เครื่องทองอยุธยา เป็นที่กล่าวขานถึงความอลังการและวิจิตรตระการตา แต่ซ่อนความลับประวัติศาสตร์ที่เก็บงำไว้ในกรุพระปรางค์ วัดราชบูรณะ และวัดมหาธาตุ กว่า 6 ทศวรรษ กรมศิลปากร ได้รวบรวมเครื่องทองกระจัดกระจายตามพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศ ให้มารวมกันภายในห้องจัดแสดงใหม่ของ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่คลี่คลายปมสงสัยประวัติศาสตร์
“ศศิธร โตวินัส” ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า การนำเครื่องทองที่ขุดค้นพบจากกรุวัดราชบูรณะและวัดมหาธาตุ ที่เดิมกระจัดกระจายตามพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศ กลับมาแสดงรวมกันครั้งแรกในรอบ 60 ปี หรือ 6 ทศวรรษ หลังการขุดค้นของกรมศิลปากร ซึ่งเดิมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จัดแสดงเครื่องทอง 1,000 ชิ้น จนมีการค้นคว้าศึกษาครั้งใหม่ ทำให้รวบรวมเครื่องทองมาจัดแสดงเพิ่มเป็น 2,244 ชิ้น
การศึกษารวบรวมเครื่องทองอยุธยาครั้งนี้ เป็นการต่อจิ๊กซอว์ประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่เดิมมีการถกเถียงมาตลอดว่า พระปรางค์ วัดราชบูรณะ วัตถุประสงค์สร้างให้กับใคร แต่การศึกษาใหม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า พระปรางค์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพราะมีเอกสารหลักฐานชัดว่า พระบรมสารีริกธาตุ บรรจุอยู่ในกรุชั้นที่ 3 สอดคล้องกับข้อมูลประวัติศาสตร์ ว่าด้วยพระราชกรณียกิจของกษัตริย์สมัยอยุธยา ต้องสร้างวัดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ใจกลางเมือง
...
“ส่วนกรุวัดมหาธาตุ สร้างขึ้นก่อนกรุวัดราชบูรณะ ประมาณ 50 ปี โดยวัดมหาธาตุ มีการขุดค้นพระปรางค์หลายองค์ แต่ไม่ค่อยมีผู้สนใจ แต่จากการศึกษาใหม่ ทำให้เห็นการบูรณะโบราณสถานช่วง พ.ศ. 2499 – 2501 ที่กรมศิลปากร เข้ามาบูรณะครั้งใหญ่ พบเครื่องทองที่เป็นพุทธบูชาภายในพระปรางค์บริวารจำนวนมาก การบูรณะครั้งนั้น กรมศิลป์ทำหลังจากมีการแอบลักลอบขุดขโมยเครื่องทองภายในกรุจำนวนมากช่วงปี 2489 – 2493”
นอกจากนี้ ยังมีการใช้รังสีเอกซเรย์ตรวจสอบองค์ประกอบทองที่ขุดค้นได้ทั้งสองกรุ พบว่าค่าแร่ทองคำมีความใกล้เคียงกัน เฉลี่ยอยู่ที่ 80% โดยตรงกับข้อสันนิษฐานเชิงประวัติศาสตร์ว่าทั้งสองกรุสร้างขึ้นในช่วงอยุธยาตอนต้น
“งานเครื่องทองต้นแบบชั้นยอดของกรุวัดราชบูรณะคือ พระแสงขรรค์ชัยศรี โดยทองและเครื่องประดับที่นำมาใช้เป็นเซตเดียวกัน เช่น ประดับตกแต่งด้วยแก้วสีเขียวและขาว พอนำเครื่องทองเหล่านี้มารวมกัน พบว่าส่วนใหญ่เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของพระมหากษัตริย์”
สำหรับเครื่องทองไฮไลต์ของวัดมหาธาตุ คือ ผอบทรงสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามคติความเชื่อจะบรรจุเป็นชั้นๆ ด้วยวัสดุมีค่าทั้งหมด 7 ชั้น จากการศึกษาครั้งใหม่ ได้นำสถูปชั้นที่ 6 ไปตรวจสอบในห้องแล็บ เพื่อวิเคราะห์อัญมณีที่ประดับตกแต่งหลากสีสัน พบว่าอัญมณีนี้พบได้ยากในไทย เช่น สปิเนล อัญมณีที่ไม่พบในไทย คาดว่าเป็นเครื่องราชบรรณาการที่ต่างประเทศมอบให้กษัตริย์อยุธยาช่วงเวลานั้น จนเกิดข้อสันนิษฐานใหม่ตามมาอีกหลายประเด็น
ด้านฝาตลับของผอบทรงสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ชั้นที่ 7 ประดับด้วยเพชร เมื่อทำการพิสูจน์ด้วยเทคโนโลยีพบโครงสร้างผลึกแร่บนเพชร มีการค้นพบได้ยาก แม้ช่างปัจจุบันมีเทคโนโลยีทันสมัย แต่เพชรบนฝาตลับผลึกถูกเจียระไนไว้อย่างงดงาม ทั้งที่ยุคนั้นไม่มีกล้องจุลทรรศน์
การค้นประวัติศาสตร์เครื่องทองทั้งสองกรุในอยุธยาครั้งใหม่ นอกจากจะไขความลับที่เป็นปริศนาให้คลี่คลายแล้ว นักประวัติศาสตร์ยังได้ข้อมูลใหม่ ที่ต้องค้นคว้าต่อจากนี้เพิ่มเติม ทั้งนี้ การเปิดอาคารเครื่องทองอยุธยา แห่งใหม่ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา จะให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพภายในห้องได้ เพื่อให้เกิดการศึกษาและค้นคว้าความรู้ที่กว้างขวางมากขึ้น
ขณะเดียวกัน มีการจำลองชั้นต่างๆ ภายในกรุที่เก็บรักษาทรัพทย์สมบัติ เช่น กรุวัดราชบูรณะ ได้จำลองภาพจิตรกรรมฝาผนังชั้นที่ 2 ด้วยการใช้เทคนิคกระเบื้องพิมพ์ลาย โดยส่งภาพถ่ายภายในกรุไปให้ช่างกระเบื้องที่เมืองชิกะ ประเทศญี่ปุ่น ใช้เทคนิคทำให้สีและขนาดของกระเบื้องเท่ากับของจริง เพราะอนาคตคาดว่าภายในกรุวัดราชบูรณะ จะต้องปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไป เนื่องจากสภาพภายในเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ.
...