นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะ เดินทางมาที่รัฐสภา เพื่อชี้แจงกรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ พังถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) โดยมีนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน

หลังผ่านการประชุมไปกว่า 4 ชั่วโมง นายมณเฑียร ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมกับ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลัง 32 วันที่ตึกถล่มนั้น มีปรากฏตัวไปร่วมทำบุญบ้าง แต่ไม่เคยมีการให้สัมภาษณ์อย่างจริงจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว


แจงเงินออกแบบ 300 ล้าน โต้ราคาเฟอร์นิเจอร์สูงลิ่ว

นายมณเฑียร ระบุว่า มีเงินอยู่ 300 ล้านบาท จ้างคนมาออกแบบ พร้อมแจ้งคุรุภัณฑ์ที่จะใช้ในอาคารแต่ละชั้น จึงต้องมีการระบุให้ชัดเจนว่า ชิ้นใดมาจากห้างร้านใด ส่วน สตง.มีหน้าที่ตรวจสอบว่า ในการออกแบบและคุรุภัณฑ์นั้น มีความเหมาะสมและเชื่อถือได้หรือไม่

...

ส่วนเรื่องที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าใช้เฟอร์นิเจอร์ราคาสูงนั้น เป็นคุรุภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการออกแบบ แต่หากจะนำมาใช้จริงได้ ต้องเสร็จสิ้นกระบวนการก่อสร้างก่อนว่าเหมาะสมตามแบบของราชการหรือไม่ หากปรับแบบก็ต้องเพิ่มหรือลดเงินที่ใช้ด้วย

“เป็นขั้นตอนการออกแบบเท่านั้น ไม่ใช่ขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง” นายมณเฑียร์ กล่าวย้ำ


แจงเก้าอี้-ฝักบัวหรู แพงหูฉีก

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายมณเฑียร ถึงกรณีราคาฝักบัวหลักหมื่นบาท โดยชี้แจงว่า ปัจจุบันสำนักงานหลายแห่งก็มีห้องน้ำ บางทีเสร็จภารกิจหนึ่ง จะต้องไปอีกงานหนึ่งต่อ จึงต้องมีเอาไว้ และมีห้องน้ำของผู้บริหารด้วย ส่วนฝักบัวจริงๆ แล้วมีอยู่ 2 แบบ แต่เมื่อนำแบบมารวมกันจึงดูแพง

ส่วนเรื่องเก้าอี้ราคาเฉียดแสนนั้น เป็นการกำหนดในพื้นที่ของผู้บริหารซึ่งมีเพียงชุดเดียวที่เป็นเก้าอี้ของประธาน และกรรมการในห้องประชุม สิ่งที่ประชาชนเข้าใจกันว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนนั่งเก้าอี้ตัวละ 90,000 นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะส่วนใหญ่ 80% นั่งเก้าอี้ปกติเท่านั้น



ย้ำไม่ใช่ห้องดูหนัง เป็นห้องประชุมพื้นลาด

อีกหนึ่งข้อสงสัยของประชาชนคือเรื่อง เธียเตอร์ หรือโรงภาพยนตร์ที่ปรากฏอยู่ในแบบของอาคาร สตง.แห่งใหม่ โดยนายมณเฑียร ชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า ทั้งหมดเรียกว่าห้องประชุมลักษณะพื้นลาดเท่านั้น ไม่มีห้องฉายภาพยนตร์ในตึก สตง. จึงขอแก้ข่าวในเรื่องนี้ด้วย