“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังจะประคองรัฐนาวาไปต่อได้อีกนาน จนครบวาระหรือไม่ หลังเสร็จศึกซักฟอก ได้คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย ไม่เป็นที่น่าพอใจ จากรอยร้าวภายในพรรคพลังประชารัฐ

นำไปสู่การปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พ้นจากตำแหน่ง แบบไม่ไว้หน้า ”บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะพี่ใหญ่ 3 ป. จนเกิดการน้อยใจ

เหมือนการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ในการปลด 2 ขุนพลข้างกายบิ๊กป้อม อาจยิ่งเพิ่มแรงสั่นสะเทือนร้อนระอุภายในพรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นสร้างความสั่นคลอนให้กับรัฐบาลก็ได้ จนตกอยู่ในสถานการณ์ขาลง ในสภาพเรือแป๊ะรั่ว พร้อมจะอับปางได้ทุกเมื่อ

สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นทั้งศึกนอก ลุกฮือเคลื่อนไหวขับไล่บิ๊กตู่ ซ้ำมาเจอศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างบิ๊กป้อมและบิ๊กตู่ ทำให้คอการเมืองต่างติดตามดู กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป พร้อมคำถามจะมีการยุบสภาหรือไม่?

...

“รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หลังการปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ซึ่งในระยะสั้นตามที่ พล.ประยุทธ์ บอกจะไม่ปรับ ครม. แต่ก็ต้องเติมคนมาแทนใน ครม. หลังเดือน ต.ค.ไปแล้ว โดยมี ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ามา และภาพรวมที่มองอาจมีการปรับ ครม. โยกย้ายตำแหน่งสำคัญ เพื่อลดแรงเสียดทาน คิดว่ายังไม่ยุบสภา แต่ภายหลังแก้รัฐธรรมนูญ และรอ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ออกมา รวมถึงรอมาตรการเยียวยา งบประมาณปี 65 เริ่มอัดฉีดในระบบ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ ในช่วงระหว่างไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 2 ปีหน้า เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่อยู่ครบเทอม โดยจะมีการยุบสภา

ก่อนไปถึงจุดนั้น จะต้องชิงความได้เปรียบ เมื่อมีการปรับทัพภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นภารกิจหลัก แม้ว่าขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ลาออกจากเลขาธิการพรรค และถือเป็นถุงเงินของพรรค แต่ด้วยนิสัยของทั้งร.อ.ธรรมนัส และ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมกันไม่ได้ และในที่สุดจะเปิดทางให้ สันติ พร้อมพัฒน์ มาทำหน้าที่เลขาธิการพรรค แทน เพราะสามารถคุม ส.ส.ได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“ต้องรอดูการประชุมพรรคพลังประชารัฐ จะมีการปรับอย่างไร แต่ สันติ พร้อมพัฒน์ เข้ามาแน่ และกลุ่มสามมิตร จะมีอำนาจมากขึ้น เป็นการดึงอำนาจมาอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องติดตามดูความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร จะเป็นอย่างไร เมื่อไม่มี ร.อ.ธรรมนัส และนฤมล เป็นแขนขาให้ พล.อ.ประวิตร อีกต่อไป”

ส่วน ”พี่น้อง 2 ป.” พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จะต้องปรับตัวในเรื่องของทักษะ ไม่ว่าความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร จะเป็นอย่างไร แต่มีรอยปริอย่างแน่นอน ต้องมีการเยียวยา และน่าจะทำให้พรรคพลังประชารัฐ เล็กลง เพราะในอนาคตจะมี ส.ส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส รวมถึงกลุ่มของวทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ ออกไป และจะดึงพรรคเล็กเข้ามาแทน ตามยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐ จากการใช้กลไกอำนาจที่แข็งแรงที่สุด โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ จำกัดพรรคเล็ก การทำให้ผึ้งแตกรัง จะมีทั้งงูเห่า ส.ส.ฝากเลี้ยง ย้ายเข้าพรรคพลังประชารัฐ

...

“ต้องอาศัยเกมการเมืองพอสมควร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีทักษะ แต่จะมีฉัตรชัย พรหมเลิศ เข้ามาควบคุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการท้องถิ่น ในการปูทางเลือกตั้ง ก่อนการยุบสภา และคิดว่าไม่ได้ทำให้พลังประชารัฐ ได้อันดับ 1 แต่ก็ไม่จำเป็น เพราะมี 250 ส.ว.อยู่แล้ว ในการตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตนายกฯ คงไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์”

ส่วนการวัดอำนาจบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องดูว่าจะสามารถทำให้พรรคพลังประชารัฐ มีความกระชับมากขึ้นหรือไม่ และแม้เลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่เป้าหมายของ คสช. ไม่ต้องการถ่ายโอนอำนาจ อาจต้องตั้งตัวตายตัวแทน แต่จะประมาทไม่ได้ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร

...

หรือเกิดความขัดแย้งในกลุ่มชนชั้นนำ (Elite) อีกทั้ง ร.อ.ธรรมนัส เคยพูดว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ และกุมความลับหลายอย่าง ซึ่งดูแล้วร.อ.ธรรมมนัส เป็นคนไม่ลืมอะไรง่ายๆ ตามหลักวิเคราะห์การเมืองของชนชั้นนำ และเอกภาพของคสช.อาจเริ่มปริองคาพยพ

การเมืองนับจากนี้คงต้องดูท่าทีของ ร.อ.ธรรมนัส และปฏิกิริยาของ พล.อ.ประวิตร หลังการปรับโครงสร้างภายในพรรคพลังประชารัฐ อาจเกิดเรื่องราวขึ้นกลายเป็นดราม่าระหว่างกัน คิดว่าคงไม่มี ส.ส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ออกจากพรรคในขณะนี้ เพราะถ้าลาออกก็เท่ากับว่าหมดสภาพส.ส.ไปทันที ยกเว้น ร.อ.ธรรมนัส อาจเลือกทางเดินไปตั้งพรรคใหม่ หรือทนอยู่ต่อไปเป็นเพียง ส.ส.

สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ มีหลายประเด็นน่าจับตา โดยมีวัคซีนโควิดเป็นเดิมพัน หากเข้ามาในปริมาณมากขึ้น อาจทำให้ความไม่พอใจที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลลดน้อยลง ก็อาจเป็นไปได้.