ราคา "บิตคอยน์" วันนี้เป็นอย่างไร? หลัง "ตลาดคริปโต" ตลอดสัปดาห์ได้พา "คนดัง" ไปติดดอย กับความยุ่งเหยิงจาก "เอลซัลวาดอร์" ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุร่วงแรงครั้งนี้

ณ วันที่ 10 กันยายน 2564 เวลา 18:41 น. เหรียญคริปโตที่โด่งดังที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง "บิตคอยน์" (Bitcoint) หรือ BTC ราคาค่อยๆ เงยหัวกลับมาที่ 1.510 ล้านบาท ในรอบ 24 ชั่วโมงลดลง -0.81% (*9 ก.ย. 64 เวลา 18:45 น. ราคา 1.518 ล้านบาท)

โดยภาพรวม "ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี" ในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 19:45 น. ลดลง 0.48% ซึ่ง "บิตคอยน์" ยังคงเป็นเหรียญที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 1.13 ล้านล้านบาท (*ราคา 1.505 ล้านบาท) และเหรียญที่บวกเยอะสุด คือ เทโซส (XTZ) +29.77% (*ราคา 188.87 บาท)

"ตัวเลข" ที่ว่านี้ เป็นตัวเลขที่ค่อยๆ ทะยานหนีจากจุดตกต่ำที่สุดของวันมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่การฟื้นตัวที่ดีเท่าไรในรอบ 24 ชั่วโมง รวมถึงในรอบ 1 สัปดาห์ด้วย

...

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันที่ 6 กันยายน ราคา "บิตคอยน์" ก็ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.719 ล้านบาท ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 7 กันยายน

แต่นั่น... ก็ทำให้คนที่เพิ่งจะไขว่คว้ามาถือครองยิ้มได้ไม่ทันพ้นวัน เมื่อ "สัญญาณ" บางอย่างกำลังร้องเตือนว่า หากยังคงหวังตักตวงปีนป่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกหลายชั่วโมงนับจากนี้... คุณอาจจะต้องติดอยู่บน "ยอดดอย" อันหนาวเหน็บ!

เวลา 21.30 น. วันเดียวกัน ราคา "บิตคอยน์" และบรรดาคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหลาย ก็หกคะเมนตีลังกา ก่อนจะไถลลงดิ่งลึกที่สุดในเวลา 22:00 น. ร่วงมากกว่า -17% จากการเฝ้ามองเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ บนยอดดอย 1.719 ล้านบาท หล่นฮวบมาสู่ระดับ 1.399 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน "อีเธอร์เรียม" (ETH) คู่แข่งที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจากบิตคอยน์ ก็หนาวเหน็บไม่แพ้กัน เวลา 22:00 น. ตกมาที่ 98,304.03 บาท จาก 130,865.46 บาท ส่วนในวันนี้ (10 ก.ย. 64) เวลา 19:51 น. อยู่ที่ 110,303.78 บาท

ว่าแต่... ตัวเลขดังกล่าวเป็น "ราคา" ที่ตกต่ำที่สุดในปี 2564 นี้แล้วหรือยัง?

คำตอบ คือ "ไม่ใช่!"

สำหรับ "บิตคอยน์" ตกต่ำที่สุดในปี 2564 คือ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 911,211.43 บาท และหากเทียบการเปลี่ยนแปลงในรอบ 1 ปี ก็ +366.93% ขณะที่ "อีเธอร์เรียม" คือ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 22,280.81 บาท มีการเปลี่ยนแปลงในรอบ 1 ปี +858.79%

เสริมนิดๆ ย้อนกลับไป 6 ปีก่อน บิตคอยน์ยืนที่หลักพันเท่านั้น และอีเธอร์เรียมก็แค่หลักสิบ ...แต่วันนี้นั้นเปลี่ยนไปแล้ว

ช่วยด้วย... คนดังติดดอย!

กลับมาเหตุการณ์ ณ วันที่ 7 กันยายน แน่นอนว่า มีคนที่ลงไม่ทันและติดอยู่บนยอดดอยจริงๆ แล้วคนคนนั้นก็เป็น "คนดัง" เสียด้วย!

และเธอก็คือ "รีส วิเธอร์สปูน"

ณ เวลา 03:19 น. ของวันที่ 3 กันยายน ทวิตเตอร์ของ "รีส วิเธอร์สปูน" ได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า เธอนั้นกระโจนเข้าวังวนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเรียบร้อยแล้ว ด้วยการซื้อเหรียญ ETH หรือ "อีเธอร์เรียม" เป็นครั้งแรก

ในเวลานั้น "อีเธอร์เรียม" ที่เธอตัดสินใจคว้ามาครอบครอง ยืนอยู่ที่ 122,853.16 บาท ซึ่งนับว่าสูงพอสมควรทีเดียว เฉียดๆ ราคายอดดอยในรอบ 1 เดือนนี้ทีเดียว

...

แต่ก็อย่างที่ได้เห็นกัน การถือครองอีเธอร์เรียมของ "รีส วิเธอร์สปูน" สดใสได้เพียงไม่กี่วันก็ร่วงดิ่งลงต่ำกว่าแสน ก่อนจะฟื้นเหนือแสนได้ในวันที่ 8 กันยายน และจนมาถึงวันนี้ (10 ก.ย. 64) ก็ยังไม่เทียบเท่าวันที่ใจเด็ดปีนขึ้นไป... และก็ติดอยู่บนนั้น

สมมติว่า "รีส วิเธอร์สปูน" ซื้อ 1 ETH ที่ 122,853.16 บาท ในวันนี้ก็อาจหายราว -10.21%

ใดๆ ก็ตาม เหตุการณ์ ณ วันที่ 7 กันยายน ไม่ได้มีเพียงบรรดาเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้นที่ร่วงหล่น แต่รวมถึงหลายๆ อย่างที่เชื่อมโยงถึง "คริปโตเคอร์เรนซี" ด้วย ที่ต่างได้รับความทุกข์ตรมไม่ต่างกัน อาทิ เหมืองคริปโต Riot Blockchain ลดลง -7.38% และ Marathon Digital Holdings ก็ไถล -7.76% หรือหุ้นของ MicroStrategy Inc. ธุรกิจด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ที่ซื้อ "บิตคอยน์" ไปไม่น้อย ก็ -7.64% และรายใหญ่อย่างหุ้น COINBASE ก็ไถลตกลงไป -4.02%

ในเมื่อห้วงเวลานั้น ควรเป็น "วันแห่งความหวัง" ไฉนเลยจึงพ่ายแพ้ราบคาบ อะไรกันที่เขย่า "ตลาดคริปโต" ขนาดนี้?

ว่ากันว่า "เอลซัลวาดอร์" เป็นหนึ่งในเหตุผล!

...

เมื่อ "ข่าวลือ" กลายเป็น "ข่าวจริง" หลัง "เอลซัลวาดอร์" สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นประเทศแรกที่ลงมติยอมรับการใช้ "บิตคอยน์" เป็นตั๋วเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

โดยการยอมรับ "บิตคอยน์" ตามกฎหมายในครั้งนี้ ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ ในเอลซัลวาดอร์ต่างๆ เตรียมแผนรองรับการใช้บิตคอยน์ในการซื้อขายสินค้าและบริการ อาทิ แมคโดนัลด์ (McDonald) ที่มีสาขาที่นั่นก็เริ่มรับการใช้บิตคอยน์แล้ว ส่วนประธานาธิบดี "นายิบ บูเคเล" เองก็ได้ทุ่มซื้อ "บิตคอยน์" ไว้ก่อนหน้าที่จะมีการเริ่มต้นใช้อย่างเป็นทางการเช่นกัน รวมมูลค่าอย่างน้อย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 600 กว่าล้านบาท)

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ ประชาชนเอลซัลวาดอร์ได้คำมั่นสัญญาจากรัฐบาลว่า ภายใน "กระเป๋าเงินดิจิทัล" ของพวกเขาจะได้รับบิตคอยน์ในจำนวนหนึ่ง (*ราว 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 900 กว่าบาท)

แต่ต่อมาหลังจากแอปปล่อยออกมา... ประชาชนทั้งหลายกลับไม่พบ "บิตคอยน์" ที่รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาไว้

...

ประธานาธิบดีจึงรีบออกมาชี้แจงทันทีว่า รัฐบาลได้ "ถอดปลั๊ก" ชั่วคราว เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า เซิร์ฟเวอร์จะทำงานในช่วงที่ความต้องการพุ่งสูงได้ แถมยังแอบเหน็บแอปเปิล (Apple), กูเกิล (Google) และหัวเว่ย (Huawei) ถึงความล่าช้าเสียด้วย

จากกรณี "เอลซัลวาดอร์" นี้สะท้อนให้เห็นพลวัตของ "Sell the News" ได้ชัดเจนพอสมควรทีเดียว ซึ่งหลายๆ คนคงคุ้นชินกับประโยคเต็มๆ "Buy the Rumor, Sell the News" ง่ายๆ ว่า ซื้อตอนได้ยินข่าวลือ แล้วตัดสินใจขายหลังได้เห็นข่าว...

โดยประเมินได้ว่า คนที่ถือครองนี้น่าจะตัดสินใจ "ขาย" ก่อนและหลังข่าวการยอมรับสถานะบิตคอยน์ของเอลซัลวาดอร์ จนเป็นเหตุการณ์ ณ วันที่ 7 กันยายนอย่างที่เห็นกัน

ปัจจุบัน 10 กันยายน บิตคอยน์มีมูลค่าตลาด 28.3 ล้านล้านบาท ค่าเฉลี่ยการถือครองก่อนขายหรือส่งต่อที่ 85 วัน และกิจกรรมการซื้อขาย 70% (ซื้อ) และ 30% (ขาย) ส่วนอีเธอร์เรียมมีมูลค่าตลาด 13 ล้านล้านบาท ค่าเฉลี่ยการถือครองก่อนขายหรือส่งต่อที่ 81 วัน และกิจกรรมการซื้อขาย 64% (ซื้อ) และ 36% (ขาย) (*อ้างอิงจาก coinbase.com)

ซึ่งจนถึงตอนนี้ บรรดานักวิเคราะห์ก็ยังมองว่า แม้ราคาของบิตคอยน์หรือคริปโตเคอร์เรนซีตัวอื่นๆ จะดำดิ่งลงอย่างรุนแรงเทียบเท่าวันที่ 7 กันยายนนั้น ก็ยังไม่ใช่ความล้มเหลวที่ต้องผวา เพราะการเคลื่อนไหวรอบ 50 วัน ยังคงเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน ในด้านเสถียรภาพของราคาตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ก็มองได้ว่า ยังไม่มีความมั่นคง คงพบเห็นการลดลงอย่างรุนแรงรวดเร็วได้ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่นว่า วันนี้... คุณอาจซื้อชุด Big Mac ในร้านแมคโดนัลด์ที่ซานซัลวาดอร์ (เมืองหลวงเอลซัลวาดอร์) ได้ด้วยเศษบิตคอยน์ ในวันข้างหน้า คุณอาจมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเงินทองที่เพิ่มขึ้นจากบิตคอยน์ที่อยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือกลับกันอาจไม่ใช่ก็ได้ ...คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

เพราะ "คริปโตเคอร์เรนซีก็เหมือนฉลาม!"

นี่คือ คำกล่าวที่ "ปีเตอร์ เบเรซิน" (Peter Berezin) หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลก แห่ง BCA Research ได้เคยให้ไว้กับทีมข่าวเฉพาะกิจฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยมองว่า คริปโตเคอร์เรนซีจะพุ่งไปข้างหน้า หรือดำดิ่งลงก็ย่อมเป็นไปได้ ซึ่งคงต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์อันเข้มงวดไปอีกนานกว่าจะสามารถทำหน้าที่เป็น "สินทรัพย์สะสมมูลค่า" ได้ หรือเป็นที่ไว้ใจของรัฐบาลประเทศอื่นๆ ได้ แม้ในบางประเทศจะอนุญาตให้ทำการซื้อขายหรือครอบครองได้ แต่ในแง่อื่นๆ ยังคงห้าม.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: sathit chuephanngam

ข่าวน่าสนใจ: