นับถอยหลังเหลืออีกไม่ถึงครึ่งปี สำหรับสนาม "เลือกตั้ง'69" คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายเดือน มี.ค.2569 พบว่า หลายพรรคเริ่มขยับก้าวแรก เปิดตัว สส.-กลุ่มการเมืองแล้ว พร้อมกับตั้งเป้าหมายคว้าเก้าอี้ สส.มาครองได้เป็นกอบเป็นกำคาดหวัดจะเป็นรัฐบาลชุดต่อไปให้ได้


"พรรคส้ม" หวัง 20 ล้านเสียง เพียงพอตั้งรัฐบาลพรรคเดียว


พรรคที่ชนะการเลือกตั้งในปี 2566 ที่ผ่านมา แม้ "พรรคก้าวไกล" จะถูกยุบโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ก่อนส่งไม้ต่อมายังพรรคส้มเจเนเรชั่นที่ 3 ที่นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ เท้ง หัวหน้าพรรคประชาชน ดำรงตำแหน่งมามากกว่า 1 ปีแล้ว พร้อมกับเป็น "ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ" และว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคด้วย


"เท้ง"  ได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับสื่อมวลชนที่รัฐสภา หลังถูกประเมินว่ากระแสนิยมตก โดยระบุว่า ตั้งเป้าหมายการเลือกตั้งที่จะมาถึงในช่วงต้นปี 2569 นี้ จากเดิมที่พรรคก้าวไกลที่นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทำได้ 14 ล้านเสียง ขอขยับเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านเสียง ซึ่งอาจแปรเปลี่ยนมาเป็นเก้าอี้ได้ถึง 250 ที่นั่ง มากกว่ากึ่งหนึ่งของเสียง สส.ในสภาผู้แทนราษฎร เพียงพอให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว


"เพื่อไทย" เชื่อคว้าได้ถึง 200 สส. ท้าพิสูจน์คำพูด สวนกระแสสังคม


แม้จะมี "เลือดไหลออก" หรือ สส. และสมาชิกย้ายออกจากพรรคไปเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ในงาน "ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย" เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศเตรียมความพร้อมลุยศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง แม้ตัวเองจะกลับไปเป็นแคนดิเดตไม่ได้ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าพรรคยังไม่สูญพันธุ์ และจะเดินหน้าต่อไปได้

...


ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งป้ายแดงของพรรคเพื่อไทย คว้าไมค์ประกาศกร้าวกลางวงสัมภาษณ์ เชื่อมั่นว่า จะสามารถคว้าเก้าอี้ สส. ได้มากถึง 200 ที่นั่ง บวกลบไม่เกิน 10% หรืออยู่ที่ราว 180-220 คน ด้วยกระแสเชิงลบของพรรคประชาชนที่ไปยกมือให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ จะส่งผลบวกให้พรรคเพื่อไทย ที่เคยได้ สส. 141 คน จากการเลือกตั้งปี 2566 เพิ่มขึ้นมาอีกเกือบ 60 คน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้


"พรรคภูมิใจไทย" เติบโตต่อเนื่อง หวังเกิน 100 สส.


พรรคแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันอย่าง "พรรคภูมิใจไทย" มีคะแนนเสียงการเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นในทุกสนาม ตั้งแต่การเลือกตั้ง ปี 2562, 2566 และกำลังจะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง จากการเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน มีพื้นที่และโอกาสสร้างสรรค์ผลงานผ่านโครงการต่างๆ เพื่อเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนมาเป็นกอบเป็นกำ


ช่วงนี้สื่อตั้งฉายาให้ว่าเป็น "ภูมิใจดูด" เพราะดึงดูดคนการเมืองหลายกลุ่มเข้ามาจอยพรรคได้ อาทิ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์-กลุ่มลูกหมี ชุมพร-กลุ่มสุชาติ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ, กลุ่มศักดิ์ดา-บ้านปัทมะจากพรรคเพื่อไทย, กลุ่มสันติ จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นต้น จึงคาดว่า จะสามารถยกระดับเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่มี สส.มากกว่า 100 คนได้


"พรรคกล้าธรรม" น้องใหม่ก้าวกระโดด อาจทะลุ 80 สส.


พรรคกล้าธรรม ที่นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เปิดตัวมาได้ไม่นานนัก และยังไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งใหญ่ ดึงดูด สส.จากหลายกลุ่มมาอยู่รวมกัน และชนะเลือกตั้งซ่อม 1 ครั้งที่ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนหน้านี้ในงานประชุมใหญ่ของพรรค ที่พัทยา จ.ชลบุรี มีการตั้งเป้าคว้าเก้าอี้ได้ถึง 70 สส. ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และล่าสุดก็มีหลายกลุ่มการเมืองเข้ามาร่วมอุดมการณ์ด้วย จึงขยับเป้าหมายใหม่ไปที่ 80 สส. แล้ว


นอกจากนี้ หลายพรรคการเมืองยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ รอเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ คาดว่าจะเป็นอดีตนายกฯ คนล่าสุดอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะปลุกพลังเก่ามาสู้กับการเมืองยุคใหม่, พรรคพลังประชารัฐ-พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังนิ่ง แต่ส่วนใหญ่จะมีเลือดไหลออกเป็นหลัก, พรรคไทยก้าวใหม่ ของ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ก็เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ส่วนพรรคขนาดกลาง-เล็ก ทั้ง พรรคไทยสร้างไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม ฯลฯ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักในช่วงเวลา 5 เดือนก่อนถึงการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 2569