ส่องแสนยานุภาพ "อาวุธกัมพูชา" ใช้โจมตีแนวรบไทย เหตุปะทะชายแดนรอบล่าสุด ส่งผลทหารไทยดับ 9 นาย บาดเจ็บ 120 นาย

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชารอบล่าสุด กัมพูชาได้มีการใช้อาวุธหลายรูปแบบในการโจมตีเข้ามาฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มี 7 จังหวัดของไทยที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สระแก้ว จันทบุรี และ ตราด ต้องเผชิญกับการคุกคามจากอาวุธหลากหลายชนิด ซึ่งล้วนมีศักยภาพสร้างความเสียหายแก่กำลังพลและประชาชนในพื้นที่

ไทยรัฐออนไลน์ รวบรวมข้อมูลจาก กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 8-11 พ.ย. 68 (วันนี้) กัมพูชาได้ใช้อาวุธหลากหลายในการโจมตี เริ่มตั้งแต่อาวุธขนาดเล็กสำหรับการปะทะระยะใกล้ ไปจนถึงอาวุธทำลายล้างพื้นที่กว้างอย่างปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง รวมทั้งยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ เช่น โดรนพลีชีพ FPV ที่สามารถเลือกโจมตีเป้าหมายเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ

ส่งผลให้ไทยได้รับความเสียหายจนสูญเสียกองกำลังพลไปจำนวน 9 นาย บาดเจ็บ 120 นาย พลเรือนเสียชีวิตทางอ้อม 4 ราย ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ต้องอพยพประชาชนกว่า 4 แสนคน

...

อาวุธกัมพูชาใช้โจมตีไทย

1. ปืนเล็ก

มีระยะการยิงครอบคลุม 300–600 เมตร ใช้สำหรับการปะทะระยะใกล้ มีศักยภาพทำลายบุคคลเป็นหลัก มักใช้ในสถานการณ์ปะทะฉับพลันหรือการซุ่มโจมตีในพื้นที่ป่าและเส้นทางภูมิประเทศแคบ

2. ปืนใหญ่

มีระยะยิงครอบคลุม 10–24 กิโลเมตร สามารถทำลายพื้นที่กว้างและสร้างแรงระเบิดครอบคลุมเป้าหมายหลายจุดในคราวเดียว เบื้องต้นกัมพูชาใช้ปืนใหญ่อย่างน้อย 122 นัด ยิงเข้ามายังพื้นที่ไทย ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่ชุมชนได้รับความเสียหายและอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา

3. ปืนไร้แสงสะท้อน

ระยะยิงครอบคลุม 300–1,000 เมตร ใช้โจมตีสิ่งปลูกสร้าง ที่มั่น หรือจุดกำบังด้วยแรงระเบิดเฉพาะจุด สามารถทำลายกำแพงหรือแนวป้องกันระยะประชิดได้

4. เครื่องยิงลูกระเบิด

มีระยะยิงครอบคลุม 1–7 กิโลเมตร ใช้วิถีกระสุนโค้งสูง สามารถโจมตีพื้นที่กำบังหรือแนวตั้งรับได้ดี และมักใช้ผสมผสานกับการยิงจากอาวุธอื่นเพื่อกดดันพื้นที่ต่อเนื่อง

5. ทุ่นระเบิด PMN-2

เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบมีชนวนระเบิดในตัว ทำงานด้วยน้ำหนักกด ทำลายกำลังพลที่เดินผ่าน คาดว่ากัมพูชาวางหรือใช้ทุ่นชนิดนี้ตามพื้นที่แนวชายแดน

6. ระเบิดแสวงเครื่อง

เป็นอาวุธที่ใช้เพื่อทำลายบุคคลหรือยานพาหนะ มักวางตามเส้นทางยุทธศาสตร์หรือจุดที่คาดว่ากำลังของไทยจะเคลื่อนผ่าน เบื้องต้นกัมพูชาใช้ระเบิดชนิดนี้โจมตีไทย อย่างน้อย 2 ชุด

7. จรวดหลายลำกล้อง BM-21

ระยะการยิงครอบคลุม 20–40 กิโลเมตร เป็นระบบยิงปูพรมถล่มพื้นที่ ยิงเป็นชุดจำนวนมากเพื่อทำลายพื้นที่วงกว้าง เบื้องต้น กัมพูชาใช้ BM-21 โจมตีไทยไม่ต่ำกว่า 204 ครั้ง ทำให้พื้นที่ชายแดนหลายจุดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

8. กระสุนลูกจรวด

เป็นกระสุนแรงระเบิดสูง ใช้โจมตีพื้นที่เป็นบริเวณกว้างและเสริมการยิงของระบบ BM-21 เบื้องต้น กัมพูชายิงเข้ามาไทยแล้วไม่ต่ำกว่า 8,160 นัด

9. โดรนพลีชีพ FPV

เป็นอาวุธสมัยใหม่ ดัดแปลงโดรนเพื่อติดวัตถุระเบิดและพุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายโดยตรง มีความแม่นยำสูง สามารถเลือกเจาะจงยานพาหนะหรือจุดยุทธศาสตร์เฉพาะได้ เบื้องต้น กัมพูชาใช้โดรน FPV เพื่อโจมตีไทยไม่ต่ำกว่า 63 ครั้ง รวม 125 ลำ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อฝ่ายไทย

ทั้งนี้ ทางกองทัพยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะดำเนินการทุกมาตรการอย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และศักดิ์ศรีของประเทศชาติ อย่างเด็ดขาดและถึงที่สุด โดยยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

(หมายเหตุ : ภาพอาวุธจากแฟ้มภาพ)