เครื่องบินรบ กองทัพอากาศไทย ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนของประเทศไทยและกัมพูชา จากปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ จนทำให้มีความเคลื่อนไหวของกองทัพทั้ง 2 ประเทศที่เตรียมพร้อมปฏิบัติการปกป้องอธิปไตยของประเทศตัวเอง ขณะที่ไทยเอง แม้ผู้นำจะประกาศยึดหลักสันติวิธี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีการเตรียมความพร้อมรับมือ หากสถานการณ์บานปลาย ดั่งเพลงชาติที่นายกฯ ได้กล่าวว่า "ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด" และนี่คือ 5 เครื่องบินรบสมรรถนะสูงของไทย ที่พร้อมปฏิบัติการในยามที่จำเป็น

JAS 39 Gripen C/D
เครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen C/D กองทัพอากาศไทย ดำเนินการจัดซื้อในช่วงปี 2551-2553 ลำละ 2,800 ล้านบาท รวมถึงค่าระบบเรดาห์ การฝึกอบรม อาวุธ และการสนับสนุนจากบริษัทจากสวีเดน ก่อนจะเริ่มประจำการในปี 2554 ซึ่งเป็นเครื่องที่มีความคล่องตัวสูง ใช้งานสะดวก ต้นทุนต่ำ สามารถขึ้นลงบนถนนได้ เนื่องจากใช้รันเวย์ที่สั้น ทำความเร็วสูงสุด 2,205 กม./ชม. และมีพิสัยการบิน 3,200 กม.
...
F-16 MLU
เป็นโครงการปรับปรุงเครื่องบิน F-16 A/B เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2555 มีการอัปเกรดจำนวน 18 ลำ เฉลี่ยราคาต่อลำอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เพิ่มสมรรถนะของเครื่องบิน จนสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 2 มัค หรือราว 2,120 กม./ชม. มีพิสัยการบิน 4,217 กม. โดยมีจุดเด่นที่ระบบภายใน รองรับอาวุธยุคใหม่ ยืดอายุการใช้งานเครื่องเดิมต่อไป
F-16 A/B
สำหรับ F-16 A/B Fighting Falcon กองทัพอากาศใช้มาตั้งแต่ปี 2531 มีมากกว่า 50 ลำ มีฝูงบินหลักอยู่ที่ ดอนเมือง และตาคลี โดยมีราคาเมื่อกว่า 35 ปีที่แล้วประมาณลำละ 600-700 ล้านบาท บินได้เร็วสุด 2,120 กม./ชม. พิสัยการบิน 4,200 กม. เป็นเครื่องบินที่สมรรถนะสูง บรรทุกอาวุธได้หลากหลาย และสามารถอัปเกรดเพื่อยืดอายุการใช้งานได้ อีกทั้งยังใช้ฝึกและซ่อมบำรุงได้ง่าย มีอะไหล่รองรับจากทั่วโลก
F-5 E/F Tiger II
เครื่องบินขับไล่ F-5 E/F Tiger II ของกองทัพอากาศ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด โดยประจำการตั้งแต่ปี 2521 หรือกว่า 47 ปี สมัยนั้นมีราคาลำละ 300-400 ล้านบาท และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในช่วงปี 2563 เพื่อยืดอายุการใช้งานไปอีกราว 15 ปี เป็นเงินกว่า 500 ล้านบาทต่อลำ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 1,700 กม./ชม. พิสัยการบิน 2,530 กม. ระบบการใช้งานไม่ซับซ้อน ดูแลง่าย ใช้ได้ในหลายภารกิจ และสามารถอัปเกรดได้ต่อเนื่อง
Gripen E/F
เครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F เป็นว่าที่ฝูงบินใหม่เพื่อทดแทนรุ่นที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน มีการพัฒนาจากรุ่น C/D ด้วยระบบเรดาห์และเซนเซอร์ที่ทันสมัย เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง บรรทุกอาวุธได้มากขึ้น ทำความเร็วสูงสุดถึง 2,450 กม./ชม. และมีพิสัยการบิน 1,500 กม. โดยกองทัพอากาศไทยมีแผนการจัดซื้อ 12 ลำภายใน 10 ปี เพื่อทดแทน F-16 A/B โดยระยะแรกจะจัดซื้อ 4 ลำ ในช่วงปี 2568-2569 เป็นเงิน 19,500 ล้านบาท