“ตรุษจีนปีนี้ น่าจะเป็นปีที่พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) จะเป็นผู้นำในการสร้างสันติสุข และความผาสุกกลับมาให้ชาวโลกอีกครั้ง ด้วยการทำหน้าที่เป็นผู้นำการเจรจา ในการยุติสงครามกลางเมือง หรือ สงครามที่เกิดจากการแบ่งแยกในขั้วอำนาจกันของประเทศต่างๆ บนโลก”

ทั้งนี้แม้สถานการณ์ปัจจุบัน ความเขม็งเกลียวของการสู้รบกันในภูมิภาคต่างๆ จะดุเดือดมากขึ้น และส่งสัญญาณว่าอาจจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้จริงๆ ก็ตาม

แต่ นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน ยังมีความเชื่อมั่นสูงว่า ความพยายามของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำที่ทรงอิทธิของจีน และโลกจะสามารถใช้ช่วงเวลาที่ดีของเทศกาลวันปีใหม่ หรือ ตรุษจีนในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ส่งสัญญาณบอกขั้วอำนาจต่างๆ ของโลกได้ว่า หันหน้าเข้าหากันเพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนในประเทศดีกว่า

ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน กล่าวว่า ปัจจุบันว่า ประธานาธิบดี สี ได้แสดงเจตจำนงที่มั่นคงในการเจรจาเพิ่มสมาชิกในกลุ่ม BRICS ประกอบด้วยจีน บราซิล รัสเซีย อินเดีย และแอฟริกา ด้วยการชักชวนผู้นำประเทศฝรั่งเศส และในกลุ่มสหภาพยุโรป เข้าร่วมกับขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในกลุ่มนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำสงครามใดๆ ร่วมกับสหรัฐฯ

“จีนแสดงให้เห็นมาตลอดว่า ไม่เคยรุกรานประเทศใดในโลก ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากการร้องขอให้หลายประเทศรับรู้ว่า มีจีนเดียวเท่านั้นในโลก” 

นายพินิจ ยังกล่าวด้วยว่า แม้จีนจะโดนมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ในเกือบจะทุกเรื่องตั้งแต่พืชผลการเกษตร ไปจนถึงสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ ที่จีนล้ำหน้าไปมาก แต่ก็ไม่ประสงค์จะทำสงครามเข้าห้ำหั่นกันกับสหรัฐฯ 

สิ่งที่ จีน ทำในเวลานี้ก็คือ ดูแลให้ประชาชนชาวจีนทั้ง 1,400 กว่าล้านคนมีเครื่องอุปโภค-บริโภคที่สามารถหาได้ในประเทศอย่างเพียงพอ ไม่ว่าสงครามจะทำให้เกิดการขาดแคลนในอาหาร เวชภัณฑ์ หรือเครื่องนุ่งห่ม ผู้นำจีนก็ไม่ได้เกิดความวิตกกังวล เพราะวันนี้ จีนคือโรงงานอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก และปัจจุบัน จีนกำลังสต๊อกสินค้าต่างๆ ไว้เพื่อให้มีมากพอต่อการบริโภคภายในของประชากรจีน

“วันนี้ ราคายางพารา เริ่มไต่ระดับขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ปีนี้ จีนสั่งเก็บทองคำเพื่อทยอยเอาเงินดอลลาร์ออกจากตะกร้าเงินในกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ จนราคาทองคำพุ่งขึ้นเกินกว่า 2,300 เหรียญต่อออนซ์แแล้ว ในขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 34,000 บาทต่อบาท”

นายพินิจ กล่าวด้วยว่า หลังตรุษจีนปีนี้ ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคอาจจะสูงขึ้นไปอีก และจีนจะพบกับความมั่งคั่งที่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าในการผลิตทุกด้านเพื่อการบริโภคของประชาชนจีนในทุกๆ มณฑล

“ผมเชื่อนะว่า ประธานาธิบดี สี จะเป็นผู้ร่วมหาทางออกในความบาดหมางกันระหว่างรัสเซีย กับยูเครน บางทีเขาอาจร่วมกับเจ้าผู้ครองนครซาอุดีอาระเบีย และตะวันออกกลาง ในการเข้ายุติสงครามของอิสราเอล กับกลุ่มปาเลสไตล์หัวรุนแรงฮามาส รวมถึงยุติความคุกรุ่นในคาบสมุทรเกาหลีด้วย”

ช่วงตรุษจีนปีนี้ นายพินิจ กล่าวด้วยว่า เขาอยากเห็นประชาคมโลกอยู่กันอย่างมีสันติ ระลึกถึงมหาบุรุษของแต่ละประเทศที่อุตส่าห์ร่วมกันสร้างบ้านแปงเมืองมาจนมาถึงวันที่ประชากรมีสุขแล้ว ด้วยการยกเลิกการทำสงครามที่เข้าห้ำหั่นกัน และหวังจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของจีนในการเป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกด้วย