Street Fighter 6 เกมไฟต์ติ้ง ที่ยอดเยี่ยมเสียจนขึ้นแท่น ขอท้าชิงเกมแห่งปี!

ก้าวเข้าสู่เดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่คึกคักมากของวงการเกม เพราะภายในเดือนนี้มีงานแถลงข่าวประจำปีจากเวทีค่ายเกมต่างๆ ที่พร้อมใจกันจัดขึ้นให้ได้รับชมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็อยากที่จะให้ใครที่สนใจวงการเกมก็ขอให้ติดตามข่าวสารในช่วงนี้เอาไว้ให้ดี เรียกว่าน่าจะมีเกมสำคัญเปิดตัวกันพอสมควรเลย

กลับมาเรื่องที่เราจะมาพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ดีกว่าครับ นั่นก็คือการวางจำหน่ายเกมฟอร์มใหญ่จำนวนมาก หลังจากที่เดือนก่อน เราเพิ่งจะได้สัมผัสกับตัวเต็งเกมประจำปีอย่าง The Legends of Zelda Tears of the Kingdom ที่ได้รับคะแนนวิจารณ์ยอดเยี่ยมจากแทบทุกสำนักรีวิว และเกมเมอร์เองก็แทบจะออกมาประสานเสียงกันอย่างสมานฉันท์ว่า นี่คือเกมที่สุดยอดจริงๆ 

แล้วเรื่องที่น่ายินดีก็คือ แค่ข้ามเดือนใหม่มา เราก็ได้พบกับอีกหนึ่งเกมขั้นเทพ ที่ผมคิดว่าดีพอจะเข้าไปท้าชิงตำแหน่งเกมยอดเยี่ยมประจำปีนี้อีกหนึ่งเกม นั่นก็คือเกมที่เรารู้จักกันดีอย่าง "Street Fighter 6" ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ผมตกใจมากเป็นการส่วนตัวครับ เพราะว่าโดยปกติแล้ว เวลาเราจะคิดถึงเกมที่เข้าชิงตำแหน่งเกมยอดเยี่ยม เราก็มักจะนึกไปถึงเกมที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง คือ กลุ่มผู้เล่นมีจำนวนมาก ถูกใจเกมเมอร์ส่วนใหญ่ มีระบบเกมเพลย์ที่ดี มีคุณภาพในด้านต่างๆ กันไป แต่ว่าเกมไฟต์ติ้งหรือว่าเกมต่อสู้เนี่ย มักจะไม่ค่อยได้รับเกียรตินั้น เพราะด้วยความนิยมเฉพาะกลุ่ม คนจะเล่นเป็นเล่นเก่งมีน้อย จะหัดเล่นก็ยากใช้เวลานาน และเนื้อหาคอนเทนต์ก็มักจะไม่มีอะไรมากกว่าการที่ให้ผู้เล่นควบคุมตัวละครมาต่อยกันจนกว่าใครจะหมอบไปข้าง

...

แต่ราวกับปาฏิหาริย์ครับ "Street Fighter 6" สามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่เหล่านั้นได้ และแนะนำระบบใหม่ๆ ให้ผู้เล่นที่ไม่คุ้นเคยกับเกมไฟต์ติ้งสามารถสนุกสนานกับมันได้อย่างน่าทึ่ง และในวันนี้ผมจะขออนุญาตมาเขียน "คำนิยม" ให้กับเกมนี้อีกครั้ง พร้อมให้เหตุผลว่าทำไม ผมถึงคิดว่ามันเป็นเกมที่ควรจะได้คะแนน 10/10 และเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของปีนี้ 

Game Mode :

เรามาดูกันที่ประเด็นแรกตั้งแต่ผู้เล่นเปิดเกมขึ้นมา สิ่งที่พวกเขาจะได้เจอคือเมนูหลักของเกม ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 โหมดการเล่น ได้แก่ World Tour, Battle Hub และ Fighting Ground

โหมด World Tour นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ของเกมไฟต์ติ้งแล้ว คือมันเป็นโหมดที่อนุญาตให้ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครขึ้นมา โดยกำหนดรูปร่างหน้าตา หรือรูปลักษณ์ของตัวเอง ทั้งยังสามารถซื้อเครื่องแต่งกายมาตกแต่งตัวละครให้สวยงามได้ด้วย แล้วออกผจญภัยไปภายในโลกเสมือนของตัวเกม ซึ่งจะทำให้เราได้พบปะกับตัวละครในจักรวาลของ Street Fighter จำนวนมาก ด้านเนื้อเรื่องของตัวละครที่เราสร้างขึ้นนั้น ไม่ได้แคนนอน ไม่ได้เข้มข้น หรือว่าซีเรียส แต่จะเน้นไปทางชวนหัวอุดมไปด้วยอารมณ์ขันมากกว่า และยิ่งเราดำเนินเนื้อเรื่องไปมากเท่าไร ผู้เล่นก็จะสามารถปลดล็อกความสามารถจากนักสู้ภายในเกมมาใช้ ทำให้ผู้เล่นสามารถหยิบจับผสมผสานเอาท่วงท่าและรูปแบบการต่อสู้ของตัวละครภายในเกมมาใส่ลงไปในตัวละครของตัวเองได้อย่างอิสระ

โหมดการเล่นที่สองคือ Battle Hub คือโหมดที่ผู้เล่นจะสามารถนำเอาตัวละครที่สร้างขึ้นในโหมด World Tour มาใช้เป็นตัวอวตารให้เดินอยู่ในเกมเซ็นเตอร์ มีการจัดวางตู้เกมต่างๆ ให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปใช้งานได้จริง และขณะที่เรากำลังเล่นตู้เกมอยู่ก็จะมีผู้เล่นคนอื่นมาท้าชิงเราได้ด้วย โดยการต่อสู้อาจจะเป็นการจับคู่แมตช์แบบเอาตัวละครนักสู้ภายในเกมมาสู้กัน หรือจะเอาตัวละครที่เราสร้างและกำหนดรูปร่างและวิชาการต่อสู้เองเข้ามาสู้กันก็ได้ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางประชาสัมพันธ์ทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายในเกมได้ และเปิดให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมกับการแข่งขันได้ รวมถึงการซื้อเครื่องแต่งกายให้กับตัวละครของเราดูสวยงามขึ้นจากร้านค้าภายในเกมเซ็นเตอร์นี้ได้อีกด้วย 

ความเจ๋งของโหมดนี้ก็คือ ตัวล็อบบี้ถูกตกแต่งเป็นอารีนากลายๆ นอกจากตู้เกม SF6 แล้วก็ยังมีการตั้งตู้เกมคลาสิกของค่าย Capcom ให้เราไปนั่งเล่นได้ พื้นที่จุดนี้จึงสามารถกลายเป็น คอมมูนิตี้ฮับ ที่รองรับกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และที่สำคัญคือ Capcom ก็สามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาของมันให้เข้ากับเทศกาลหรืออีเวนต์ได้ตามใจ หรือจะถึงขั้นไทอินรับสปอนเซอร์ ขายพื้นที่โฆษณาก็สามารถทำได้ เช่นในช่วงที่เกมเพิ่งวางจำหน่ายก็มีการทำโปรโมชันร่วมกับรองเท้า Onitsuka Tiger มีทั้งแบนเนอร์ภายล็อบบี้ และเป็นลายรองเท้าภายในเกมให้ผู้เล่นเลือกซื้อมาแต่งตัวละครของตัวเองได้ด้วย

...

โหมดการเล่นสุดท้ายคือ Fighting Ground อันนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโหมดการเล่นมาตรฐานที่เราเคยเห็นกันมาในเกมทุกภาค มันจะประกอบไปด้วยการเล่นตามเนื้อเรื่องของนักสู้แต่ละคน โหมดฝึกหัดแนะนำระบบใหม่ๆ ภายในเกม การทำชาเลนจ์ยากๆ เพื่อพัฒนาฝีมือ หรือจะเล่นออนไลน์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นก็ได้ด้วย

Roster :

สำหรับตัวละครที่มาปรากฏตัวใน Street Fighter 6 นั้น มีทั้งหมด 18 คนด้วยกัน โดย ตัวละครคลาสิกระดับตำนานจาก Street Fighter 2 ซึ่งเทียบได้กับตัวละครหลักนั้นกลับมาครบทั้ง 8 คน ได้แก่ ริว, เคน, ชุนหลี , ไกล์, ฮอนดะ, ดัลซิม, แซนกีฟ, บลังก้า

กลุ่มตัวละครที่กลับมาจากภาค ได้แก่ ลูค, ยูริ, ดีเจ, แคมมี่ และตัวละครหน้าใหม่ที่เราจะได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกอย่าง เจมี่, มานอน, คิมเบอร์ลี่, มาริซ่า, ลิลลี่, และ เจพี ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดี และยังมีพื้นที่มากพอจะรองรับตัวละครเสริมในอนาคต ซึ่งเป็นไปได้ว่าในเวอร์ชันสุดท้ายของตัวเกมเราอาจจะได้เห็นตัวละครเกือบครึ่งร้อย เพราะว่าภาค 5 ภาคก่อนหน้าก็ไปจบที่ 45 ตัว

...

Classic/Modern/Dynamic Control : 

มาถึงเรื่องการควบคุมและวิธีการเล่นของ SF ที่ต้องบอกว่าปฏิวัติวงการ ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ SF เป็นเกมต่อสู้ที่ใช้การควบคุม 6 ปุ่ม คือ นอกจากปุ่มทิศทาง (หรือคันโยก) ที่ใช้บังคับการเคลื่อนไหวของตัวละครแล้ว การโจมตีจะถูกกำหนดแบ่งเป็นการต่อยเบา ต่อยกลาง ต่อยหนัก เตะเบา เตะกลาง เตะหนัก การโจมตีต่อเนื่องเป็นคอมโบหรือการใช้ท่าพิเศษ ก็จะเกิดจากการผสมผสานปุ่มต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน สำหรับใครที่เป็นแฟน SF มายาวนานก็น่าจะคุ้นเคยกับวิธีการควบคุมของเกมเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ปัญหาก็คือสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่หรือผู้เล่นที่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของเกมต่อสู้นั้น ความซับซ้อนของการควบคุมรูปแบบนี้ใช้เวลานานเหลือเกินในการทำความเข้าใจ เรียนรู้ จดจำ ไปจนถึงประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง เรื่องนี้เป็นกำแพงอันสูงชันที่ขัดขวางไม่ให้วงการเกมไฟต์ติ้งขยายตัวเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นใหม่ๆ ได้ แต่ Capcom ก็ได้ค้นพบวิธีการบรรเทาปัญหานี้ได้สำเร็จด้วยการคิดค้นวิธีการควบคุมแบบใหม่ และใส่มันมาในภาคนี้ 

"กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" ครีเอเตอร์สายเกมไทยรัฐออนไลน์

...

สำหรับใครที่เคยชินกับวิธีการเล่นแบบเก่าที่ผมอธิบายไปก่อนหน้า มันได้กลายร่างเป็นสิ่งที่เรียกว่า Classic Control คือคุณไม่ต้องไปเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม เกมออกมาก็เล่นได้ทันทีอย่างคล่องแคล่ว แต่ถ้าหากคุณมีฝีมือระดับปานกลาง ตัวเกมก็สร้างการควบคุมที่เรียกว่า Modern Control ขึ้นมา ซึ่งมันจะเป็นการรวบเอาปุ่มโจมตีเบา กลาง และหนักมาเหลือแค่ปุ่มเดียว และมีปุ่มท่าพิเศษเพิ่มเข้ามาอีก 1 ปุ่ม หรือพูดง่ายๆ ว่าการโจมตีของคุณจะเหลือแค่ 4 ปุ่มเท่านั้น มันอาจจะทำให้คุณสูญเสียความยืดหยุ่นในการเล่นไปบ้าง แต่ก็ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างคอมโบยากๆ ได้อย่างง่ายดาย 

และหากคุณเป็นผู้เล่นที่ไม่มีทักษะพื้นฐานอะไรเกี่ยวกับเกมต่อสู้ หรือแม้แต่เป็นเด็ก และผู้พิการ ก็ยังสามารถสนุกกับเกมได้ด้วย Dynamic Control ครับ คือเกมจะรวบการควบคุมทุกอย่างเข้ามาไว้ในปุ่มโจมตีหลัก 3 ปุ่ม คือ ปุ่มคอมโบตอดชุดเล็ก คอมโบสร้างความเสียปานกลาง และคอมโบการเข้าทำจากระยะไกลที่สร้างความเสียหายสูงสุด แล้วให้ AI ช่วยกำหนดคอมโบที่เหมาะสมในสถานการณ์นั้นๆ โดยคำนวนจาก ตำแหน่งระยะยืนของผู้เล่น วิธีการโจมตีที่เหมาะสม และจังหวะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้แบบ ไม่ต้องใช้ปุ่มทิศทางช่วย คือสามารถเล่นเกมนี้ได้ด้วยมือเดียวด้วยซ้ำครับ

Drive Gauge :

และสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะฝึกฝนทำความเข้าใจกับระบบการเล่นพิเศษของเกมภาคนี้อย่างลึกซึ้ง หัวใจสำคัญของมันคือระบบ Drive System ที่จะแสดงผลเป็นแถบสีเหลืองเขียวใต้พลังชีวิต ที่จะปรากฏระหว่างการต่อสู้ มันมีชื่อว่า Drive Gauge ครับ หลอดพลังนี้จะเป็นทรัพยากรให้ผู้เล่นใช้งานระบบการต่อสู้ขั้นสูงต่างๆ ของเกมภาคนี้ได้ โดยจะสามารถนำไปใช้เป็นกระบวนท่าได้ 5 ชนิดได้แก่ Drive Impact ตั้งรับการโจมตี 2 ครั้ง แล้วโจมตีสวนกลับไปอย่างรุนแรงให้เราสามารถต่อคอมโบได้ Drive Parry ตั้งรับการโจมตีทุกท่วงท่าและทุกทิศทาง แต่จะถูกสวนกลับได้โดยการจับทุ่ม OverDrive เสริมพลังให้ท่าโจมตีของเรารุนแรงขึ้น Drive Rush พุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็วและเปิดช่องให้ทำคอมโบได้ และ Drive Reversal คือการโจมตีสวนกลับเบาๆ ระหว่างที่เราถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องให้ศ้ตรูเสียจังหวะ และเปลี่ยนให้เรากลับมาเป็นฝ่ายบุกได้

การควบคุมง่าย + Multiverse + การตลาด ดีเยี่ยม : 

ถ้ายังจำกันได้เมื่อไม่นานมานี้ในวงการเกมมีกระแสอย่าง มัลติเวิร์ส หรือการสร้างโลกเสมือนให้ผู้เล่นเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกสมมติได้ นี่จึงเป็นตัวอย่างที่ดีว่าเกมไฟต์ติ้งที่มีรูปแบบไม่ได้ใกล้เคียงกับกระแสดังกล่าวเลย จะสามารถมาผนวกเข้ากับ multiverse ได้อย่างแนบเนียนอย่างไร ซึ่ง Capcom ก็ทำให้เห็นว่าพวกเขาทำการบ้านมาดีมากในหลายส่วน คือปรับเลี่ยนรูปแบบการเล่นให้ง่ายสำหรับผู้เล่นใหม่ แต่ลึกซึ้งสำหรับแฟนเดนตาย มีระบบการตลาดที่เอื้อต่อการสร้างรายได้ที่มากขึ้นและรบกวนผู้เล่นน้อย งานภาพและเสียงไปจนถึงดนตรีประกอบก็นับว่ายอดเยี่ยม อาร์ตสไตล์กินขาด เพลงก็มันส์ฟังแล้วเลือดนักสู้มันเดือดพล่าน ถือว่าเป็นความครบรสและเกินมาตรฐานที่เกมไฟต์ติ้งทุกเกมเคยทำไว้ และนี่อาจจะเป็นยุคทองยุคใหม่ ของเกมต่อสู้ก็ได้ครับ

อ่านบทความและรับชมคลิปรายการ "รู้รอบเกม" จาก "กุมภฤทธิ์ พุฒิภิญโญ" เพิ่มเติม:

Zelda Tears of the Kingdom (ว่าที่) เกมแห่งปี

ทำความรู้จักตำนานเกม The Legend of Zelda

Evil Dead: The Game เกมผีอมตะที่สนุกเหนือความคาดหมาย

Resident Evil 4 Remake จุดต่างจากต้นฉบับกับการรีเมกระดับตำนาน

เกมออนไลน์ตายเป็นโหล มีนัยอะไรต่อวงการเกม