กลายเป็นข่าวเศร้าของคนรักช้าง เมื่อ "ตุลา" ลูกช้างป่ากำพร้า ที่พลัดหลงจากฝูง ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา เกิดจากสภาวะช็อกจนตาย เพราะมีอาการกระดูกบางทั่วร่างกาย แม้ก่อนหน้านั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจะพยายามดูแลลูกช้าง จนอาการของโรคติดเชื้อหายไป และวางแผนจะปล่อยกลับสู่ป่า แต่น้องกลับมาเสียชีวิตด้วยปัญหาสุขภาพ หากย้อนไทม์ไลน์ 10 เดือน ที่ลูกช้างอยู่ในความดูแล จะเห็นถึงความผูกพันที่ทุกคนมีให้
นายสัตวแพทย์ไพโรจน์ พรมวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ลูกช้างป่าพลัดหลง ตุลา มีอาการป่วยเนื่องจากยืนหลับ ไม่ยอมล้มตัวลงนอนติดต่อกันหลายวัน จนมีอาการเจ็บและอักเสบบริเวณขาหน้าทั้ง 2 ข้าง รวมถึงขาหลังขวาที่มีการก้าวเดินผิดปกติ จนเริ่มมีอาการทรุดลง
จนวันที่ 13 สิงหาคม 2566 เวลา 04.00 น. สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เข้าช่วยเหลือลูกช้างป่าในการพยุงตัวลุกยืน ซึ่งก่อนหน้านี้สัตวแพทย์ตรวจพบว่า ลูกช้างป่า (ตุลา) มีอาการป่วยด้วยภาวะโรคกระดูกบาง (metabolic bone disease) หลังจากนั้นสัตวแพทย์ได้มีการรักษาโรคกระดูกบาง รวมถึงเฝ้าระวังและติดตามอาการของการใช้ขาของลูกช้างป่ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
...
โดยพบว่า ลูกช้างป่า (ตุลา) มีอาการไม่สามารถลุกยืนได้จากการนอนในเวลากลางคืน จึงได้เข้าช่วยเหลือโดยการใช้เครนยกตัวเข้าช่วยพยุงตัวให้ยืนขึ้น หลังจากนั้นสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายพบว่า ขาหน้าทั้ง 2 ข้างมีอาการอ่อนแรง บวม ข้อเท้าขาหน้าทั้งสองมีการงอ ไม่ขยับเดิน จึงได้ทำการให้ยาลดปวด ลดอักเสบ และพันขาลดการปวดการอักเสบ โดยตลอดทั้งวันพบว่า ลูกช้างป่าไม่สามารถใช้ขาช่วยพยุงตัวให้ยืนได้ จึงได้ทำการให้นอนพัก และให้เจ้าหน้าที่ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
จนเวลา 18.00 น. ลูกช้างป่ามีอาการหายใจช้าลง ลิ้นเริ่มมีสีซีด มีภาวะหัวใจหยุดเต้น สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเร่งด่วน โดยการทำ CPR เพื่อกระตุ้นการหายใจ ลูกช้างป่าไม่มีการตอบสนองต่อการช่วยชีวิต และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้น เกิดจากภาวะบาดเจ็บรุนแรงของกระดูกต้นขาหน้าทั้ง 2 ขาหัก (Humerus fracture) ทำให้เกิดสภาวะช็อกจากการบาดเจ็บรุนแรงตามมา (Pain shock).