วันที่ 3 มิ.ย. 2025 เกาหลีใต้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 21 หลังได้มีการถอดถอนอดีตประธานาธิบดียุนซอกยอล เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จากกรณีที่อดีตประธานาธิบดียุน ได้ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีก่อน ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเมิดสิทธิทางการเมืองขั้นพื้นฐานของประชาชน ทำลายหลักนิติธรรมและประชาธิปไตย (อ่าน : เปิดไทม์ไลน์ 4 เดือน ถอดถอน “ยุน ซอกยอล” จากประธานาธิบดีเกาหลีใต้)

ประธานาธิบดีคนใหม่จะดำรงตำแหน่งในวาระ 5 ปี โดยเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญหลายด้าน ทั้งมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาในประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือที่กำลังขยายความร่วมมือทางทหารกับรัสเซีย ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงสมัครหลายคนด้วยกัน แต่ที่เป็นตัวเต็งมีทั้งหมด 2 คนคือ

...

อี แจมยอง เบอร์ 1

อี แจมยอง วัย 60 ปี เป็นแคนดิเดตจากพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) และอดีตผู้ว่าการจังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นจังหวัดรอบนอกของกรุงโซล และมีประชากรมากที่สุดในประเทศ

เขาได้รับความนิยมส่วนหนึ่งจากประวัติชีวิตที่ไม่ได้สวยหรู เกิดในครอบครัวที่ยากจนมาก ต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานโรงงานซึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจนได้รับความพิการที่ขา ก่อนที่จะสอบเทียบจนเรียนจบนิติศาสตร์ และเป็นทนายด้านสิทธิมนุษยชน

อี แจมยองเริ่มเข้าสู่วงการการเมืองในปี 2005 และแพ้การเลือกตั้งหลายครั้ง ก่อนจะชนะการเลือกตั้งเป็นนายกเทศบาลเมืองซองนัม จังหวัดคยองกี 2 สมัย ในปี 2010 และ 2014 และมีชื่อเสียงจากการปราศรัยโจมตีอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึนฮเย อย่างดุเดือดในช่วงปี 2016-2017 จากนั้นจึงชนะเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการจังหวัดคยองกีในช่วงปี 2018-2021

เขาลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกเมื่อปี 2022 หลังประธานาธิบดีมุน แจอิน จากพรรคเดียวกันได้หมดวาระลง แต่ได้พ่ายแพ้ให้กับ ยุน ซอกยอล คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชนไปอย่างเฉียดฉิวที่ 0.73% ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี จากนั้นเขาได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภานิติบัญญัติ (National Assembly) เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยและหัวหน้าฝ่ายค้านในสภา

อี แจมยอง มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ถอดถอนอดีต ปธน.ยุน ซอกยอล โดยในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2024 เขาได้นำ สส.ฝ่ายค้าน บุกเข้าสภา ไปโหวตคว่ำการประกาศกฎอัยการศึกร่วมกับ สส.รัฐบาลบางส่วน และเป็นผู้นำสภาในการโหวตถอดถอนอดีตปธน.ยุน

อี แจมยอง นำเสนอตัวเองเป็น “กัปตันผู้ทำได้” ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความแตกแยกในประเทศ และสร้างสันติภาพกับเกาหลีเหนือ และแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมและการทุจริตที่ฝังรากลึกในสังคมเกาหลี

อย่างไรก็ดี ฝ่ายอนุรักษ์นิยม โจมตีว่าเขาเป็น “นักประชานิยมที่อันตราย” ที่จะเพิ่มความแตกแยกในประเทศ และเป็นคนที่กลับคำพูดได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันเขาก็ถูกฟ้องร้องคดีอาญาจำนวน 5 คดี ในข้อหาทุจริตและข้อหาอื่นๆ จากสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศบาลและในการหาเสียงเมื่อปี 2022 ซึ่งหากเขาชนะเลือกตั้งก็อาจทำให้คดีเหล่านี้สิ้นสุดลง เนื่องจากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ มักจะได้รับความคุ้มกันจากการดำเนินคดีอาญา

โพลเลือกตั้งล่าสุด อี แจมยอง มีคะแนนนำอยู่ที่ 46%-49% 

คิม มุนซู เบอร์ 2

คิม มุนซู วัย 73 ปี เป็นตัวแทนผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชน (People Power Party) พรรคสายอนุรักษ์นิยมที่ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด แต่ครั้งนี้อาจได้รับความนิยมต่ำลงจากการประกาศกฎอัยการศึกของอดีต ปธน.ยุนซอกยอล

คิม มุนซู เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานและประชาธิปไตยชื่อดัง ในยุค 1970-1980 ในสมัยที่เกาหลีใต้อยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหาร ทำให้เขาถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยโซล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศถึง 2 ครั้ง และเคยถูกจำคุกนาน 2 ปีครึ่งจากข้อหาต่อต้านรัฐบาล ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนอุดมการณ์ในปี 1994 เข้าร่วมกับพรรคสายอนุรักษ์นิยม และถูกเพื่อนนักเคลื่อนไหวตำหนิว่าเป็น “คนทรยศ” โดยคิมกล่าวว่าเขาละทิ้งความฝันการเป็น “นักปฏิวัติ” หลังเห็นการล่มสลายของรัฐคอมมิวนิสต์

...

ในเส้นทางการเมือง คิม เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการจังหวัดคยองกี 2 สมัยในช่วงปี 2006-2014 และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ (National Assembly) 3 สมัย ก่อนจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน เมื่อปี 2024 ในรัฐบาลของอดีต ปธน.ยุน

ทั้งนี้ คิม มุนซู ถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่ผ่านพ้นช่วงพีกของตัวเองไปแล้ว และแต่เดิมไม่ได้เป็นตัวเต็งในการเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เขาได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้สนับสนุนพรรคสายแข็ง หลังเป็นคนเดียวในคณะรัฐมนตรีที่ปฏิเสธข้อเรียกร้องจาก สส.พรรคประชาธิปไตย ที่เรียกร้องให้ ครม.ลุกขึ้นยืนและก้มหัวในสภานิติบัญญัติ เพื่อขอโทษต่อการกระทำของอดีต ปธน.ยุน แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึกก็ตาม

คิม มุนซู ชนะในการเลือกตั้งหาแคนดิเดตเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เจอความขัดแย้งภายใน เมื่อบรรดาผู้นำพรรคต้องการให้ “ฮัน ด็อกซู” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครอิสระที่มีคะแนนความนิยมมากกว่า เป็นตัวแทนพรรค แต่ในท้ายที่สุดคิมก็รักษาสถานะแคนดิเดตของตัวเองไว้ได้จากการโหวตของสมาชิกพรรค และในการประชุมพรรคที่ได้มีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ เขาได้คุกเข่าขอโทษสำหรับความขัดแย้งภายใน สัญญาจะส่งเสริมความสามัคคีและจะสู้ไปด้วยกันหลังจากนี้

...

คิม มุนซู เคยประกาศว่าเขาจะสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นและจะพยายามให้สหรัฐฯ รับประกันความมั่นคงเพิ่มขึ้น ในการรับมือภัยคุกคามทางด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ และเขาสัญญาจะปฏิรูปกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ รวมถึงจะลดภาษีนิติบุคคลและภาษีมรดก

โพลเลือกตั้งล่าสุด คิม มุนซูมีคะแนนตามหลังอี แจมยอง ที่ 35%-37%

ที่มา : apnews