จากกรณี อาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่มีความสูง 30 ชั้นพังถล่มลงมา หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมียนมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว จากการตรวจสอบพยานหลักฐาน พบว่าแบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวงและมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ของอาคารไม่ได้อยู่กลางอาคารแต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางของการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่ออาคารแกว่งตัวจากแผ่นดินไหวทำให้กำแพงปล่องลิฟต์และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลังตกลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว
การตรวจปูนซีเมนต์ที่ใช้ในการก่อสร้างพบความแข็งแรงของคอนกรีตไม่ได้มาตรฐานตามค่า KSC การตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บได้จากซากอาคารพบมีบางส่วนไม่เป็นไปตามแบบเช่นกัน และจากการตรวจลายมือชื่อของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อฐานะวุฒิวิศวกร กองพิสูจน์หลักฐานลงความเห็นว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน
จากหลักฐานข้างต้นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้แบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ 6 ราย
- บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) ทำสัญญาระหว่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล 1 ราย และมีกลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลนซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้าง จำนวน 5 ราย
กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง 5 ราย
กิจการร่วมการค้า PKW จำนวน 1 รายในฐานะส่วนตัวเนื่องจากเป็นผู้แทนลงนามในสัญญา ซึ่งทั้ง 3 บริษัทตกลงยินยอมรับผิดร่วมกันและแทนกันต่อผู้ว่าจ้างในทุกกรณี โดย 3 บริษัทประกอบด้วย
1. บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด
2. บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด
3. บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด
...
กลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง 6 ราย
- บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีอำนาจกระทำการแทนกิจการร่วมค้า ITD-CREC
ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 17 ราย (เป็นชาวจีน 1 ราย) ในฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” ผิดกฎหมายอาญามาตรา 227, 238 โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหมายจับมีชื่อของนายเปรมชัย กรรณสูต กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บ.อิตาเลียนไทยฯ ด้วย
