“ท่านค้าาาาา เขาไม่ให้หนู เข้าประเทศ”
เสียงครวญจากสาวประเภทสองท่านหนึ่ง ที่แจ้งมาถึง เรือโทโกเมศ กมลนาวิน เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เข้าทำการกักตัว ก่อนส่งตัวกลับประเทศ
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็สืบเนื่องมาจาก เจ้าของเสียงโอดครวญดังกล่าว มีการผ่าตัดแปลงเพศ! จึงทำให้ เพศสภาพ ณ ปัจจุบัน ไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในหนังสือเดินทาง
ทันทีที่ทราบข่าว ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบี จึงเร่งประสานให้ความช่วยเหลือ ขณะที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้รีบโพสต์แจ้งคำเตือนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ถึงชาวไทยแลนด์แดนสยาม ที่กำลังงวยงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบทันทีโดยทั่วกันว่า...
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ได้ประกาศเกี่ยวกับชายแปลงเพศ หรือ แต่งหญิง ว่า การแปลงเพศ หรือ แต่งหญิง นั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของประเทศ หากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ของ ยูเออี ตรวจพบ จะถูกกักตัวที่สนามบิน และส่งกลับประเทศไทยโดยทันที หรือ หากตรวจพบในภายหลัง จะถูกกักขังไว้ในสถานีตำรวจเรือนจำชั่วคราว ก่อนที่จะส่งกลับประเทศ ในลำดับต่อไป
จึงขอให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศยูเออี ทุกท่าน โปรดระมัดระวังการแต่งตัวหรือลักษณะท่าทางที่อาจเสี่ยงต่อการถูกจับกุม!
...
ย้ำอีกครั้ง ห้ามบุคคลแปลงเพศ หรือแต่งกายไม่ตรงกับเพศสภาพ ที่ระบุในหนังสือเดินทาง เดินทางเข้าประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หรือหากตรวจพบภายหลัง จะถูกจับกุม และส่งตัวกลับทันที
อย่าเพิ่งเลิกคิ้ว ทำหน้างวยงง ชวนสงสัย ทำตาโตเท่าไข่ห่านขนาดนั้น แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์
ทำใจให้ร่มๆ แล้วมารับฟังเหตุผลให้ครบถ้วนกระบวนความเสียก่อน ค่อยระเบิดอารมณ์ผ่านคีย์บอร์ด เพราะในวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีข้อมูลรอบด้าน มาให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ได้สังเคราะห์ไปพร้อมๆ กัน
ใจเย็นๆ กันสักนิด ฟังเหตุฟังผลกันเสียหน่อย เพราะโลกเรา...เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม การยอมรับและให้เกียรติในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเท่านั้น จึงจะทำให้โลกของเราสงบสุข อีกทั้งการจะเดินทางไปเยือนประเทศที่มีวัฒนธรรมแตกต่างนั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ การให้ความเคารพในกฎเกณฑ์ของประเทศนั้นๆ
เราจึงจะสามารถเรียกตัวเองได้ว่า เป็นแขกบ้านแขกเมืองที่ดี
เอาละ! เกริ่นมาเนิ่นนานบานเบอะ เข้าเรื่องกันเสียที!
เหตุไฉน ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพลิกโฉมจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ ไปสู่มหานครศูนย์กลางแห่งการค้าและการลงทุนของโลกแห่งใหม่ โดยเฉพาะที่เมืองดูไบ เมืองใหญ่ของ UAE ที่เต็มไปด้วยอาคารล้ำสมัย หรูหรา ราคาสุดแสนแพง ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว
ซึ่งควร...ที่จะพร้อม อ้าแขนรับ แขกบ้านแขกเมืองจากทั่วทุกมุมโลก
จึงห้าม ... เหล่าบุคคลข้ามเพศ ที่มีการแปลงเพศแล้ว หรือแต่งกายไม่ตรงกับเพศของตัวเอง เดินทางเข้าประเทศ
การกระทำเช่นนั้น อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง กระนั้นหรือ?
ในวันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้รับเกียรติจาก เรือโทโกเมศ กมลนาวิน เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE มาเป็นผู้ไขคำตอบ ในทุกข้อสงสัย ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว
“ผมขอยืนยันว่า ประเทศ UAE มิได้รังเกียจ หรือห้ามเพศที่สาม เดินทางเข้าประเทศนะครับ” ท่านทูตโกเมศ ยืนยันกับทีมข่าวฯ ด้วยเสียงดังฟังชัด
เพียงแต่.....สำหรับ เพศที่สาม เวลาจะเดินทางเข้าประเทศ UAE จะต้องแต่งกายให้ตรงกับเพศของตัวเอง และจะต้องระมัดระวังกิริยาอาการ มีความสำรวม หรือมีการแสดงออกที่เหมาะสม เวลาเดินทางไปในที่สาธารณะในประเทศของเขา
และที่สำคัญ ... ต้องไม่ผ่านการผ่าตัดแปลงเพศมาก่อน!
หรือ หากจะสรุปง่ายให้เข้าใจ ก็คือ หากคุณไม่ใช่บุคคลที่ปรากฏตรงตามหนังสือเดินทาง ก็จบเลย!
จับจริง ส่งกลับจริง เดือน มี.ค. โดนมาแล้ว 1 ราย
สำหรับมาตรการไม่ยินยอม ให้บุคคลที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง เดินทางเข้าประเทศ UAE นั้น ผมขอยืนยันว่า เป็นเรื่องจริง และเบื้องต้นพบว่ามี คนไทย ถูกผลักดันให้กลับประเทศ จากมาตรการดังกล่าวแล้ว โดยเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามี 1 ราย ที่ถูกส่งตัวกลับ
จนเป็นที่มาของ เสียงครวญที่ว่า ... “ท่านค้าาาาา เขาไม่ให้หนูเข้าประเทศ”
เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สนทนากับทีมข่าวฯ ต่อไปว่า เบื้องต้น สำหรับประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนตัวอยากอธิบายให้ชัดเจนแบบนี้ว่า
...
เพศสภาพไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง เจ้าบ้านย่อมเกิดความสงสัย จะเข้ามาทำอะไรกันแน่?
ข้อที่ 1 การอนุญาตให้บุคคลใดเข้าประเทศ เป็นสิทธิของประเทศนั้นๆ ที่จะอนุญาต หรือไม่อนุญาต ก็ได้
ข้อที่ 2 ในเชิงของความมั่นคง ของแต่ละประเทศ การตรวจพบบุคคลที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการแปลงเพศแล้ว ต้องเข้าใจประเทศของเขาด้วยว่า ...
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง อาจเกิดความเข้าใจผิดได้ ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของคนไทยรายล่าสุดนั้น เท่าที่ทราบ หน้าหนังสือเดินทาง ระบุชัดเจนว่า เป็นผู้ชาย แต่เมื่อเวลาไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ปรากฏว่า เจ้าตัวมีลักษณะทางกายภาพ และการแต่งกายเป็นผู้หญิง ซึ่งตรงกันข้ามกับหนังสือเดินทางโดยสิ้นเชิง
กรณีแบบนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง อาจเข้าใจได้ว่า บุคคลนั้น เดินทางเข้าประเทศโดยมีเจตนาที่ไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี สำหรับบรรดาสาวห้าวทั้งหลาย สบายใจได้ไม่มีปัญหา เพราะหากลักษณะทางกายภาพตรงตามหนังสือเดินทางก็สามารถเข้าประเทศได้ ส่วนการแต่งกาย จะสวมกางเกง หรือกระโปรง ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ระมัดระวังว่า ต้องแต่งกายให้มิดชิด เช่น ต้องสวมกระโปรงยาว เสื้อปกปิดมิดชิด เมื่อเดินทางไปตามที่สาธารณะต่างๆ ในประเทศ
ข้อที่ 3 ซึ่งเป็นข้อสำคัญที่สุด ที่คนไทยควรศึกษาก่อนที่จะเดินทางไป ก็คือ
ประเทศ UAE ถือเป็นหนึ่งในประเทศมุสลิม ที่มีการใช้กฎหมายยึดโยงกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ฉะนั้นแม้การเลือกเพศสภาพ อาจจะเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งแต่ละคนอาจมีความคิดในเรื่องเพศที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับประเทศ UAE รวมถึงประเทศส่วนใหญ่ในดินแดนตะวันออกกลาง ที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ประเด็นดังกล่าว ถือว่าขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีรวมถึงกฎหมายในบ้านเขา
...
ฉะนั้น คนที่จะเดินทางเข้าไป จึงต้องให้ความเคารพตามกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้ภายในประเทศของเขา เช่นเดียวกัน
การันตี กฎหมายนี้ ใช้กับบุคคลทุกสัญชาติ ไม่ได้เพ่งเล็งเฉพาะคนไทย
ท่านทูตโกเมศ กล่าวกับทีมข่าวฯ ต่อไปว่า ขอยืนยันว่า มาตรการดังกล่าว มิได้มุ่งเน้นการตรวจสอบ หรือกีดกัน เพียงเฉพาะบุคคลเพศที่สาม ที่เป็นคนไทยเท่านั้น เพราะมาตรการดังกล่าว ทาง UAE นำมาใช้กับ บุคคลทุกสัญชาติ
และที่สำคัญ อย่าคิดเสี่ยงเด็ดขาด!
ประเภทตอนอยู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ยอมแต่งกายเป็นผู้ชาย แต่พอเข้าเมืองมาได้แล้ว จะไปเที่ยวที่ไหน เลยกลับมาแต่งเป็นผู้หญิงอีกครั้ง แบบนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจศาสนา ตรวจพบ ก็อาจจะถูกตักเตือนเรื่องการแต่งกาย หรือผลักดันให้กลับประเทศทันที ได้เช่นกัน
เตือน ไปประเทศโลกมุสลิม กิริยาการแสดงออกกับคนรัก ในที่สาธารณะต้องสำรวม
ส่วนตัวผมเอง ก่อนที่จะเดินทางมาทำหน้าที่ในประเทศใด ก็ต้องมีการทำการบ้าน ศึกษาถึงวัฒนธรรมและประเพณีของประเทศนั้นๆ อยู่ก่อนเสมอ สำหรับประเทศ UAE นั้น อยากขอเตือนคนไทยที่จะเดินทางมาประเทศนี้ ว่า การแสดงกิริยาโดยเฉพาะกับคนรักนั้น ต้องระมัดระวัง และสำรวม อย่าแสดงออกถึงความรักที่เกินพอดี ตามสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลถือศีลอด หรือรอมฎอน ของศาสนาอิสลาม
...
ที่ผ่านมา ในกรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของ UAE หรือเมืองดูไบ เมืองใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ จะมีป้ายเตือนติดอยู่ตามร้านค้า และห้างสรรพสินค้าใหญ่ เพื่อเตือนบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติในเรื่องนี้เอาไว้อยู่เสมอๆ
และในช่วงรอมฎอนนั้น ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ที่จะรับประทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำ ให้ชาวมุสลิมพบเห็น ส่วนตัวผมเอง แม้กระทั่งเป็นทูต ในขณะที่นั่งรถประจำตำแหน่งมาทำงาน ก็ยังไม่กล้าที่จะดื่มน้ำบนรถ เวลาที่แล่นผ่านไปยังสถานที่สาธารณะต่างๆ เลย
เพราะเกรงว่า จะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
นอกจากนี้ที่คนไทยควรรู้เอาไว้หากจะเดินทางมาประเทศนี้ ก็คือ บางสถานที่ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญทางศาสนา รวมถึงบุคคลในประเทศ UAE ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด หากไม่ได้รับอนุญาต!
ปัจจุบัน ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีประชากรประมาณ 9 ล้านกว่าคน แต่ในจำนวนนี้ มีชาว UAE จริงๆ เพียง ร้อยละ 11 เท่านั้น ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติที่มาจากประมาณ 200 เชื้อชาติ แต่ชาวท้องถิ่นส่วนใหญ่ ยอมรับคนไทย รักคนไทย และชอบมาเที่ยวประเทศไทยมาก จึงไม่แปลกที่เมื่อปีที่ผ่านมา จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 1.3 แสนคน
ขณะเดียวกัน มีคนไทยอยู่ในประเทศ UAE ประมาณ 9,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือ เช่น เชฟทำอาหาร และพนักงานโรงแรม เพราะแรงงานฝีมือของเราได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก
สุดท้าย เรือโทโกเมศ อยากขอฝากไปถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกคน ผ่านทีมข่าวฯ ว่า
"หากจะเดินทางไปประเทศไหน ต้องให้ความเคารพในกฎเกณฑ์ของประเทศนั้นๆ ถึงจะเรียกว่า เป็นแขกผู้มาเยือนที่ดี และหากจะให้ดี ควรจะมีการศึกษาข้อมูลก่อนที่จะเดินทางไปประเทศนั้นๆ หรืออย่างน้อย สอบถามทางไปสถานทูตไทยประจำประเทศนั้นๆ เพื่อหาข้อมูลก่อน ก็จะเป็นผลดี"
เอาละ เราฟังข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในมุมของกฎหมายไปแล้ว คราวนี้ เราไปฟังถึงมุมมองของศาสนาอิสลาม ที่มีต่อบุคคลข้ามเพศกันบ้างดีกว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อความหลากหลายทางความคิดและความเชื่อ ในสังคมมนุษย์เรา เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ซึ่งผู้ที่ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เชื้อเชิญมาอธิบายความ กับ แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ในวันนี้ ก็คือ ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม กีรตยาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์ นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษา
โลกอิสลาม มองการเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นเรื่องที่สามารถปรับปรุงได้
โดย อาจารย์จรัญ ได้เลกเชอร์สรุปสั้นๆ ให้เข้าใจว่า สำหรับศาสนาอิสลาม เชื่อว่า การเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นเรื่องที่สามารถปรับปรุงได้ ไม่ใช่เรื่องของความผิดปกติทางฮอร์โมน และขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในครอบครัวเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการอยู่กินของคนเพศเดียวกัน เพราะเกรงว่า...จะไม่สามารถรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ได้
ฉะนั้น สำหรับบางประเทศที่ใช้หลักคำสอนของศาสนาอิสลามมาเป็นกฎหมาย จะมีบทลงโทษที่รุนแรงกับบุคคลข้ามเพศเป็นอย่างมาก...
โดยในบางประเทศ อาจจะมีโทษหนัก ถึงขั้น ประหารชีวิต ด้วยซ้ำไป หากพิสูจน์ได้ว่า ... มีการครองคู่ระหว่างบุคคลเพศเดียวกันจริง
ส่วนการที่ศาสนาอิสลาม ห้ามแปลงเพศ นั้น เป็นเพราะต้องการรักษาธรรมชาติของมนุษย์ ที่ได้รับมาจากพระเจ้าเอาไว้ ฉะนั้น แนวคิดของศาสนาอิสลาม ที่มีต่อเรื่องนี้ จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะถือว่าเป็นคำสอนที่มาจากศาสดา และปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน
เชื่อ UAE ใช้มาตรการดังกล่าว หวังปรามคนรุ่นใหม่ อย่าอิงโลกตะวันตกมากจนเกินไป
สำหรับเรื่องที่ประเทศ UAE ห้ามบุคคลที่มีการแปลงเพศ เดินทางเข้าประเทศนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และยังไม่เคยได้รับทราบมาก่อนว่า จะมีประเทศใดในโลกอิสลาม ออกมาตรการดังกล่าวมาบังคับใช้
เพราะที่ผ่านมา จากประสบการณ์ส่วนตัว ก็ยังคงพบเห็น บุคคลข้ามเพศ เดินทางเข้า-ออก ในประเทศโลกมุสลิมเป็นปกติดีอยู่
ทั้งนี้ ส่วนตัวยอมรับว่า ค่อนข้างแปลกใจพอสมควร ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศมุสลิม ที่เปิดกว้างพอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย คูเวต บาห์เรน ที่เคร่งครัดในเรื่องคำสอนทางศาสนาอิสลามเอามากๆ
เรื่องที่เกิดขึ้น จึงอาจมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันว่า ฝ่ายศาสนาในประเทศ UAE อาจจะมองว่า คนในประเทศเริ่มจะเปิดกว้างในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการอิงไปกับโลกตะวันตกมากจนเกินไปแล้ว
จึงต้องมีการป้องปรามเอาไว้ก่อน ก็เป็นได้! ศ.ดร.จรัญ กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน