• ประเทศไทยจะทำอย่างไรต่อไป หากการล็อกดาวน์ครั้งใหม่นี้กับพื้นที่ 13 จังหวัด ไม่ได้ผล จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นไม่หยุด จนน่ากังวล และตัวเลขผู้ป่วยรายวัน อาจแตะกว่า 3 หมื่นคนก็เป็นไปได้

  • ทำให้ "อู่ฮั่นโมเดล" ของรัฐบาลจีน ระยะเวลา 76 วัน คุมเข้มประชากร 11 ล้านคน แบบเจ็บแต่จบ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นยาแรง เพื่อนำมาควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในไทย ทั้งการปิดเมือง ปิดธุรกิจ เข้มงวดการออกจากบ้าน 

  • ด้วยสภาพสังคมไทยและจีน แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ได้มีเสียงเตือนจากหลายฝ่าย ขอให้คิดรอบด้าน เพราะจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ทรุดหนักมากขึ้น ไม่เหมาะกับสถานการณ์ พร้อมการเสนอโมเดลล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ทั้งซิดนีย์โมเดล อิตาลีโมเดล และกว่างโจวโมเดล แต่กุญแจสำคัญ ต้องมีวัคซีนที่ดี

สังคมไทย-จีน แตกต่าง "อู่ฮั่นโมเดล" อาจใช้ไม่ได้

"สนั่น อังอุบลกุล" ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า อู่ฮั่นโมเดล จะกระทบประชาชนและผู้ค้าขาย โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้รายวัน และเกิดผลกระทบทางลบด้านจิตวิทยา จะต้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจว่า ไทยสามารถบังคับใช้ "อู่ฮั่นโมเดล" ได้จริงหรือไม่ เพราะบริบทของไทยกับจีนนั้นแตกต่างกันมาก ทั้งวิธีคิด พฤติกรรมของคน วิถีชีวิต และความจำเป็นของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน อาจไม่ได้ผลกับอีกสถานที่หนึ่ง

...

รวมถึงมาตรการเยียวยา จะเป็นในรูปแบบใดที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และหากผ่านช่วงล็อกดาวน์แล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหาย ภาครัฐจะต้องหารือกับทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด และควรให้ความชัดเจนทั้งมาตรการการจัดหาและแผนกระจายวัคซีนร่วมกับภาคเอกชน

"กว่างโจวโมเดล" เหมาะกับไทย ต่อสู้สายพันธุ์เดลตา

รศ.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุสิ่งสำคัญและน่าจะเข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา มากกว่าคือ "กว่างโจวโมเดล" แต่ทั้งสถานการณ์ในอู่ฮั่น และกว่างโจว ทางการจีนล็อกดาวน์อย่างทันท่วงที กล้าตัดสินใจ แม้จะเสียหายมหาศาลทางเศรษฐกิจ เพราะอู่ฮั่นเป็นเมืองศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ของจีน ทั้งระบบทางด่วน และระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกล้าปิดเมืองในวันตรุษจีนที่คนจีนเดินทางหลายร้อยล้านคน และในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู

หรือกรณีกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง มีการค้าขายระหว่างประเทศมากที่สุด คู่กับเขตเศรษฐกิจฮ่องกง และมาเก๊า เมื่อพบหญิงอายุ 75 ปีรายแรก ติดเชื้อเดลตา ถ้าจำเป็นต้องปิดเมืองเพื่อรักษาชีวิต ต้องทำทันที ภาวะผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ บนข้อมูลที่รอบคอบ รอบด้าน และมีแผนการรองรับ

พร้อมกับเร่งตรวจเชื้อเชิงรุก 24 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดไม่เลือกปฏิบัติ จัดการกับผู้ละเมิดกฎกติกาอย่างจริงจัง มีการจัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็นให้ประชาชน เร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และเมื่อเปิดเมือง ยังบังคับการเว้นระยะห่างทางสังคม จนทั้งเมืองปลอดเชื้อ จึงเริ่มผ่อนคลาย ใช้ระบบเอไอ (AI) จีพีเอส คิวอาร์โค้ดและมินิ แอปพลิเคชัน ในการบ่งชี้พื้นที่เฝ้าระวัง และเฝ้าระวังว่ามีใครละเมิดกฎกติกาหรือไม่

...

"มีการวางแผนเผชิญเหตุอย่างชัดเจน รัดกุม รอบด้าน เพื่อให้ประชาชนเชื่อใจ และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาได้ ซึ่งนาทีนี้ประเทศไทยต้องการภาวะผู้นำและมาตรการที่รอบคอบครบถ้วน".

ผู้เขียน : ปูรณิมา