เป็นเรื่องเป็นราวดราม่าของคอการเมืองมาสักระยะ ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อ “โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์” ผู้ก่อตั้ง A DAY นิตยสารขวัญใจเด็กแนว ยุคนี้เรียก “อินดี้” ที่ทำมาอย่างยาวนาน หันหางเสือหันทำแพลตฟอร์ม จาก “สื่อกระดาษ” มาลุกสื่อดิจิตอลในโลกออนไลน์ ด้วยการเปิดตัว THE STANDARD กับสโลแกน ยืนอยู่ข้างประชาชน 

และก็ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือเหตุบังเอิญ ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของ THE STANDARD ก็เริ่มทยอยแนะนำตัว คอลัมน์นิสต์ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดราม่าทั้งหมด...

จากรายชื่อคอลัมน์นิสต์มากมาย หนึ่งในนั้น คือ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นักการเมืองที่มีคนรักมากและชังมากที่สุดคนหนึ่ง

ก็เป็นไปตามความคาดการณ์ ผู้ที่เห็นต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิสิทธิ์ พากันมาถล่มเฟซบุ๊ก แบบสาดเสียเทเสียในโลกออนไลน์ จนทำให้ทาง เดอะ สแตนดาร์ด ต้องหลบฉากมาตั้งหลัก คิดทบทวนว่า “จะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี” เนื่องจากแรงคอมเมนต์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างหนักหน่วงรุนแรง กล่าวหาว่าเป็นการเปิดพื้นที่เพื่อฟอกขาว แต่...ในมุมกลับกัน ก็เจอตอกกลับมาอย่างรุนแรงเช่นกันว่า คนรักประชาธิปไตยแบบไหน ไม่เปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงออก

...

ถึงวันนี้ ผ่านมาแล้วนับ 10 วัน วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับเอกซ์คลูซีฟ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งนี่คือ ข้อมูลจากปากของ “หล่อใหญ่” ที่ได้บอกกับเรา...

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากข้อเท็จจริงคือ ได้พูดคุยกับทีม เดอะ สแตนดาร์ด ตั้งแต่อยู่ที่โมเมนตัม โดยเขาเชิญตนเขียนคอลัมน์ ขณะนั้นได้ตอบรับไป แต่ยังไม่ได้เริ่มต้นที่จะเขียน เพราะต้องการดูว่าควรจะเขียนรูปแบบใด ต่อมา ทีมนี้ย้ายตัวมาที่ เดอะ สแตนดาร์ด เขาก็ส่งคนมาติดต่อทาบทามอีกครั้ง

“เขาอยากให้เราเขียนคอลัมน์ในเชิงไลฟ์สไตล์ แต่ผมบอกว่า หากจะเขียนก็คงต้องมีความเป็นอิสระพอสมควร แต่ก็ยินดีที่จะเขียนเรื่องที่กว้างออกไปมากกว่าเรื่องการเมือง เพราะผมก็มีโอกาสไปแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ มากมาย ทั้ง กีฬา เพลง หรือ การต่างประเทศ”

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ บอกกับทีมข่าวฯ ว่า เขายังไม่ได้ตกลงจะเขียนคอลัมน์ให้ เดอะ สแตนดาร์ด

“ผมขอดูก่อน เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้เขียนเลย”

หลังจากนั้นเขาส่งอีเมลมา เพื่อให้คอลัมนิสต์กรอกแบบฟอร์ม ตนยังไม่ได้ตอบกลับไป แต่ปรากฏว่า พอวันเปิดตัวก็ทราบข่าวว่ามีปัญหาขึ้นมา เนื่องจากเขานำรูปตนไปขึ้น และมีคนกลุ่มหนึ่งเขียนวิพากษ์วิจารณ์ จากนั้นทีมงานเขาก็แถลงข่าวในลักษณะจะขอ “ระงับ” ไว้ก่อน

เดอะ สแตนดาร์ด นัดคุย พร้อมกล่าวคำขอโทษ ยืนยัน ไม่ยอมจำนนต่อกลุ่มคนสร้างความเกลียดชัง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนอาจจะทราบจากข่าวที่ออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เคยเปิดเผย ทีมข่าวจึงสอบถามกับนายอภิสิทธิ์ ซึ่งอดีตนายกฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ เล่าต่อว่า ​หลังจากนั้น... ได้รับการติดต่อจากทีมงาน เดอะ สแตนดาร์ด รวมถึงตัว คุณวงศ์ทนง เพื่อขอเข้าพูดคุย และวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้พบกัน ตนจึงได้สอบถามว่า “ตกลงเรื่องราวเป็นยังไง” เขาจึงยอมรับข้อเท็จจริงข้างต้นว่า อาจจะสื่อสารกันผิดพลาด และเป็นการนำรูปตนมาขึ้นโดยที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน เขาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากทำให้ผมเสียหาย

“เขาย้อนถามผมว่า ผมคิดอย่างไร ผมจึงตอบว่า เป็นเรื่องที่ทางคุณต้องตัดสินใจ ดังนั้นเขาจึงขอเวลาในการตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อ เพราะเป็นเรื่องที่เขาจะต้อง “แสดงจุดยืน” เนื่องจากมีคนอีกจำนวนหนึ่งเข้าตั้งข้อสังเกตว่า การ “ปิดพื้นที่” เพียงเพราะมีคนวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาแบบนั้น จะเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ที่มาเกิดขึ้นวันเดียวกับที่ สื่อทีวีช่องหนึ่ง ตั้งประเด็นเรื่อง “เปรี้ยว” (สาวคดีฆ่าหั่นศพ) กับผม จากนั้นก็มีอีกสื่อหนึ่งนำเรื่องนี้ไปขยายผล...”

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยต่อว่า ทาง เดอะ สแตนดาร์ด ยังยืนยันว่ามีความตั้งใจเปิดพื้นที่ให้กับทุกฝ่าย และไม่ยอมจำนนกับกลุ่มคนที่สร้างความเกลียดชัง ซึ่งตรงนี้คือบททดสอบของเดอะ สแตนดาร์ดเอง จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะส่วนตัวเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว

...

โดนมาเยอะ! แค่เปลี่ยนพื้นที่จากกายภาพ มาเป็น โลกไซเบอร์ ทำแบบนี้ไร้ประชาธิปไตยในจิตวิญญาณ​

“สิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่แปลกใจ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามปิดพื้นที่ เพราะสิ่งที่พบเจอที่ผ่านมา เจอทั้งเรื่อง “กายภาพ” โดยเจอกลุ่มคนต่างๆ เข้ามาขัดขวาง ไม่ยอมให้ผมเดินทางไปสู่พื้นที่ต่างๆ ด้วยการระดมคนมาป้องกัน กระทั่งนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ต่างกันระหว่างพื้นที่ไซเบอร์ หรือพื้นที่ทางกายภาพ ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ก็ถือเป็นคนที่ไม่มีประชาธิปไตยในจิตวิญญาณ และที่สำคัญคือ ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาโจมตี ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นฐานของข้อเท็จจริง กระบวนการยุติธรรมที่ตรวจสอบจนถึงวันนี้ บางเรื่องยุติไปแล้วก็มี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเคยพูดยืนยันกับสังคมมาโดยตลอด”

การเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ฟังเสียงฝ่ายตรงข้าม ส่วนตัวมองว่า สิ่งนี้จะเป็นปัญหาให้สังคมเกิดความรุนแรงกันมากขึ้น หากเราไม่เปิดพื้นที่ เปิดใจฟังกัน โดยเฉพาะการยอมรับข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น

...

สิ่งที่เกิดขึ้นมีผลในทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า จากที่บางสื่อไปขยายผล ทำให้ผมมองว่าเป็นการหยิบยกเรื่องนี้ไปสร้างแต้มทางการเมืองอยู่แล้ว

ปัญหาการปิดกั้นพื้นที่กันแบบนี้ จะส่งผลอย่างไรในอนาคต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเราอยากเป็นสังคมประชาธิไตย การเปิดพื้นที่ และการเคารพการใช้สิทธิของกันและกัน จะเป็นสิ่งสำคัญ