น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และรมว.วัฒนธรรม ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จาก “คลิปเสียง” สนทนากับ ฮุน เซน ผ่านการไต่สวนพยานบุคคลไปแล้ว และเตรียมจะพิจารณาในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ว่าจะต้องอยู่หรือไป
ล่าสุด มี 4 ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ก่อนจะถึงวันตัดสิน โดย น.ส.แพทองธาร มีทางเลือกระหว่าง ชิงลาออกก่อน หรือรอลุ้นคำตัดสินเท่านั้น
ศาล รธน.ฟันไม่ผิด
หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากเกินครึ่ง หรือ 5 จาก 9 เสียงขึ้นไป ว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็จะส่งผลให้ น.ส.แพทองธาร ได้เป็นนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม ต่อไป โดยจะคืนตำแหน่งที่เคยสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รวมแล้วกว่า 2 เดือน
อีกทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้ด้วย การเมืองทั้งสภาฯ และทำเนียบฯ สามารถเดินต่อไปได้ โดยไม่ต้องโหวตหรือเลือกนายกฯ คนใหม่มาแทน
ศาล รธน.ฟันผิด พ้นนายกฯ
หากวันที่ 29 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร อยู่รอถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการชี้ว่ามีความผิดจริง ก็จะทำให้พ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกฯ และยังส่งผลให้ ครม.พ้นจากตำแหน่งทั้งหมดด้วย
ส่งผลให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต้องลงมติเพื่อเลือกนายกฯ คนใหม่ ตามรายชื่อแคนดิเดตที่เหลืออยู่ ทั้งนายชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย, นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย (ฝ่ายค้าน), นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์ และอาจได้เห็นการจับขั้วรัฐบาลใหม่ เพิ่มหรือลดพรรคใดเข้ามาก็เป็นไปได้
...
“แพทองธาร” ชิงลาออกก่อน
ก่อนถึงวันชี้ชะตา 29 ส.ค.นี้ หาก น.ส.แพทองธาร ตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายกฯ ก่อน ก็จะส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องพิจารณาเรื่องนี้อีกต่อไป แม้ ครม.จะต้องพ้นจากตำแหน่งยกชุดเช่นเดียวกัน แต่ น.ส.แพทองธาร ก็จะไม่มีความผิดในลักษณะเดียวกับที่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ คนก่อนหน้าโดน และสภาฯ จะต้องโหวตนายกฯ คนใหม่มาทำหน้าที่แทนเช่นกัน
แต่การตัดสินใจแบบนี้สำคัญมาก น.ส.แพทองธาร ต้องมั่นใจว่า หากฝืนอยู่ต่อถึงวันที่ 29 ส.ค.นี้แล้วผลจะเป็นลบจริงๆ การตัดสินใจแบบนี้จึงจะเซฟตัวเองมากกว่า แต่หากไม่ลาออกก่อนจริงๆ ก็คงมีสัญญาณเชิงบวกว่า ตัวเองอาจจะรอดพ้นมากกว่า
ชิงยุบสภาฯ ก่อนตัดสิน
ปัจจุบันอำนาจการยุบสภาฯ อยู่ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ แน่นอนว่า หากยุบสภาฯ ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่แนวทางนี้เป็นไปได้ยากมาก เพราะปัจจุบัน อำนาจรัฐบาลและแคนดิเดตก็ยังเป็นคนของเพื่อไทย โดยเฉพาะกระแสนิยมที่ติดลบในขณะนี้ คงไม่สามารถเลือกทางนี้อย่างเด็ดขาด เพราะเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และความไม่พึงพอใจในรัฐบาลจะส่งผลผ่านผลการเลือกตั้ง แถมจะเป็นบวกกับพรรคฝ่ายค้าน อย่างพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบันด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายของเดือนสิงหาคมอย่างเข้มข้น เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า น.ส.แพทองธาร จะตัดสินใจอย่างไร หรือศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะออกในฉากทัศน์ในก็ตาม ก็จะทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน