นายกฯ อนุทิน แถลงนโยบายเร่งด่วน 5 ด้าน เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม ภัยธรรมชาติและกฎหมาย เดินหน้าโครงการคนละครึ่ง แก้ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา จัดทำประชามติยกเลิก MOU 43/44
วันนี้ (29 ก.ย.58) เมื่อเวลา 09.34 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นำทีม ครม.เข้าแถลงนโยบายรัฐบาล ระบุว่า ครม.ขอแถลงหลักการบริหารราชการแผ่นดิน และนโยบายสำคัญของรัฐบาล จะยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1.พิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3.ยึดมั่นหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม บริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล
รัฐบาลเข้าบริหารราชการภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศไทยเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน และมีระยะเวลาที่มีจำกัด งบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้จัดทำ และเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จำเป็นต้องเร่งแก้ปัญหาของประเทศ ได้แก่ ภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการวางรากฐานของประเทศ การพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน การสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส สร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุข รัฐบาลจะสนับสนุนการจัดทำประชามติ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รับฟังเสียงประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
...
รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสำคัญที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ 5 ด้าน ดังนี้
นโยบายด้านเศรษฐกิจ
1. สร้างรายได้ ลดรายจ่าย ให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ค่าพลังงาน ค่าโดยสาร โดยจัดทำโครงการคนละครึ่ง บริหารจัดการราคาสินค้าเกษตร
2. แก้ไขปัญหาหนี้สินและเพิ่มสภาพคล่อง บนพื้นฐานความเสี่ยงที่เป็นธรรม ระหว่างสถาบันการเงินและผู้กู้ อาทิ แก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนรายบุคคลในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท
3. เพิ่มโอกาสการออมของประชาชนรายย่อย ให้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยสะดวก พัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม
4. ฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว มุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว การปราบปรามการฉ้อโกงและการหลอกลวงนักท่องเที่ยว จัดทำมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศหันมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2568 ให้ความสำคัญกับการเที่ยวเมืองรอง เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
5. เร่งแก้ปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า จัดตั้งทีมไทยแลนด์ยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม ดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ดูแลผู้ประกอบการ SMEs เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ป้องกันการทุ่มตลาด และสร้างสภาพแวดล้อมในการลงทุนที่เอื้อต่อการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคต
นโยบายด้านความมั่นคง
6. เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ ยุติความขัดแย้งด้วยกลไกเจรจาการทูตควบคู่การป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ทำประชามติยกเลิก MOU43/44 และจะดำเนินนโยบายต่างประเทศในเชิงรุกที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจและสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
7. เร่งแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คู่ขนานไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน
นโยบายด้านสังคม
8. ปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุน Entertainment Complex ที่มีธุรกิจการพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปแบบกีฬา เช่น โปกเกอร์
9. รักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด
10. ขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ
11. พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น
นโยบายด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
12. เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เยียวยาและฟื้นฟูให้ประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน
13. ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด
นโยบายด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย
14. เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับการบริหารภาครัฐให้ทันสมัย
...
15. กิโยตินกฎหมาย ปฏิรูปกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน และธุรกิจ