ประเด็นการลักลอบขนแรงงานเถื่อน ถูกเพ่งเล็งและวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมในทันที อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ เชื่อมโยงกับตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ก่อนแพร่เชื้อแบบดาวกระจายในพื้นที่หลายจังหวัด และต้องติดตามว่ารัฐบาลจะจริงจังเอาผิด ผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนำแรงงานเถื่อนเหล่านั้นเข้ามาได้หรือไม่? เพราะก่อนโควิดระบาด ได้มีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นั่นแสดงว่าผลประโยชน์ต้องคุ้มค่ามากๆ ทำให้ขบวนการขนแรงงานเถื่อนกระทำซ้ำๆ ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งในเรื่องนี้ "สุรพงษ์ กองจันทึก" ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม อดีตประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า การเข้ามาของแรงงานเถื่อนในช่วง 10 ปีหลัง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ลักลอบเข้ามาในไทย เพราะการสู้รบและเศรษฐกิจในประเทศไม่ดี กระทั่งสังคมเปลี่ยนไป คนไทยไม่ทำงานด้านประมง ก่อสร้าง รับจ้างค้าขาย และทำงานบ้าน ทำให้ไทยต้องดึงแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างน้อย 3-4 ล้านคน อีกทั้งอัตราการเกิดของประชากรไทยน้อยลง จากเดิม 2.3 คน เหลืออยู่ที่ 1.6-1.7 คน เนื่องจากคนยุคใหม่แต่งงานน้อยลง และมีลูกน้อยลง

เมื่อประชากรไทยน้อยลง การที่รุ่นลูกจะเข้ามาสู่ตลาดแรงงานก็น้อยลง และเด็กในยุคปัจจุบันนิยมเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น อีกทั้งค่านิยมในสังคมเปลี่ยนไป ที่พ่อแม่ทำงานแทนลูก และงานที่ยากลำบากคนไทยจะไม่ทำ เป็นเหตุผลที่แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน และเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี จึงไม่มีความจำเป็นในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว เนื่องจากไทยต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแล จำเป็นต้องเอาออกไปจากประเทศประมาณ 1 ล้านคน และแรงงานเหล่านี้ก็จะกลับมาอีก โดยต้องจ่ายหัวละ 2 หมื่นบาท เมื่อแรงงานต่างด้าว 1 ล้านคนลักลอบเข้ามา ก็เท่ากับ 2 หมื่นล้านบาท หมายความว่ามีคนได้ผลประโยชน์ปีละ 2 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย

...

“กลายเป็นค่านิยมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องเอาแรงงานต่างด้าวออกไป แล้วก็ให้เข้ามาใหม่ แลกกับผลประโยชน์ และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ต้องมีส่วยรายเดือนให้ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นงานประเภทไหน เช่น คาราโอเกะ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ขายบริการ ต้องจ่ายสูง หากเป็นงานแม่บ้าน อาจจ่ายน้อย และจากผลประโยชน์มหาศาล ทำให้แรงงานเข้ามาอย่างถูกกฎหมายยากขึ้น หมายความว่ามีเจตนาทำให้ยาก อาจเป็นว่าปีหนึ่งเปิดให้ขึ้นทะเบียนครั้งเดียว ทำให้แรงงานต่างด้าวไม่เข้าสู่ระบบ ต้องแลกกับผลประโยชน์ โดยคนบางกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำเป็นขบวนการมาตลอดทุกปี เมื่อที่ไหนทำธุรกิจมาก ก็จะมีแรงงานต่างด้าวเข้ามามาก โดยกรุงเทพฯ อันดับ 1 ตามมาด้วยสมุทรสาคร และชลบุรี”

 

 

จากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความตั้งใจ ทำให้การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวมีเงื่อนไขยุ่งยาก เป็นอุปสรรคในการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง หรือหากแรงงานต่างด้าวถูกจับจะโดนโทษหนัก ยกเว้นให้เงินค่าผลประโยชน์เป็นจำนวนมากก็จะรอดจากการถูกจับกุม หวังว่ารัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับการทุจริตคอร์รัปชัน อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน เพราะหากไทยเอาจริงเอาจัง จะสามารถก้าวพ้นทุกอย่าง โดยไม่กี่วันที่ผ่านมามีการตัดสินคดีวิคตอเรีย ซีเคร็ท ซึ่งมีหลักฐานชัดว่านำคนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา

ส่วนกรณีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทย ส่วนใหญ่เต็มใจเข้ามา แต่เมื่อเข้ามาแล้วจะได้งานทำอีกแบบ ไม่เป็นไปตามที่ตกลง โดยส่วนหนึ่งมาจากนโยบายรัฐบาลที่ไม่เอาจริงเอาจัง เพราะมีเรื่องผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ตั้งแต่หมื่นล้านไปจนถึงแสนล้านบาทต่อปี ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เคยออกมาเปิดเผยเรื่องส่วยในธุรกิจคาราโอเกะ แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกมาปฏิเสธ

จากการแพร่ระบาดของโควิดใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีการระบุแรงงานต่างด้าวเป็นต้นตอ อยากให้สังคมเข้าใจว่าแรงงานเหล่านั้นเป็นเหยื่อ เพราะไม่มีความตั้งใจเข้าไทย แต่ถูกล่อลวงเข้ามา เมื่อโควิดระบาดและแรงงานต่างด้าวติดเชื้อ พวกเขาคือผู้ประสบภัย โดยกาชาดไทยได้เข้ามาดูแลคนเหล่านี้ แต่คนในสังคมกลับมีทัศนะจงเกลียดจงชังแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีปัญหามาตลอด และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรัฐบาลไม่ได้ออกมาป้องปราม ไม่มีกฎหมายลงโทษการเลือกปฏิบัติในเรื่องเชื้อชาติ

...

“ที่ผ่านมาคนต่างด้าวที่สมุทรสาคร มีการตรวจโควิด 1 พันกว่าคน แต่ไม่มีการแจ้งผลให้เจ้าตัวได้ทราบ ซึ่งมีอยู่ 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกมีเชื้อ และมีอาการ ส่งตัวไปรักษา กลุ่มสองมีเชื้อ ไม่แสดงอาการ อาจจะหายได้ มีการรักษาในที่พักที่ถูกกักตัว และอีกกลุ่มปลอดภัยดี ซึ่งพบว่าไม่มีการแยกโซน มีการปล่อยให้อยู่รวมกัน จึงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อกันเอง ทำให้คนต่างด้าวเกิดความผวา ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือมาด้วยดี และถูกคนไทยเกลียดชัง คิดว่ามีคนสร้างข่าวทำให้เกลียดชังคนเหล่านี้ ทั้งที่ความจริงพวกเขาตกเป็นเหยื่อ”

...

 

นอกจากนี้ ตราบใดที่มีความต้องการแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย ก็จะยังคงมีขบวนการขนแรงงานเถื่อน โดยช่วงโควิดระบาดเมื่อช่วงต้นปี มีปริมาณน้อยลง เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ขยับจากการปิดชายแดนและล็อกดาวน์ประเทศ กระทั่งมีการปลดล็อกดาวน์ ได้มีการขนแรงงานเถื่อนเข้ามา ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระบาดของโควิดรอบใหม่

สุรพงษ์ มองว่า หากเข้ามาทางช่องทางปกติ อาจไม่ทำให้เกิดการระบาดของโควิดก็เป็นไปได้ เนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบคัดกรองและกักตัว แต่เมื่อลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ จึงเป็นการยากที่จะควบคุม โดยมีการลักลอบเข้ามาทางชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก มากสุด รองลงมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตามมาด้วย จ.กาญจนบุรี และระนอง จึงอยากเสนอให้มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการสแกนพรมแดนทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่อาจดูแลลาดตระเวนไม่ทั่วถึง.