แม้จะประกาศวางมือทางการเมืองอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่ 13 ปีก่อน ในวันที่ 4 ตุลาคม 2555 วันเกิดในวัย 54 ปีขณะนั้น เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับการทำฟุตบอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ชื่อของนายเนวิน ชิดชอบ ไม่เคยเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เขายังคงถูกกล่าวขานในฐานะ "ครูใหญ่" แห่งพรรคภูมิใจไทย ผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการเมืองและเป็น"ผู้เล่น" คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเสมอมา
เส้นทางการเมืองของเนวิน ชิดชอบ เริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ในปี 2528 ก่อนจะก้าวสู่สนามการเมืองระดับชาติในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ในปี 2531 และไม่เคยสอบตกเลย ตลอดเส้นทางอาชีพนักการเมือง เขาผ่านการสังกัดหลายพรรคการเมือง และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง แสดงถึงความสามารถในการปรับตัวและสร้างเครือข่ายทางการเมืองที่แข็งแกร่ง
...
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บทบาทของนายเนวินเด่นชัดขึ้น คือ ช่วงที่เป็นคนใกล้ชิดของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ยุคไทยรักไทย แต่หลังเกิดการรัฐประหารในปี 2549 ก่อนถูกตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนในปี 2551 ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายเนวินได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจต่อรองที่แท้จริง
กำเนิด "ภูมิใจไทย" และวาทะ "มันจบแล้วครับนาย"
แทนที่จะย้ายไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยตามแนวทางของอดีต สส.พรรคพลังประชาชน ส่วนใหญ่ แต่นายเนวินและ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยหันไปจับมือกับขั้วการเมืองตรงข้าม จัดตั้งรัฐบาลในขณะนั้น พร้อมกับวาทะอันโด่งดัง "มันจบแล้วครับนาย" ซึ่งถือเป็นการประกาศแยกทางกับทักษิณ ชินวัตร อย่างเป็นทางการ และเป็นจุดกำเนิดของพรรคภูมิใจไทยที่ทรงอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน
แม้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยสิบกว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่เป็นที่รู้กันดีในแวดวงการเมืองว่า "ครูใหญ่"ที่คุมทิศทางและยุทธศาสตร์ของพรรคตัวจริงคือ นายเนวิน ชิดชอบ
...
เขาได้วางรากฐานพรรคด้วยการสร้างเอกภาพภายใน ผสมผสานกับเครือข่าย "บ้านใหญ่" ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ใน จ.บุรีรัมย์ แต่ขยายอิทธิพลไปทั่วภาคอีสานและภาคอื่นๆ ทำให้ภูมิใจไทยกลายเป็นพรรคขนาดกลางที่มีอำนาจต่อรองสูง และเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้งในยุคหลัง และคาดว่าจะกลายเป็นพรรคใหญ่ในการเลือกตั้งปี2569 ที่จะถึงนี้
จากสนามการเมือง สู่สนามฟุตบอล: อำนาจไม่เคยจางหาย
...
การก้าวลงจากเวทีการเมืองเบื้องหน้าสู่บทบาทประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ทำให้อำนาจทางการเมืองของนายเนวินลดน้อยลง ตรงกันข้าม เขาสามารถใช้ "บุรีรัมย์โมเดล" สร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่ง ทั้งในมิติของกีฬา เศรษฐกิจ และการเมือง "ปราสาทสายฟ้า" ไม่ได้เป็นเพียงสโมสรฟุตบอล แต่เป็นศูนย์รวมแห่งอำนาจและบารมี ที่นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และผู้ทรงอิทธิพล ต่างต้องแวะเวียนไปแสดงความเคารพและกระชับสัมพันธ์ โดยเฉพาะในวันคล้ายวันเกิดของเขาที่จัดขึ้นทุกปี รวมถึงในปีนี้ด้วย
ภาพของนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นที่หลั่งไหลเข้าร่วมงานวันเกิดของนายเนวินอย่างพร้อมหน้า เป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะ "ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล" ที่ทุกคนต้องให้ความเกรงใจ เขาสามารถใช้คอนเนคชันที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ผสานกับความสำเร็จของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในการขับเคลื่อนและต่อรองทางการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
...
แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่ความเคลื่อนไหวของนายเนวินยังคงเป็นที่จับตาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ การปรากฏตัวในงานสำคัญ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของคนในตระกูลชิดชอบ ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในพรรคภูมิใจไทย เช่น นายไชยชนก ชิดชอบ บุตรชาย ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีสมัยแรก ยิ่งตอกย้ำถึงการสืบทอดอำนาจและการวางหมากกลทางการเมืองสำหรับอนาคต
นายเนวิน คือ นักการเมืองที่ไม่เคย "วางมือ" อย่างแท้จริง การเปลี่ยนบทบาทจากผู้เล่นเบื้องหน้ามาเป็น "ครูใหญ่" และผู้ควบคุมเกมเบื้องหลัง ทำให้เขาสามารถรักษาและขยายอำนาจทางการเมืองได้อย่างต่อเนื่อง