“ผู้กำกับโจ้” หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตตำรวจที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในปี 2564 กับคดีคลุมถุงดำ
ในกระบวนการยุติธรรม เวลานี้เดินทางมาถึงศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้ชี้สาเหตุการณ์เสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 โดยอ่านคำสั่งชันสูตรการเสียชีวิต หมายเลขดำ ช.7/2564 ที่พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ยื่นร้องขอไต่สวนการตายของ นายจิระพงศ์ หรือ มาวิน ธนะพัฒน์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
ระบุว่า เหตุการณ์ขาดอากาศหายใจของ นายมาวิน มาจาก ผู้กำกับโจ้ และพวก ร่วมกันใช้ถุงพลาสติกครอบศีรษะเป็นเวลา 6 นาที ขณะทำการสืบสวนขยายผลความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นการเสียชีวิตระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่
ขณะที่ ตัวผู้กำกับโจ้ ยอมรับสารภาพเพียง 3 ข้อหา ประกอบด้วย
1. เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
2. ใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ตามความผิดมาตรา ป.อาญา 172
3. ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
โดยให้การปฏิเสธข้อหาสำคัญ 1. ความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 289(5) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
ทั้งนี้ อดีตผู้กำกับโจ้ ให้เหตุผลต่อศาลว่า ตนและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ต้องการขยายผลเพื่อจับกุมยาเสพติด
ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ทำสกู๊ปขยายประเด็นนี้ไว้ 3 เรื่อง โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ และอยากให้คุณผู้อ่านได้มีโอกาสอ่านเนื้อหาอีกครั้ง
...
ถุงคลุมหัว รีดทรัพย์แก๊งยาไม่กล้าปากโป้ง ผกก.โจ้ชะล่าใจ โลภ ตายน้ำตื้น?
ในตอนนี้ ทีมข่าวฯ ได้สัมภาษณ์ ผู้การวิสุทธิ์ วานิชบุตร อดีตนายตำรวจมือฉมัง กูรูวงการสีกากี มาบอกเล่าเรื่องราว และวิธีการใช้ของเจ้าหน้าที่นอกแถวในอดีต โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติด
คดียาเสพติด ส่วนตัวเชื่อว่า หากมีองค์ประกอบครบ ทั้งโอกาส จังหวะ เวลา สถานที่ เหมาะสม ร้อยละ 80% ก็อาจจะลงมือรีดไถ...ขอย้ำว่า ไม่ใช่คดียาเสพติดทั้งหมด แต่เป็นคดีที่โอกาสและจังหวะ ยกตัวอย่างไปตามจับในห้าง กลางชุมชน จะกล้าทำไหม?
สมมติว่า เป็นการตั้งด่านข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดไหน มืดๆ ไม่มีใครเห็น มีแต่ลูกน้องตัวเอง พอจับได้เจอยาเสพติด 1,000 เม็ด ทรัพย์สินในตัว เงินสด นาฬิกา เกลี้ยงครับ แต่หากเจอของกลางเยอะกว่านั้น นักค้ายาบางคนชอบแต่งตัวเว่อร์ๆ ทองเยอะๆ นาฬิกาแพงๆ ถ้าเป็นลักษณะอย่างนี้ก็จะกักตัวไว้ แล้วให้ไปกดเงินในบัญชีให้หมด
ทำไมข้าราชการนอกแถว ไม่กลัวการทำผิดกฎหมาย ทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ถาม ผู้การวิสุทธิ์ ตอบว่า มนุษย์กลัวความผิด กลัวการถูกลงโทษทุกคน แต่เมื่อกลัวแล้วทำไมถึงทำ คำตอบก็คือ มันไม่คิดว่าเรื่องนี้จะแดง...
คดีแบบนี้ ถ้าผมทำเอง ใช้เวลา 7 วันสั่งฟ้องได้เลย แค่ดูว่า “ห้องที่เกิดเหตุ” เป็นห้องอะไร พระ เสื้อ หิ้งพระอยู่ตรงไหน แค่ดูจากตำแหน่งที่ตั้งของต่างๆ ก็พิสูจน์ทราบแล้วว่ามันคือห้องผู้กำกับ
ถามว่า เมื่อจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้พร้อมเมีย แล้วทำไมถึงปล่อยเมีย ก็เพราะว่า หลังเกิดเหตุการณ์ตายแล้ว ก็มีการเรียกสอบพ่อ สอบแม่ สอบเมีย จนมีการให้การแปลกๆ “ว่าเขาเป็นคนดี” นี่ดูบ้านทรายทองมากเกินไปหรือเปล่า...
นี่คือตัวอย่าง ส่วนเนื้อหาเต็มสามารถคลิกอ่านได้เลย....
ร่ำรวยผิดปกติ? ลุยสอบ ผกก.โจ้ ปฏิรูปตำรวจไม่เกิด โครงสร้างประเทศไม่เปลี่ยน
หลังคดีผู้กำกับโจ้เผยแพร่สู่สาธารณชน จึงมีการไล่ตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
“กรณี “ร่ำรวยผิดปกติ” เรายังเดินหน้าต่อ รวบรวมเอกสารหลักฐานมาดำเนินคดี ที่ผ่านมา เราก็ได้ดำเนินการเอาผิดไปแล้วหลายคน สำหรับข้าราชการที่ร่ำรวยผิดปกติ ยกตัวอย่าง อดีตอธิบดีกรมสรรพากร เราก็ดำเนินการจัดการไปแล้ว” นายนิวัติไชย เกษมมงคล ว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวในเวลานั้น
แต่เชื่อว่าปีหน้า น่าจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น
...
แต่ที่พูดถึง และเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน คือ การ “ปฏิรูปตำรวจ” ซึ่งรายงานพิเศษชิ้นนี้ได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) และปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา และกำลังผลักดันร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ...
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่คนพูดถึง “การปฏิรูปตำรวจ” ก็ต่อเมื่อมีตำรวจบางคนกระทำอะไรเสียหายต่อทางสังคม เฉกเช่นเดียวกับ “ผู้กำกับโจ้” โดยเฉพาะประเด็น การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้ง จับกุมตรวจค้นมิชอบ หรือตำรวจไปทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน คนพูดขึ้นเพราะคนไม่พอใจ ต้องปฏิรูป..
สำหรับการจะปฏิรูปตำรวจจริงๆ นั้น เราต้องย้อนดูว่า ตำรวจในปัจจุบันนี้มันตอบสนองความต้องการของประชาชนตามภารกิจหน้าที่ คือ รักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม คือ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม แต่ในความเป็นจริง ตำรวจต้องทำหน้าที่ครอบจักรวาล โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นพันฉบับ คิดว่าตำรวจทำหน้าที่ไหวไหม ตำรวจต้องไปจับเรื่องป่าไม้ ภาษีอากร และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะตำรวจมีอำนาจจับกุมตาม ป.วิฯ อาญา สืบสวน จับกุม ผู้กระทำความผิดที่มีโทษทางอาญาทุกฉบับ
“ฉะนั้นที่ผ่านมา เราพยายามเสนอใน กมธ. เพื่อขอให้พิจารณาอำนาจหน้าที่ พยายามตีกรอบให้เล็กลง เช่น “บ่อนการพนัน” ตาม พ.ร.บ.การพนันฯ ในการเปิดสถานบริการ รมว.มหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบ ฝ่ายปกครองเป็นผู้ออกใบอนุญาต แต่ทำไมเวลาจับ ตำรวจต้องไปจับ หรือพอมีฝ่ายปกครองมาจับ ทำไมต้องย้ายตำรวจ..ตัดเลยได้ไหม ไม่ต้องให้ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจับกุมปราบปรามเลยได้ไหม” พล.ต.อ.ชัชวาลย์ ตั้งคำถาม
...
กลับกัน เวลาจะแต่งตั้งโยกย้าย กลับใช้เรื่องสถานที่บริการเหล่านี้มาจัดเกรด บอกเป็นแหล่งดีๆ แหล่งผลประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องอาชญากรรมพื้นฐานที่เกี่ยวกับทุกข์สุขชาวบ้าน ให้เวลาเต็มที่เพื่อดูแลป้องกันอะไรที่เกี่ยวกับชีวิต ร่างกายไปเลย ลัก วิ่ง ชิง ปล้นทั้งหลาย ดูแค่สิ่งเหล่านี้
“เชื่อว่าแรกเริ่มเดิมทีตอนที่เขาเข้ามา ไม่ได้คิดว่าจะเข้ามาเป็นโจร แต่เขาเข้ามาทำงาน แต่พอมาอยู่ในแวดวงตำรวจแล้ว หรือด้วยความประพฤติเฉพาะบุคคล (บางคน) อยากได้ใคร่ดี ตัวเองมีอำนาจและปืน มันก็เลยอาจจะพาให้คนคนนั้นลงต่ำ หรืออีกแบบ คนที่ผ่านการอบรมแล้ว เป็นตำรวจแล้ว..ไม่มีใครจะวางแผนว่า วันหน้าจะไปเป็นโจร ของแบบนี้เป็นตัวตน บุคคลใฝ่ต่ำ คนพวกนี้ไม่ได้เป็นตำรวจโดยชีวิตจิตใจ เพียงแต่ใส่เครื่องแบบตำรวจเท่านั้น”
นี่เป็นเพียงบางส่วนในข้อประเด็นการปฏิรูปเท่านั้น สามารถ อ่านฉบับเต็ม ได้เลย
คดี ผกก.โจ้ คนไทยอยากได้ยินอะไรจาก ผบ.ตร. มากกว่าแค่(จะ)ตัดนิ้วร้ายทิ้ง?
ส่วนรายงานพิเศษชิ้นนี้ คือ การตั้งคำถามดังๆ ไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า จะทำอย่างไรกับตำรวจนอกแถว รวมไปถึงปัญหาคาใจ ในคดี “ผู้กำกับโจ้” ประกอบด้วย
ประเด็นที่ 1 สิ่งที่ปรากฏในคลิป ทำให้คนไทยรู้อะไร?
ประเด็นที่ 2 ผลสรุปรายงานการชันสูตรพลิกศพ สามารถฟันธงถึงสาเหตุการเสียชีวิตได้หรือไม่?
ประเด็นที่ 3 มีหลักฐานชี้ขาดที่สามารถตัดประเด็นเสียชีวิตเพราะเสพยาเกินขนาดได้แล้วหรือยัง?
ประเด็นที่ 4 การชันสูตรพลิกศพครบถ้วนตามนัยมาตรา 150 หรือไม่?
...
ซึ่งเวลานี้อาจจะต้องตั้งคำถามได้แล้วบางข้อ แต่คำถามสำคัญคือ จะทำอย่างไรกับ "อารมณ์ที่กำลังขุ่นมัว" ของประชาชนจากหลายๆ คดีคนดัง ที่ทำให้สังคมเกิดความกังขามาเนิ่นนาน รวมถึงการแสดงที่สุดแสนจะไม่เนียนตาในการแถลงข่าวล่าสุด คงไม่อาจทำใจให้ทนนิ่งเฉยกับความล้มเหลวซ้ำซากของผู้ที่ควรจะพิทักษ์ความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อีกต่อไป
"ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะตัดนิ้วร้ายทิ้งไปจริงๆ เพื่อธำรงองค์กรไว้ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน"
บางทีข้อเรียกร้องนี้อาจคือสิ่งที่ "ประชาชน" อยากได้ยิน "คำตอบ" จากปากท่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มากกว่าเพียงแค่คำพูด "เราจับคนร้ายได้แล้ว" หรือ "นิ้วไหนร้ายก็แค่ตัดทิ้ง" ก็เป็นได้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ
“ขโมยไฟหลวง” ดำเนินคดีปีละ 3 พันคน กฟภ.เผยปี 63-64 เสียหาย 273 ล้าน
ขัอมูลส่วนบุคคล ขายเกลื่อน ราคาถูก คนไทยโดนดูดเงิน DES ดูดาย?
ขุดรากความเชื่อ "ร่างทรง" สืบทายาทเฉพาะ "ผู้หญิง" กับจารึก 1,800 ปี