วันนี้ (29 ก.ค. 2568) เวลา 13.30 น. พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกด้านความมั่นคงของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปสถานการณ์พื้นที่การปะทะข้อมูลเมื่อ 06.00 น. ไทยสามารถควบคุมไว้ได้ 11 พื้นที่ด้วยกันในเวลา 24.00 น.ที่ผ่านมา คือ

1. ภูมะเขือ

2. ช่องอานม้า

3. ปราสาทตาเมือนธม

4. ปราสาทตาควาย

5. แนวเขตแดนช่องบก

6. โดนตวล

7. สัตตะโสม

8. ช่องจอม

9. ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด

10. พระวิหาร

11. พลาญยาว


ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 รายงาน หลังเวลา 00.00 น. (29 ก.ค. 68) ปรากฏการคุกคามของกำลังประเทศกัมพูชาใน 7 เหตุการณ์ คือ

1. พื้นที่ช่องบก เกิดการปะทะด้วยปืนเล็กที่เนินโนเนมทางทิศตะวันตกช่องบก

2. พื้นที่ช่องอานม้า เวลา 05.00 น. เกิดการปะทะด้วยอาวุธยิงสนับสนุน สิ้นสุดในเวลา 09.00 น. ทั้งสองฝ่ายจัดตั้งชุดประสานงานบริเวณทิศใต้ช่องอานม้า

3. พื้นที่ซำแต เกิดการปะทะฝ่ายเราสามารถควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้

...

4. พื้นที่ช่องตาเฒ่า ตรวจพบการนำยานพาหนะพร้อมกำลังพลเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ ปัจจุบันกำลังดังกล่าววางกำลังอยู่บริเวณปากช่องตาเฒ่า

5. พื้นที่ภูมะเขือ ฝ่ายประเทศกัมพูชายังคงลาดตระเวนโดยรอบภูมะเขือ และใช้อาวุธวิถีโค้งโจมตีต่อฝ่ายเราในช่วงเวลา 01.00 น.

6. พื้นที่ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังควบคุมพื้นที่

7. ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับไม่ทราบฝ่าย บินอยู่เหนือที่ตั้งทางทหารและสนามบินตามแนวชายแดนหลายแห่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอากาศยานไร้คนขับดังกล่าว

สำหรับผลการหารือระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 กับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา ไม่มีจ้กตกลงดังนี้ 1. หยุดยิง, 2. ห้ามใช้กำลังต่อประชาชนคนไทย, 3. หยุดเพิ่มเติมกำลัง, 4. ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง, 5. ฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกในการนำทหารกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตออกจากพื้นที่การรบ, 6. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการจัดตั้งชุดประสานงานเพื่อแก้ปัญหาตลอดแนวชายแดนในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายละ 4 นาย สำหรับฝ่ายไทย ได้กำหนดให้รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีเป็นหัวหน้าคณะฯ และ 7. ให้กำลังทุกส่วนลดการเผชิญหน้าทุกรูปแบบและรอผลการหารือของที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 4  ส.ค. 2568 เพื่อนำมากำหนดเป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอีกครั้ง ฃ

ที่มา : ศบ.ทก., กองทัพภาคที่ 2