งมีราคาบาทละ 27,800 กว่าๆ ไม่อย่างนั้นราคาคงเหลือราวบาทละ 26,000 เท่านั้น แต่ตอนนี้ราคาทองดูนิ่งๆ ราคาเปลี่ยนแปลงน้อย ถ้าราคาลดลงก็พอลงทุนได้บ้างแล้วขายในราคาที่ขยับขึ้น ควรซื้อทองคำแท่งเพื่อให้ได้ราคาเต็ม ส่วนคนที่จะถือลงทุนระยะยาวหลายๆ ปี น่าจะรอราคาที่ต่ำกว่านี้ได้อีก”

เศรษฐกิจโงหัวไม่ขึ้น คนแห่ขายทอง พิษโควิด-น้ำท่วม

สำหรับปี 2564 นี้ มีการนำเข้าทองคำไม่มากนัก โดยเฉลี่ยไทยจะมีการนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 100-150 ตันต่อปี ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของนักลงทุนรายย่อยมีไม่มาก สะท้อนจากปีที่แล้ว จะเห็นทองคำราคาลดลง มีคนมาต่อคิวรอซื้อมาก แต่ตอนนี้ภาพอย่างนั้นไม่มีแล้ว เพราะมีแต่คนมาต่อคิวขายทองกัน เพราะโควิดยังไม่หาย และคาดว่าคงจะอยู่กับเราไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้นภาพเศรษฐกิจอาจยังไม่ฟื้นเร็ว อย่างน้อยอาจจะประมาณ 2 ปี

ด้านแนวโน้มราคาทองคำน่าจะหลุด 1,740 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ได้ ยกเว้นถ้ามีวัคซีนป้องกันโควิดมาเร็ว เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ราคาทองคำก็อาจจะดีไปด้วย ซึ่งหากจะให้ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจก็น่าจะใช้เวลาไม่น้อยราว 2 ปีขึ้นไป ยิ่งช่วงนี้ไทยเรามีน้ำท่วมด้วย

...

ทิศทางราคาทองคำ ไตรมาส 4 ปี 64 ไม่สดใส

ขณะที่ ”จิติพล พฤกษาเมธานันท์” นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางราคาทองคำในไตรมาส 4 ปี 2564 ไม่สดใสมากนัก จากประเด็นกดดันหลายอย่างเริ่มจาก 1.แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น กดดันทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยให้มีความต้องการน้อยลง 2.ทิศทางนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธนาคารกลางยกเลิกมาตรการช่วยเหลือช่วงวิกฤติโควิดลง

และ 3.มีสินทรัพย์ทางเลือกอื่นมากขึ้น เช่น คริปโตเคอร์เรนซี น้ำมัน หรือสินแร่หายากที่เป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมอนาคต โดยคาดการณ์กรอบราคาทองคำในสิ้นปีนี้ที่ระดับ 1,670-1,770 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

หากราคาทองคำจะขึ้นได้ ต้องเป็นช่วงที่ตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk off) หมายถึงในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง หรือภาวะตลาดไม่มั่นคง มีความผันผวนสูง นักลงทุนก็จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ความเสี่ยงน้อยๆ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯต้องอ่อนค่าด้วย เหตุการณ์ดังกล่าวถ้าจะเกิดขึ้น ต้องเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐมีปัญหา แต่ทั่วโลกฟื้นตัว อาจเกิดจากปัญหาการเมือง หรือโควิดระบาดรอบใหม่

...

“ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยจริง อาจเป็นทั้งสัญญาณทั้งบวกและลบ คือ เศรษฐกิจต้องดีมาก เหตุผลนี้อาจเป็นลบต่อทองคำ แต่ในทางกลับกลับกัน ถ้าเป็นเหตุผลจากเงินเฟ้อที่สูงมาก แต่ดอลลาร์อ่อนค่า ก็อาจหนุนทองคำขึ้นได้เช่นกัน”

สุดท้ายนี้ นักลงทุนจะเลือกถือลงทุนในทองคำหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่อย่าใส่ไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน ในที่นี้ไข่ก็เหมือนกับเงินลงทุน การกระจายไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบ ก็เหมือนนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ในหลายรูปแบบ

เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับตะกร้าใบใดใบหนึ่ง ก็ยังมีตะกร้าใบอื่นที่มีไข่เหลืออยู่ จึงควรนำหลักการนี้ไปใช้แบ่งเงินลงทุนไว้หลายๆ ช่องทาง จะดีกว่าทุ่มลงไปที่เดียวจนไข่แตกโป๊ะไปทั้งหมด ไม่เหลืออะไรเลย.

ผู้เขียน : มิสประมวล พันธุ์ดี