หากพูดถึงรายการร้องเพลงที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้ รายการแรกที่คนไทยนึกถึงคงหนีไม่พ้น “The Mask Singer หน้ากากนักร้อง” ที่เรตติ้งผู้ชมถล่มทลาย ถึงขนาดเอาชนะ ละครหลังข่าว ...หลักไมล์แห่งยุคทีวีอนาล็อก ที่ถูกปักหมุดยึดติดแน่นทนนาน มาตลอดประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ของประเทศไทย
คอนเทนต์ เพียงหนึ่งเดียว ผู้ผูกขาดช่วงเวลาไพร์มไทม์ ด้วยข้ออ้าง สร้างเงินทองได้สูงสุด
แต่แล้ว The Mask Singer ก็สามารถทำให้ถึงจุดเปลี่ยนเข้าจนได้!
ในฐานะโคลัมบัส ผู้พิชิตโลกใหม่ ในยุคโทรทัศน์ดิจิทัล
The Mask Singer เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเรียลลิตี้เกมโชว์และมิวสิกโชว์ ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากประเทศเกาหลีใต้ นำมาทำใหม่ในรูปแบบรายการของประเทศไทย
แต่แน่นอน ส่วนหนึ่งที่ทำให้รายการนี้ฮิตติดลมบนได้ คงเป็นเพราะรูปแบบการนำเสนอที่ฉีกจากรายการประกวดร้องเพลงอื่นๆ ที่เห็นอยู่เกลื่อนจอ เปิดไปช่องไหนก็เจอแต่รายการซำ้ๆ รูปแบบซำ้ๆ จนหน้าเบื่อ ด้วยการใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าของผู้ร่วมแข่งขัน จึงเป็นจุดขายของรายการ ที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนดู จนตั้งตัวเป็นนักสืบโซเชียล คอยจับผิดและหาตัวตนที่แท้จริงของ ศิลปินภายใต้หน้ากาก ทำให้เกิดเป็นกระแสผลักดันให้รายการเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
...
การผลิตงานเบื้องหลัง และการจัดองค์ประกอบต่างๆ มีคุณภาพ สามารถคิดคอนเทนต์ และผลิตโชว์ต่างๆ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีการเลือกช่องทางสื่อที่นำเสนอได้หลากหลาย
และหมากเด็ดที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การถ่ายทอดสดผ่าน Facebook และ Youtube เพื่อนำคอนเทนต์เสิร์ฟให้ถึงบรรดาชาวเจนฯ วาย ทั้งหลาย ที่นิยมเสพสื่อผ่านโทรศัพท์มือถือและแท็บแล็ต มากกว่าที่จะเปลืองแรงไปเปิดโทรทัศน์ดูให้มันยุ่งยาก ก็ยิ่งทำให้ The Mask Singer กอบโกยยอดผู้ชมได้เป็นกอบเป็นกำ
หรือนี่คือ โมเดลการสร้างคอนเทนต์รูปแบบใหม่ของ วงการโทรทัศน์ ในยุคประเทศไทย 4.0!
วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะขอพาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน ไปวิเคราะห์ทุกมุมของรายการร้องเพลงที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทย จาก 1. ผศ.สกุลศรี ศรีสารคาม หัวหน้าสาขาวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์ คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ 2. อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด หรือ ขาโหด โค้ดเนมในวงการ และ 3. ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานกรรมการโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ (มศว.)
ว่าเพราะอะไรกัน... รายการสวมหน้ากากร้องเพลงรายการนี้ มันถึงได้ฮิตนักฮิตหนา ทั้งๆ ที่ ทีวีช่องอื่นๆ กำลังโอดครวญเรื่องยอดผู้ชมที่ร่อยหรอ จากทั้งช่องโทรทัศน์ที่มีมากเกินไป และเด็กยุคใหม่หันไปสนใจการเสพสื่อใหม่มากกว่าโทรทัศน์
สื่อโทรทัศน์ ต้องปรับตัว ใช้เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางสื่อสาร
ผศ.สกุลศรี เริ่มต้นวงสนทนานินทารายการสุดฮิตรายนี้ กับทีมข่าวฯ ว่า ทิศทางสื่อปัจจุบันกับการทำงานข้ามสื่อเป็นเรื่องที่ควรทำ สื่อไม่ควรทำงานผ่านช่องทางเดียว เพราะลักษณะของคนดูเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนใหญ่เลือกเสพสื่อที่ชอบและสนใจเพียงช่องทางเดียว
การทำรายการโทรทัศน์ก็เช่นกัน รายการ The Mask Singer เป็นกรณีตัวอย่างที่สื่อโทรทัศน์ควรนำไปปรับใช้ การนำเสนอของรายการไม่ได้หยุดอยู่เพียงช่องทางเดียว แต่มีการกระจายไปทางสื่อโซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ต่างๆ ทำให้คนเข้าถึงได้มากกว่ารายการที่นำเสนอเพียงสื่อหลักอย่าง โทรทัศน์ แบบรายการร้องเพลงทั่วๆ ไป
...
หมากเด็ด! ใช้สื่อโซเชียล เปิดปฏิสัมพันธ์คนดู สร้างกระแสหล่อเลี้ยงรายการจนจบซีซั่น
นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ให้ความเห็นกับทีมข่าวฯ ต่อไปว่า รายการ The Mask Singer ให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์คนดูเป็นอันดับแรก เพราะคนดู คือ ส่วนสำคัญในการสร้างกระแสรายการ เห็นได้จาก การสร้างเพจรายการ จะมีแอดมินที่คอยหาภาพ หรือ คลิปวิดีโอเบื้องหลังที่เด็ดๆ ที่คิดว่าคนชอบ รวมทั้งงานของแฟนๆ ที่ชื่นชอบในตัวศิลปินภายใต้หน้ากาก มาลงในเพจอย่างต่อเนื้อง และเมื่อใดที่มีคนมาโพสต์แสดงความคิดเห็น แอดมินจะคอยตอบและปฏิสัมพันธ์กับคนดูตลอด
รวมถึงการ LIVE ผ่าน FACEBOOK เมื่อถึงเบรกพักโฆษณาในโทรทัศน์ ทีมโซเชียลของรายการ ก็จะมีการจัดรายการ “นินทาหน้ากาก” สื่อสารกับคนดูต่อไปอีก เรียกได้ว่าคนดูแทบจะไม่ต้องคิดจะเปลี่ยนช่องหนีไปไหน และที่สำคัญยังมีการให้พิธีกรคอยหยิบยกความคิดเห็นคนดูขึ้นมาพูดถึง
เพื่อให้ คนดู รู้สึกมีตัวตน และเป็นส่วนหนึ่งของรายการด้วย
...
ต่อยอดคอนเทนต์ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ สร้างโมเดลไม่ง้อค่าโฆษณา (ก็ได้)
ผศ.สกุลศรี ตอบประเด็นนี้ว่า เมื่อมีกระแสก็ต้องมีรายได้.. ธุรกิจกับสื่อเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะรายได้จากการขายโฆษณาในรายการโทรทัศน์ แต่ในขณะนี้ มีช่องทางสื่อที่เกิดขึ้นใหม่มากขึ้น การขายโฆษณาจึงไม่ได้อยู่แค่สื่อโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว มีการโฆษณาระหว่างการ Live โฆษณาใน Facebook และเว็บไซต์ต่างๆ
การทำงานข้ามสื่อในยุคนี้ สิ่งที่ผู้ผลิตรายการต้องคิดคือ จะต้องหารายได้ จากทุกช่องทางสื่อที่นำเสนอรายการได้อย่างไร?
ทุกวันนี้...สื่ออยู่ได้โดยโฆษณามาตลอด แต่ถ้าในอนาคตรายการต่างๆ สามารถหาแนวทางการเพิ่มรายได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรอค่าโฆษณาอย่างเดียว รายการ The Mask Singer ก็เหมือนกัน ตอนนี้มีการสร้างแนวทางหารายได้อื่นๆ เช่น การจัดคอนเสิร์ต เป็นต้น
สร้างเงื่อนปม กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นคนดู หมัดน็อกของ The Mask Singer
ผศ.สกุลศรี เผยวิธีการสร้างกระแสรายการ The Mask Singer ว่า การทำรายการมุ่งเป้าไปที่คนดูว่าตอนนี้เรื่องไหนที่คนสนใจ คนดูทายอะไร เลือกใครมากน้อยกว่ากัน แล้วหยิบยกมาใส่ในรายการ เพื่อเป็นสีสันให้ดูว่าความคิดเห็นของคนดูสำคัญ การอยากรู้อยากเห็นของคน คือ องค์ประกอบหลักที่รายการ The Mask Singer ใช้เป็นตัวเคลื่อนกระแส เหมือนเล่นกับความคิด จิตวิทยาคนดู รูปแบบรายการนี้พูดง่ายๆ คือ การสร้างรายการจากความคิดคนดู
...
เกาหลี ยัง งงเด้ๆ ไทยทำปัง เจ้าของลิขสิทธิ์ถึงกับต้องบินมาดูงาน
ด้าน อาจารย์ธันยวัชร์ เจ้าของโค้ดเนม ขาโหด ให้ข้อมูลประเด็นปรากฏการณ์กระแสรายการ The Mask Singer ว่า ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่สำคัญของรายการนี้คือ ช่อง work point มีรูปแบบไม่เหมือนช่องหลักอย่าง ช่อง 3 5 7 9 เพราะรายการต่างๆ สามารถวางผังรายการใหม่ได้ตลอด รวมถึงรูปแบบของช่องที่ถูกจริตกับคนไทย โดยเน้นความบันเทิง สนุกสนาน
และหากใครยังไม่รู้ รายการนี้ The Mask Singer เวอร์ชั่น Thailand only นี้ ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์แท้ๆ อย่างเกาหลีใต้ ถึงกับต้องบินมาดูงาน รูปแบบการผลิตของประเทศไทยเลย!
ฉะนั้น หากจะถามว่า จุดขายที่สำคัญของรายการคืออะไร?
ส่วนตัวมองว่า 1. ความอยากรู้อยากเห็นของคนดู 2. การเลือกใช้คนสร้างสีสันให้รายการ ทั้งตัวศิลปินและกรรมการ จะเห็นว่ากรรมการที่อยู่ในรายการ The Mask Singer ส่วนใหญ่มาจากรายการ I can see your voice ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ประชาชนชื่นชอบอยู่แล้ว จึงทำให้รายการน่าติดตาม
ศิลปิน ได้อานิสงส์ มูลค่าเพิ่มโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่สวมหน้ากากร้องเพลง
ขาโหด วิเคราะห์ให้ทีมข่าวฯ ฟังต่อไปว่า รายการ The Mask Singer เป็นรายการแรกที่ ช่อง work point นำมาถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้คนดูเข้าถึงรายการได้มากขึ้น รายได้ของรายการก็เพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงแค่ค่าโฆษณา ตัวศิลปินเอง ก็จะมีมูลค่าเพิ่มจากรายการนี้ ทุกวันนี้ค่าตัวดารา นักร้องไม่ได้มาจากการออกอัลบั้มเหมือนเมื่อก่อน แต่มาจากการออกอีเวนต์ รายการนี้ทำให้คนรู้จักศิลปินมากขึ้น นำไปสู่การจ้างงานต่างๆ ไม่ใช่แค่นักร้องอย่างเดียว ดารานักแสดงที่แจ้งเกิดจากรายการนี้ อาจมีการจ้างงานร้องเพลงด้วย
เพราะศิลปิน ก็เหมือนสินค้า ยิ่งดัง ยิ่งแพง!
ปังเปรี้ยงระดับแผ่นดินไหวโลกถล่ม season 2 ฟังธงกระแสไม่ตก ศิลปินแห่ขอร่วมตรึม
อาจารย์ธันยวัชร์ เผยว่า การที่กระแสรายการทำให้หน้ากากต่างๆ มีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น ดูจากเวลาศิลปินที่เคยอยู่ภายใต้หน้ากากไปออกงาน คนดูเยอะจนห้างแทบแตก ซึ่งในประเทศไทยมีไม่กี่คนที่เป็นขวัญใจมหาชนมากขนาดนี้ แต่รายการสร้างศิลปินเหล่านี้ให้มีชื่อเสียงเทียบได้กับ Super star ดัง
เชื่อว่าหลังจากนี้คงมีนักร้องนักแสดงจำนวนมาก ที่อาจออกรายการ The Mask Singer ไม่ว่าจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ที่ต้องการหวนกลับมามีกระแสอีกครั้ง หรือศิลปินหน้าใหม่ที่ต้องการแจ้งเกิด เมื่อมีศิลปินใหม่ๆ หลากหลายขึ้น รายการก็ยิ่งเป็นที่สนใจ
ผมเชื่อว่า The Mask Singer season 2 ต้องดังกว่าเดิมแน่นอน! ขาโหดฟันธง!
สุดยอดชั้นเชิง รายการทีวียุคใหม่ ใช้ความสงสัยกระตุ้นคนดู 2 รวมเป็น 1
ด้าน ดร.จิตรา ให้ความเห็นกับทีมข่าวฯ ว่า รูปแบบรายการ The Mask Singer ไม่เคยมีมาก่อน จึงทำให้เป็นที่สนใจ แต่ในเชิงจิตวิทยาการให้ผู้เข้าแข่งขันปิดหน้าไว้เป็นการกระตุ้นคนดูให้เกิดความสงสัย โดยหลักพื้นฐานของมนุษย์ จะเกิดความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย คาดเดา นำไปสู่การสืบหาข้อมูลทำให้รายการน่าติดตามอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้คนดูจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับรายการ คล้ายๆ การเสี่ยงดวงที่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านทางคณะกรรมการ และการตอบคำถามต่างๆ
ในขณะที่รายการอื่นๆ ประชาชนทำได้เพียงนั่งดู ทำหน้าที่เป็นผู้เสพแบบไม่มีส่วนร่วม!
เสน่ห์ The Mask Singer กระตุ้นแขกรับเชิญด้วย set zero เปิดทางแสดงศักยภาพที่แท้จริง
ดร.จิตรา กล่าวต่อว่า โดยปกติแล้วศิลปินจะถูกคนชื่นชมจากภาพลักษณ์ภายนอก และชื่อเสียงที่ถูกสร้างขึ้น การปิดหน้าอยู่ภายใต้หน้ากาก ไม่รู้ว่าเป็นใคร เป็นการ set zero ตัวศิลปิน โดยปราศจากอคติของคนดูและคณะกรรมการ การตัดสินทั้งหมดจึงอยู่ภายใต้ความสามารถ และศักยภาพที่แสดงออกมาแบบไร้ตัวตน ทุกคนเท่าเทียม โดยผู้เข้าแข่งขันจะมีรูปแบบจิตวิทยา ความรู้สึกนึกคิดแบ่งเป็นมุมมอง
1. มุมการสร้างตัวตนให้เห็นถึงศักยภาพ อย่างที่เห็นในรายการว่าผู้เข้าแข่งขันมีทั้งศิลปินดาราทั้งเก่าและใหม่ นักร้องใหม่ก็ต้องการให้คนเห็นถึงความสามารถที่มีอยู่เพื่อต่อยอดอาชีพศิลปินในอนาคต นักร้องรุ่นเก่า ก็ยิ่งต้องพัฒนาศักยภาพตัวเองให้อยู่ในมาตฐานที่เคยเป็น ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่
2. มุมของความใฝ่ฝัน ความต้องการเป็นแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น เปลี่ยนจากสิ่งที่เคยทำมาเป็นอีกสิ่งที่สามารถทำได้แต่คนไม่เคยเห็น เช่น ความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้อง แต่เข้ามามีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ได้รับบทบาทเป็นนักแสดงได้ดี แต่ไม่มีใครรู้ว่าการร้องเพลงก็เป็นอีกหนึ่งศักยภาพที่สามารถทำได้
3. มุมการลบอคติ และสิ่งที่ถูกตีตรา เป็นการแสดงศักยภาพโดยอาศัยหน้ากากเป็นตัวช่วย แต่เมื่อถอดหน้ากากออกมาจะมีผลอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการเปิดใจของคนดู อย่างที่เห็นเป็นกระแสอยู่ในรายการ การเหยียดเพศ สำเนียงการพูดและการศัลยกรรม เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถทั้งสิ้น แต่การแสดงศักยภาพที่แท้จริงนั้นอาจทำให้อคติลดลง และมองเห็นความสามารถมากขึ้น ซึ่งมุมมองทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดียวกันคือ การร้องเพลง
The Mask Singer รายการสะท้อนสังคมไทย
ดร.จิตรา กล่าวต่อว่า อคติ คือ ความรัก โลภ โกธร หลง เป็นการตัดสินคนจากความคิด มองข้ามความสามารถที่แท้จริงเพียงเพราะคำว่า ไม่ชอบ คนจะไม่มีอคติภายใต้หน้ากาก แต่เมื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ถ้าเป็นบุคคลที่ชอบจะเกิดการสนับสนุน และถ้าไม่ชอบ จะมองข้ามข้อดีทั้งหมด จนนำไปสู่การเหยียด และเกลียดชัง ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง การดู The Mask Singer ถือเป็นการสะท้อนปัญหาชีวิตสังคมปัจจุบันที่ชัดเจน หน้ากากในชีวิตจริงก็คือ บทบาทและหน้าที่ของบุคคลที่สามารถเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา โดยคนเรามีบทบาทและหน้าที่หลากหลายในคนๆ เดียว เช่น บทบาทครอบครัว บทบาทการทำงาน บทบาทเพื่อน เป็นต้น
เพราะเมื่อไหร่ที่เราถอดหน้ากาก มันก็มักจะมี หน้ากากอื่น มาสวมต่ออยู่เสมอ
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
*ขอบคุณภาพจาก Facebook : The Mask Singer
ข่าวที่เกี่ยวข้อง