ช็อปปิ้งโตเกียว ชมภูเขาไฟฟูจิ อาบน้ำแร่แช่ออนเซ็น...ความใฝ่ฝันที่อยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวของผู้คนนับพันชีวิตดับสลายภายในพริบตา! แต่ทว่า เหตุการณ์เทกระจาดกันซึ่งๆ หน้านี้ มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งแรก ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียงเรื่องราวสุดเจ็บช้ำ ทัวร์ชวนฝันที่ฉันไม่ได้ไป! ซ้ำร้ายบางรายได้ไปเหยียบย่ำถึงแผ่นดินของฝรั่งมังค่า แต่พอไปถึงกลับโดนบริษัททัวร์ลอยแพทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสียอย่างนั้น! โชคชะตาของนักเดินทางผู้อับโชคจะเป็นเช่นไร ต้องติดตาม...

...

บริษัททัวร์ต้มนักศึกษา ป.โท ลอยแพกลางยุโรป

กลางเดือนเมษายนอันร้อนระอุ ในปี 2559 นักศึกษาปริญญาโท 31 ชีวิตของสถาบันแห่งหนึ่ง ได้รวมตัวกันเพื่อที่จะเดินทางไปศึกษาดูงาน เปิดหูเปิดตาหาความรู้ใหม่ๆ ที่ยุโรป ผองเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนจึงช่วยกันวางแผนการเดินทางครั้งสำคัญอย่างตั้งอกตั้งใจ จนได้มาเจอกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ ให้บริการธุรกิจนำเที่ยวมาเนิ่นนานนับ 10 ปี บวกกับเคยมีเพื่อนของหนึ่งในนักศึกษาปริญญาโทเคยใช้บริการ ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าว ก็การันตีว่า บริษัททัวร์แห่งนี้ดูแลดีนักหนา และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นักศึกษาปริญญาโททั้ง 31 ชีวิตตัดสินใจเลือกใช้บริการกับบริษัททัวร์ดังกล่าว

ในช่วงของการวางแผนการเดินทาง นักศึกษาปริญญาโททุกคนต่างลงความเห็นว่า จะเดินทางกันไปทั้งหมด 3 ประเทศ คือ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ในระหว่างวันที่ 9-16 เมษายน รวม 8 วัน จากนั้นทางนักศึกษาปริญญาโทก็ได้จัดส่งข้อมูลให้กับบริษัททัวร์ดังกล่าวเป็นผู้ประสานงานระหว่างเดินทางตลอดทริป ทั้งตั๋วเครื่องบิน ร้านอาหาร และที่พัก โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 73,000 บาท

ในช่วงที่ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนเดินทางไปถึงประเทศเยอรมนีนั้น ทางบริษัททัวร์ยังไม่ได้มีปัญหาใดๆ แต่เมื่อเดินทางไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น ทางคณะศึกษาดูงานต้องย้ายร้านอาหารไปอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นตามที่ตกลงไว้ รวมถึงที่พักก็ถูกโรงแรมแจ้งว่าบริษัททัวร์ไม่ได้จ่ายเงินให้ตามที่ตกลงไว้ และด้วยเหตุการณ์ต่างๆ นานา เหล่านี้ สมาชิกกลุ่มทัวร์ จึงทราบแน่ๆ แล้วว่า พวกเขาถูกลอยแพเสียแล้ว แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจวางแผนศึกษาดูงานต่อให้ครบ และยอมควักเงินตัวเองใช้จ่ายในส่วนค่าที่พัก อาหาร ส่วนตั๋วเครื่องบินยังสามารถใช้เดินทางได้จนถึงประเทศอิตาลี

เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย นักศึกษาปริญญาโทกว่าสามสิบชีวิต จึงรวมตัวแจ้งเอาผิดข้อหาฉ้อโกงกับบริษัททัวร์ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ก่อนเข้าแจ้งความที่ สน.สายไหมต่อไป

ไม่กี่เดือนถัดมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวเจ้าของบริษัททัวร์คาสำนักงานของบริษัททัวร์ในข้อหาฉ้อโกง และข้อหาประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งเจ้าของบริษัทคนดังกล่าว ได้เงินจากคณะศึกษาดูงานไปทั้งสิ้น 2,200,000 บาท และสร้างความเสียหายให้กับลูกทัวร์กว่า 400,000 บาท

...

บริษัททัวร์ลอยแพร้อยชีวิต ตุ๋นเที่ยวเกาหลี ราคาไม่ถึง 2 หมื่น!

ปลายเดือนมีนาคม ปี 2554 เรื่องราวของนักเดินทางผู้อับโชคบังเกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้เสียหายราว 40 ราย จากทั้งหมด 100 ราย ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตรสุขศรี ผบก.ทท. ณ ขณะนั้น เพื่อให้ดำเนินการติดตามจับกุมเจ้าของบริษัททัวร์

นักศึกษาสาววัย 22 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ตัดพ้อถึงบริษัททัวร์ไว้ว่า ตนและเพื่อนสาวอีก 5 คน มีความใฝ่ฝันที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก เธอและเพื่อนๆ จึงตั้งใจเก็บเงินให้ได้ก้อนหนึ่ง เพื่อที่จะซื้อทัวร์และทำตามฝันครั้งนี้ให้สำเร็จก่อนเข้าสู่วัยทำงาน แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับพวกเธอ

นักศึกษาหญิง และเพื่อน ช่วยกันหาข้อมูลบริษัททัวร์จากอินเทอร์เน็ต จนมาเจอเข้ากับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างมาก เนื่องจากเมื่อพวกเธอทำการค้นหาทัวร์นำเที่ยวประเทศเกาหลีใต้บนเว็บไซต์กูเกิ้ล บริษัททัวร์ดังกล่าว ก็ปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับบนสุด เธอจึงเข้าไปที่เว็บไซต์ของบริษัททัวร์แห่งนี้ เพื่อติดต่อซื้อทัวร์และมีการโอนเงินตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์รายละ 17,900 บาท โดยกำหนดจะเดินทางในวันที่ 24 มี.ค.2554 แต่พอใกล้วันเดินทาง เธอและผองเพื่อนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อให้ไปรับตั๋วจากบริษัททัวร์

ครั้งสุดท้ายก่อนเข้าแจ้งความ เธอได้โทรศัพท์ไปที่บริษัทฯ อีกครั้ง แต่มีเพียงเสียงรอสายอัตโนมัติว่าพนักงานไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด และเมื่อเข้าไปหน้าเฟซบุ๊กของบริษัท กลับพบว่า มีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น เธอและเพื่อนจึงรู้ว่าถูกหลอกแน่แล้ว

...

ขณะที่ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หนึ่งในผู้เสียหายที่เคยทำงานเป็นมัคคุเทศก์มาเป็นเวลากว่า 10 ปี บอกเล่าด้วยความโมโหว่า ตนได้เข้าไปที่เว็บไซต์ของบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีโปรแกรมท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ โดยมีค่าใช้จ่ายรายละไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาทัวร์ของบริษัทอื่นๆ จึงบอกญาติ และรุ่นน้องที่ต้องการไปเที่ยวเกาหลีใต้ รวม 22 คน ติดต่อซื้อทัวร์จากบริษัทนี้ และชำระเงินครบแล้วเป็นเงินรายละ 17,900 บาท และจะต้องเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 23-27 มีนาคม แต่ก่อนการเดินทางเพียงไม่กี่วันได้มีการแจ้งเปลี่ยนสายการบิน และก่อนเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมงบริษัทฯ ก็แจ้งว่า ไม่สามารถพานักท่องเที่ยวไปได้ทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัททัวร์ดังกล่าว ยังเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากญาติพี่น้องทั้ง 22 ชีวิต รวมแล้วกว่า 1 แสนบาท แต่ทางทุกคนไม่ยินยอมที่จะจ่ายเงินในส่วนนี้ ทางบริษัททัวร์จึงให้เดินทางไปได้ แต่ล่าช้าไปกว่ากำหนดการหลายชั่วโมง แต่เมื่อเดินทางไปถึงสนามบินนานาชาติ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ กลับพบปัญหาในส่วนของบริษัทนำเที่ยวในภาคพื้น ซึ่งไม่เป็นไปตามที่บริษัทฯ อ้างไว้ รวมทั้งมีปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดินทางกลับ ซึ่งสุดท้ายจึงต้องเสียเงินเพิ่มอีกรายละ 13,000 บาท เป็นค่านำเที่ยว 5,000 บาท ค่าตั๋วเครื่องบินอีก 8,000 บาท

นอกจากนี้ ยังทราบจากผู้เสียหายว่า บริษัทแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตจัดการท่องเที่ยว และเคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ครั้งที่ผ่านมา ทางบริษัททัวร์ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่อ

...

นักตุ๋นจัดทัวร์แสบ หลอกครู 30 ชีวิต ลอยแพคาสนามบิน ชวดไปสิงคโปร์

ในช่วงกลางปี 2553 ครูกว่า 30 ชีวิตจังหวัดชัยนาท มีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์ โดยว่าจ้างให้บริษัททัวร์แห่งหนึ่งที่เคยจัดทัวร์ให้กับโรงเรียนอยู่บ่อยครั้งเป็นผู้นำเที่ยว ซึ่งครั้งแรกเป็นการนำเที่ยวไปยังจังหวัดมุกดาหาร และครั้งที่สองไปจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางบริษัททัวร์ดูแลเอาใจใส่ชาวคณะดีเสมอมา แต่ในครั้งนี้แตกต่างจากการท่องเที่ยวครั้งก่อนๆ เพราะเป็นการท่องเที่ยวต่างประเทศ และเป็นจำนวน 3 วัน 2 คืน ตกราคาคนละกว่า 2 หมื่นบาท

“จากนั้น ทางเราได้เรียกบริษัททัวร์มาทำสัญญา เราได้ต่อรองเขาอีกว่าขอราคา 17,300 บาทต่อคนได้ไหม ขอให้แถมกระเป๋าด้วย บริษัททัวร์ก็ใจดีแถมให้อีก ทางเราก็ไม่ได้คิดอะไร พอถึงวันทำสัญญา เรียกเงินไปจำนวน 2 แสนกว่าบาท เหมือนว่าเรียกร้องเงินส่วนหนึ่งเป็นค่ามัดจำว่าเราจะไม่เบี้ยวกัน และเราได้ยินยอมให้เขาไป หลังจากนั้นไม่นาน ในสัญญามีระบุว่าก่อนวันเดินทาง 15 วัน เราต้องมอบเงินทั้งหมดที่เหลือให้เขา เป็นเงินอีกเกือบ 4 แสนบาท ทางเราก็ยังเชื่อใจเขาอยู่ เพราะเขานำกระเป๋ามาให้เราปกติ” ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาท กล่าวถึงเรื่องราวการต้มตุ๋นครั้งใหญ่จากบริษัททัวร์

เมื่อทุกคนเดินทางไปถึงสนามบิน ในเวลา 07.00 น. ครูทุกคนพยายามจะติดต่อบริษัททัวร์จนเวลาล่วงเลยไปจนถึง 09.00 น. แต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ณ เวลานั้น คณะทัวร์ทุกคนเริ่มใจไม่ดี และจู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่จากสายการบินแห่งหนึ่ง เดินมาสอบถามว่า ใช่ทัวร์ของบริษัทเอ (นามสมมติ) หรือไม่? ซึ่งทางคณะต่างก็ตอบว่า ใช่ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงต่อว่า ทางบริษัททัวร์และสายการบินได้ทำสัญญาไว้ร่วมกัน ซึ่งบริษัททัวร์ได้จ่ายเงินไว้เพียงงวดเดียว และไม่ได้จ่ายงวดสุดท้าย เพราะฉะนั้น ทางสายการบินขอยืนยันว่า ทางคณะครูถูกบริษัททัวร์หลอกอย่างแน่นอน

“ทางสายการบินมีทางเลือกให้เรา 2 ทาง คือ กลับบ้าน หรือไปต่อ แต่อาจถูกลอยแพที่สิงคโปร์ และอาจไม่มีไกด์มารับ และต้องจ่ายค่าเครื่องบินที่บริษัททัวร์ยังไม่ได้จ่ายทั้งหมดด้วย ถึงอย่างไรเราก็ไปกับเขาไม่ได้ เพราะไม่มีพาสปอร์ต บริษัททัวร์ได้เก็บพาสปอร์ตของเราทั้งหมดไปตั้งแต่มารับเงินงวดสุดท้ายแล้ว” ผู้อำนวยการโรงเรียนท่านเดิม บอกเล่าถึงความอึดอัดใจ ณ เวลานั้น

ท้ายที่สุด คณะครูกว่า 30 ชีวิตก็ไม่ได้ไปท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์ตามที่เฝ้าฝัน และทุกคนต่างตัดสินใจเดินทางกลับจังหวัดชัยนาท เพื่อเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ต่อไป...