นิด้าโพล เผยแพร่ผลการสำรวจ “การเมืองไทย ไปต่อแบบไหนดี” จาก 1,310 ตัวอย่างที่อายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายภูมิภาค อาชีพ ระดับการศึกษา ทั่วประเทศ ผลปรากฏว่า ความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เกินกว่า 80% ไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อีกแล้ว
โดยกระแสนิยมในตัวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลดลงเป็นอย่างมาก จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา จากกรณีพื้นที่ชายแดนที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัว ก่อนจะมี “คลิปเสียง” การสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา เป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ปลุกพลังเงียบให้ออกมาขับไล่และต่อต้านรัฐบาลที่นำโดยผู้นำคนปัจจุบัน
แม้ว่า น.ส.แพทองธาร พร้อมกับรัฐมนตรีทุกพรรค ยกเว้นพรรคภูมิใจไทยที่ถอนตัวออกมา ก็ยังมีเสียงในสภาฯ ที่เพียงพอต่อการเป็นรัฐบาลต่อไป และไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ก็ต้องพบกับแรงต้านรอบทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น
แรงต้านจากศาลรัฐธรรมนูญ
...
กรณีที่ประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องให้พิจารณาจริยธรรมจากกรณีข้างต้น จนศาลฯ มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการวินิจฉัยเสร็จสิ้น แต่ทว่า น.ส.แพทองธาร ก็แก้เกมนี้ด้วยกัน เสนอชื่อตัวเองไปนั่ง รมว.วัฒนธรรม ส่งผลให้ยังสามารถเข้าร่วมการประชุม ครม. และทำหน้าที่รัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมได้ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรักษาราชการแทนนายกฯ ไปในระหว่างนี้
แรงต้านจากเสียงในสภาฯ
หลังจากการถอนตัวของ “พรรคภูมิใจไทย” ที่เดิมเป็นพรรคอันดับ 2 ในซีกรัฐบาล ถอนตัว 69 สส. ออกมา ส่งผลให้เสียงของรัฐบาลที่มีเสถียรภาพแบบล้นเหลือ กลายมาเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ มาเพียงไม่กี่เสียงเท่านั้น จนเจอเกมนับองค์ประชุมจากฝ่ายค้านอยู่บ่อยครั้ง จนผู้คุมเสียงฝั่งรัฐบาลต้องออกมาประกาศให้ สส. หรือรัฐมนตรีที่ยังเป็น สส. ต้องเข้ามานั่งทำงานที่รัฐสภาทุกวันพุธ และพฤหัสบดีที่จะมีการประชุมสภาฯ เพื่อป้องกันไม่ให้สภาฯ ล่ม จึงได้เห็นภาพรัฐมนตรีวิ่งขึ้นรถเข้าสภาฯ กันเป็นว่าเล่นในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งยังเปิดทางให้มีการ “ซื้อตัวงูเห่า” เพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะ 1 คน 1 เสียง ก็ทำให้รัฐบาลทำงานง่ายขึ้นมาอีกเยอะ
แรงต้านจากประชาชน
ภาพการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนความไม่พึงพอใจต่อตัว น.ส.แพทองธาร เป็นอย่างมาก ปลุกพลังเงียบจากอดีตแกนนำม็อบทั้งยุคพันธมิตร มาจนถึงยุค กปปส. หลายสิบชีวิต พามวลชนจำนวนมากลงถนน ประกาศศึกขับไล่ น.ส.แพทองธาร และครอบครัวชินวัตรออกจากการเมืองไทยอย่างชัดเจน แม้จะพักการเคลื่อนไหวไปบ้าง จากกรณีที่ถูกสั่งในหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ก็มีรายงานว่า เตรียมรวมพลกันอีกครั้งในช่วงกลางเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่า หากผู้บริหารประเทศยังเป็น น.ส.แพทองธาร ต่อไป ก็จะต้องเจอกับกระแสขับไล่จากประชาชนไม่หยุดหย่อนอย่างแน่นอน
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน
42.37%
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหานายกฯ คนใหม่
39.92%
น.ส.แพทองธาร ควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป
15.04%
น.ส.แพทองธาร ควรบริหารประเทศต่อไปเหมือนเดิม
1.37%
เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร
ขณะที่บุคคลที่ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกฯ คนต่อไป ตามรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ในปัจจุบันตามรัฐธรรมนูญ กรณี น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง มากที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
32.82%
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แคนดิเดตจากพรรครวมไทยสร้างชาติ
27.94%
ไม่สนับสนุนใครเลยตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ
11.53%
นายอนุทิน ชาญวีรกูล
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
10.92%
นายชัยเกษม นิติสิริ
แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย
9.77%
ใครก็ได้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ
3.82%
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
1.83%
นายจุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
0.84%
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการที่พรรคประชาชนควรร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านเพื่อขอเปิดอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือรัฐมนตรี จากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ส่วนใหญ่อยากให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ
...
64.43%
ควรลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายก หรือรัฐมนตรี
26.26%
ไม่ควรลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือรัฐมนตรี
7.48%
อย่างไรก็ได้