จากเหตุการณ์ช็อกโลกเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการหารือเรื่องข้อตกลงแร่ธาตุหายาก ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่ห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว ซึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็นการสาดวาทะใส่กันอย่างดุเดือด ก่อนที่ล่าสุด 3 มี.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้สั่งระงับความช่วยเหลือต่างๆ แก่ยูเครน

อะไรที่ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ - และยูเครนมาถึงจุดนี้?

ปี 2019 : “ทรัมป์” กดดัน “เซเลนสกี” ให้ไต่สวนคดีลูกชายโจ ไบเดน

ย้อนในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงท้ายของการเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกของ “ทรัมป์” และเป็นปีแรกที่ “เซเลนสกี” ชนะการเลือกตั้ง ขึ้นมาเป็นผู้นำของยูเครนในเดือนเมษายน 

ช่วงกลางปี 2019 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ต่อสายขอให้ประธานาธิบดีเซเลนสกี ไต่สวนคดีทุจริตพาดพิง Burisma บริษัทสำรวจแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงของยูเครน ซึ่งหนึ่งในกรรมการบริหารคือ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของโจ ไบเดน ซึ่งจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020

ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กดดันยูเครน ว่าจะไม่ส่งความช่วยเหลือทางทหารให้จนกว่าจะยอมทำคดีนี้ ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นมูลเหตุให้สภาคองเกรสยื่นถอดถอน (Impeachment) ทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่ 1 ชี้ว่าเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ ดึงต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องในกิจการภายในประเทศ อย่างไรก็ดีทางสภาสูงได้ลงมติว่าเขาไม่มีความผิด 

...

ปี 2024 : “ทรัมป์” หาเสียงยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และชนะการเลือกตั้ง

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง หลังพ่ายแพ้ในการลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2020 โดยหนึ่งในคำหาเสียงของเขา คือการ “ยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน” ที่ได้เริ่มขึ้นในปี 2022 และสหรัฐฯ เป็นประเทศสำคัญในการสนับสนุนงบประมาณและอาวุธแก่ยูเครน และทรัมป์ยังมองว่าชาตินาโตเอาเปรียบสหรัฐฯ ไม่ช่วยเหลืองบประมาณมากพอ

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ “ทรัมป์” ชนะและได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯ อาจถอนความช่วยเหลือยูเครน 

18-19 ก.พ. 2025 “ทรัมป์” เรียกเซเลนสกี “เผด็จการ”

ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ในสัมภาษณ์ในเชิงตำหนิยูเครนว่า ไม่ควรเริ่มสงครามกับรัสเซีย และกล่าวหาว่าประธานาธิบดีเซเลนสกี เป็น “เผด็จการที่ไม่ผ่านการเลือกตั้ง” พยายามยืดเวลาสงคราม และไม่ยอมจัดการเลือกตั้งใหม่เพราะคะแนนความนิยมตกต่ำ ซึ่งคำกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซีย เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ก่อนที่สหรัฐฯ จะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศเข้าร่วมประชุมเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครนกับตัวแทนรัสเซีย ที่กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 18 ก.พ. โดยไม่มีตัวแทนจากยูเครนเข้าร่วม 

ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้ออกมาตอบโต้ ว่าทรัมป์พูดไม่จริง และเชื่อในโฆษณาชวนเชื่อและข่าวปลอมของรัสเซีย

ทั้งนี้ประธานาธิบดีเซเลนสกี มีกำหนดจะสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี ในปี 2024 แต่ยูเครนยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งเริ่มบังคับใช้หลังเกิดการสงครามรัสเซีย-ยูเครน 

24 ก.พ. 2025 : สหรัฐฯ โหวตเข้าข้างรัสเซียในยูเอ็น

ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ วาระครบรอบ 3 ปี สงครามรัสเซียยูเครน ตัวแทนสหรัฐฯ และรัสเซีย ได้โหวตคัดค้านมติที่ร่างโดยสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งประณามการกระทำของรัสเซียและเรียกร้องให้ถอนทหารออกจากยูเครนทันที แต่ขณะเดียวกันทั้ง 2 ประเทศได้สนับสนุนมติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง แต่ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1945 ที่สหรัฐฯ โหวตในเวที UNGA เข้าข้างรัสเซีย อย่างไรก็ดีมติของอียูได้รับเสียงสนับสนุน 93 ต่อ 18 โดยมีผู้งดออกเสียง 65 ประเทศ

...

28 ก.พ. 2025 : ดีลแร่ล่ม “ทรัมป์-เซเลนสกี” เถียงกันเดือด

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้เดินทางเข้าพบประธานาธิบดีทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ที่ทำเนียบขาว ของสหรัฐฯ เพื่อหารือในข้อตกลงด้านแร่ธาตุหายากในยูเครน ซึ่งมีมูลค่าราว 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นค่าชดเชยสำหรับความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน แต่บรรยากาศการหารือกลับตึงเครียด เมื่อทรัมป์-แวนซ์ กล่าวว่าเซเลนสกี ไม่เคยขอบคุณสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือในช่วงที่ผ่านมา และเขากำลัง “เล่นเกม” เดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่ 3

การถกเถียงบานปลายจนประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งยุติการหารือ และให้เจ้าหน้าที่เชิญคณะยูเครนออกจากที่ประชุม โดยไม่มีการลงนามข้อตกลงแร่ธาตุเกิดขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ได้มองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยูเครน

3 มี.ค. 2025 : สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือแก่ยูเครน 

ประธานาธิบดีทรัมป์ สั่งระงับความช่วยเหลือแก่ยูเครน ซึ่งจะมีผลกับยุทโธปกรณ์ทางทหารทั้งหมดที่ยังไม่ได้ส่งเข้าไปในยูเครนด้วย

...

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ได้ให้ข้อมูลว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการบรรลุเป้าหมายเรื่องสันติภาพ และต้องการให้พันธมิตรยึดมั่นในเป้าหมายเดียวกัน จึงได้ระงับความช่วยเหลือ จนกว่ายูเครนจะแสดงให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ

ที่มา : bbcapnews, curadio