พิสูจน์ความจริง ก่อน และหลังโรงแรมใบหยกสกาย (ใบหยก 2) ตึกสูงระฟ้าที่แรกของเมืองไทย ใช้งบส่วนตัว ผนึกกำลังกับ กทม. ฉีดพ่นน้ำจากระเบียงจากชั้น 81 ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 PM ในอากาศ จะได้ผลมากน้อยเพียงใด ช่วยทำให้ค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 50 ไมโครกรัมหรือไม่ หลังฉีดน้ำไล่ฝุ่นตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการหลายฝ่ายชี้ว่าอาจจะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นพิษไม่ได้...
เปิดใจ ทายาทอันดับ 1 ตึกใบหยก หลังเจอกระแสดราม่า ไร้สาระ
“ลองทำ ดีกว่าไม่ได้ทำ และไม่ได้ใช้งบของหลวงแต่อย่างใด เป็นงบบริษัทเอง ทั้งน้ำ น้ำมัน ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายยังไม่มีการสรุป คงทำไปเรื่อยๆ ฉีดทุกวัน อาจจะมีการวิจารณ์บ้างว่าดี ไม่ดี ถ้าผมใช้เงินของคนอื่นก็คงคิดมาก แต่นี่เงินของเราเองก็อยากลอง ถ้าช่วยได้ไม่มากหรือน้อยก็ยังดี อย่างน้อยได้ลองทำรู้สึกสบายใจที่ได้ทำ
...
หว่งภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยด้วย หากมีการแชร์ภาพ ว่าเมืองไทยฝุ่นเยอะ มลพิษเยอะ ก็จะไม่กล้ามาเที่ยวไทย คงต้องช่วยกัน คนละไม้คนละมือใครทำอะไรได้ก็ต้องลองดู” นายปิยะเลิศ ใบหยก หรือ เบียร์ รองประธานกลุ่มใบหยก เปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 62 เวลา 16.00 น. ภายในบริเวณชั้น 81 ของตึกใบหยก 2 ซึ่งด้านนอกระเบียงของชั้นกำลังทำการฉีดละอองน้ำไล่ฝุ่นอยู่
ทั้งนี้ นายปิยะเลิศ พร้อมเผยแนวคิดที่จุดประกายให้ฉีดน้ำ เริ่มจากช่วงปลายเดือน ม.ค. 62 ค่าฝุ่น PM 2.5 เข้าขั้นวิกฤติในหลายพื้นที่ของ กทม. และมีการแชร์ภาพในโลกโซเชียลว่า ตึกใบหยก 2 มองไม่เห็น ในฐานะทายาทเจ้าของตึกที่มีความสูง 305 เมตร ซึ่งมีแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำได้ถึง 600 คิว และมีประสิทธิภาพปั๊มน้ำสูบขึ้นมาได้เรื่อยๆ จึงรู้สึกว่าต้องช่วยทำให้อากาศ กทม. ดีขึ้น เพื่อไม่ให้มีผลต่อสุขภาพของประชาชนไปมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งส่งผลถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศด้วย ส่วนตึกแต่ละภาคเอกชนอื่นๆ หากมีความพร้อมสามารถทำได้เช่นกัน โดยลองสอบถามไปยังแต่ละเขต เพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษา อีกทั้งอาจจะให้การสนับสนุนเครื่องปั๊มน้ำมาฉีดด้วย
น้ำเพิ่มวันละ 300 กว่าคิว คำเฉลย หลังฉีดน้ำ ค่าฝุ่น PM 2.5 ลดเท่าไร
สำหรับการฉีดน้ำจากตึกจะช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5 ได้หรือไม่นั้น ทีมข่าวฯ พิสูจน์หาความจริง โดยขณะที่ชั้น 81 และ 85 กำลังฉีดละอองน้ำ ทีมข่าวฯ วัดปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่นอกตึกได้ปริมาณ 45-47 ไมโครกรัม และช่วงเวลาเดินจากบริเวณหน้าชั้น 1 ของตึกใบหยก 2 ที่คลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยวหลายชาติ ทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 81 วัดปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 ไต่ระดับจาก 43-55 ไมโครกรัม
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้น 81 พบว่าบริเวณระเบียงติดตั้งหัวฉีดดับเพลิงแบบมอนิเตอร์ 2 จุด พ่นน้ำด้วยความแรงน้ำ 6 บาร์ โดยมีสายยางต่อจากหัวปั๊มน้ำภายในตึกใบหยก โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยของ กทม. 2 คน ยืนควบคุมและดูแลการฉีดพ่นละอองน้ำอยู่ ทีมข่าวฯ วัดปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 บริเวณระเบียงได้ค่า 38-43 ไมโครกรัม
ทั้งนี้ ตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่ทีมข่าวฯ เฝ้าสังเกตการณ์ ละอองน้ำหลังพ่นออกมา ได้พัดปลิวไปตามทิศทางของกระแสลม ในระยะรัศมีความกว้างประมาณ 50 เมตร จนกระทั่งเวลา 17.00 น. ได้หยุดฉีดน้ำ วัดค่าปริมาณฝุ่น PM 2.5 บริเวณระเบียงได้ 38-40 ไมโครกรัม จากนั้นทีมข่าวฯ ลงมาวัดบริเวณชั้น 1 ของตึกใบหยก วัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ 42 ไมโครกรัม
...
จากตัวเลขการวัดค่าฝุ่นดังกล่าว ยืนยันชัดว่า การฉีดละอองน้ำจากตึกใบหยก 2 นั้นช่วยลดปริมาณฝุ่นลง 3 ไมโครกรัมทีเดียว อย่างไรก็ดีจากตัวเลขที่ใช้แต่ละวันเกือบ 300 คิว เมื่อคำนวณกับค่าน้ำที่ต้องเสียหน่วยละ 18 บาทแล้ว พบว่าแต่ละวันตึกใบหยกมีค่าน้ำเป็นเงิน 5,400 บาททีเดียว
ไร้ผลกระทบประชาชน แนะตึก คอนโดฯ สูงทั่ว กทม. ช่วยกันฉีดน้ำ
สำหรับการฉีดน้ำของตึกใบหยก 2 มีทั้งหมด 2 ส่วน คือ 1. ระเบียงชั้น 81 ที่ติดตั้งหัวฉีดดับเพลิงแบบมอนิเตอร์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากดับเพลิงเขตราชเทวี และ 2. บริเวณชั้น 85 ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำได้ในรัศมี 50 เมตร มีความยาวทั้งหมด 25 เมตร โดยศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ทำการออกแบบสร้างเครื่องพ่นละอองน้ำ
ซึ่งการฉีดน้ำทั้ง 2 จุด กำหนดเวลาพ่นละอองน้ำ 2 ครั้ง ต่อวัน ในชั่วโมงช่วงรถยนต์ติดขัดมากๆ ในเวลา 08.30-09.30 น. และ 16.00 - 17.00 น. ทำการฉีดน้ำครั้งละ 1-1.30 ชั่วโมง โดยชั้น 85 ฉีดละอองน้ำทุกวัน แต่ชั้น 81 ฉีดเป็นบางวัน โดยพิจารณาจากการประเมินสถานการณ์ฝุ่นละอองในแต่ละวันจากเขตราชเทวีด้วย แต่จะไม่ฉีดละอองน้ำเกินเวลา 17.00 น. เนื่องจากต้องมีการจัดเตรียมระเบียงชั้น 81 รองรับนักท่องเที่ยวที่มารับประทานมื้อเย็นพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน
...
ทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของตึกใบหยก ขณะฉีดละอองน้ำก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ยังคงเดินเที่ยวและช็อปปิ้งกันตามปกติ มีหลายเสียงที่ทีมข่าวฯ เข้าไปพูดคุยสอบถาม ต่างเข้าใจว่าละอองน้ำฉีดเพื่อไล่ฝุ่น พร้อมชักชวนตึกสูงทั่ว กทม. ทำตามเพื่อมลภาวะที่ดี
"ฉีดน้ำแบบนี้ดีแล้ว ฝุ่นจะได้เจือจาง ถึงจะแก้ปลายเหตุ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรนะพี่ว่า ถ้าตึกอื่นๆ หรือคอนโดสูงๆ ทั่ว กทม. ทำแบบนี้ได้ก็ยิ่งดี ตอนนี้ไม่มีการแก้ปัญหาระยะยาว คนไทยก็ต้องช่วยๆ กันแบบนี้แหละ" เจ้าของร้านเสื้อผ้าบริเวณใกล้ตึกใบหยก 2 แสดงความเห็น
...
ยึดหลักกระแสลม เบื้องหลังการฉีด จนท. สภาพเปียกปอน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงพญาไท ทำการฉีดละอองน้ำเพื่อลดมลพิษฝุ่นควันจากชั้น 81 ของตึกใบหยก 2 อยู่นั้น ทีมข่าวฯ สังเกตว่า พวกเขาต้องเปียกน้ำชุ่มฉ่ำตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองยิ้มและบอกว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่กลัวเปียกอยู่แล้ว เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ส่วนเหตุที่ต้องเปียกปอนในแต่ละวันจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกระแสลม
จ่าสิบตำรวจ คำนึง เพชรศรี พนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยชำนาญงาน สถานีดับเพลิงพญาไท ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเครื่องฉีดน้ำ อธิบายว่า เครื่องที่ใช้บนชั้น 81 เป็นหัวมอนิเตอร์ แต่ค่อนข้างจะใช้แรงดันเยอะ ปกติใช้ดับไฟในรายใหญ่ๆ ที่คนไม่สามารถเข้าไปได้ แต่เนื่องจากเครื่องมีขนาดใหญ่กว่าที่คนจะถือ จึงต้องตั้งไว้กับที่
ตีกที่จะใช้เครื่องนี้ได้ ต้องมีแรงดันพอและไม่น้อยกว่าของรถดับเพลิง สำหรับการฉีดน้ำให้เป็นละอองขนาดเท่าไร ในการดับไฟแล้วแต่สถานการณ์ว่าจะปรับหัวอย่างไร อยู่ที่คนควบคุม แต่สำหรับการฉีดจากชั้น 81 ของตึกใบหยก ได้ปรับหัวจนสุดให้เป็นละอองน้ำที่เล็กที่สุด และเพื่อประสิทธิภาพในการฉีดไล่ฝุ่น ต้องยึดทิศทางลม
“ใบหยกมีทั้งหมด 4 มุม ก่อนฉีดน้ำต้องดูทิศทางลมด้วย ถ้ามุมไหนลมพัดเข้าตึก ฉีดน้ำไปก็ไม่เป็นผล วัตถุประสงค์ของเรา คือ ฉีดให้ลอยไปไกลๆ ไม่ให้ตกบนพื้น ฉีดแล้วไประเหยหมดยิ่งดี ต้องฉีดไปทิศทางเดียวกับลม ให้ลมพาไป ทิศทางลมจะไม่แน่นอน ต้องเช็กก่อนฉีดทุกครั้ง ” จ่าสิบตำรวจคำนึงกล่าว
และจากการสนับสนุนของตึกใบหยก 2 ทั้งในส่วนของสถานที่ อุปกรณ์ Fire Pump และน้ำจากบนถังเก็บน้ำบนยอดตึกของอาคาร ซึ่งใช้น้ำอัตรา 144 คิวต่อชั่วโมง ส่งผลให้แต่ละวันยอดการใช้น้ำประปา จากเดิมวันละเกือบพันคิว เพิ่มเป็นวันละประมาณ 1300 กว่าคิว ส่วนการทำงานของอุปกรณ์ Fire Pump ที่ต้องปั๊มน้ำต่อไปโดยยังไม่รู้กำหนดวันยกเลิกปฏิบัติการมีโอกาสจะส่งผลให้การทำงานของเครื่องขัดข้องหรือไม่นั้น
จากการเปิดเผยของวิศวกร ตึกใบหยก 2 ระบุว่า ตั้งแต่ทำการฉีดละอองน้ำมา ยังไม่เคยเกิดปัญหาปั๊มน้ำขัดข้อง เพราะระบบดับเพลิงของตึกใบหยก 2 มีการเทสต์ทุกอาทิตย์ โดยการรันเครื่องดับเพลิงครั้งละประมาณ 15 นาที ตามกฎหมาย และรันเครื่องปั๊มน้ำครึ่งชั่วโมง 1 ครั้งในแต่ละเดือน ส่วนการฉีดละอองน้ำจากตึกในครั้งนี้ เป็นการรันเครื่องนานที่สุด วันละเกือบ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งประสิทธิภาพของเครื่องยังสมบูรณ์และทำงานได้ดีเช่นเคย
ไม่ได้มีแค่ใบหยก 13 รายชื่อตึกเขตราชเทวี ร่วมผนึกกำลัง ฉีดน้ำไล่ฝุ่น
สำหรับการระดมช่วยลดฝุ่นครั้งนี้ของตึกใบหยก 2 นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการเขตราชเทวี เผยกับทีมข่าวฯ ว่า ผลที่ได้รับจากการพ่นน้ำลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในอากาศในแต่ละวันเป็นที่น่าพอใจ แม้บางวันที่ค่าฝุ่นไม่เกินมาตรฐาน ชั้น 85 ของตึกใบหยก 2 ก็ยังฉีดละอองน้ำทุกวันตามเวลากำหนด
และเป็นที่น่ายินดียิ่ง ขณะนี้ในพื้นที่เขตราชเทวี ได้รับความร่วมมือจากตึกก่อสร้างต่างๆ เข้าร่วมโครงการ "ราชเทวีร่วมใจแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง" มีอาคารที่อยู่ระหว่างการรื้อถอนและก่อสร้างเข้าร่วมโครงการฯ 13 โครงการ เป็นส่วนราชการ 5 โครงการ เอกชน 8 โครงการ ช่วยกันคลุมผ้าเพื่อป้องกันฝุ่น และติดตั้งเครื่องฉีดละอองน้ำเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 ดังนี้
1. รื้อถอนอาคารวิทยาลัยพยาบาล โดยบริษัท ยูนิค จำกัด
2. ก่อสร้างอาคารสถาบันโรคผิวหนัง โดยบริษัท อินฟินิทเอนจิเนียริ่ง แอน คอนสตรัคชั่น
3. ก่อสร้างอาคาร รพ.พระมงกุฎ โดยบริษัทเบญจมาศ จำกัด
4. ก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี
5. ก่อสร้างอาคารกระทรวงวิทยาศาสตร์ โดยบริษัท อี พี แอนด์ เอส จำกัด
6. ก่อสร้างอาคารโครงการไอดีโอ โมบิ รางน้ำ โดยบริษัท WESTCON GENERAL CONTRACTOR
7. ก่อสร้างอาคารโครงการไอดีโอ คิว วิคตอรี่ โดยบริษัทเฮลิกซ์ จำกัด
8. ก่อสร้างอาคารโครงการไลฟ์ อโศก ไฮป์ โดยบริษัท เอ พี (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน
9. ก่อสร้างอาคารโครงการยูนิคคอน พญาไท โดยบริษัทซินเทค จำกัด
10. ก่อสร้างอาคารโครงการเดอะรูม พญาไท โดยบริษัททวีพรก่อสร้าง จำกัด
11. ก่อสร้างอาคารโครงการเดอะชาร์เตี้ยม โดยบริษัทฤทธา จำกัด
12. ก่อสร้างอาคารโครงการไลฟ์ อโศก พระราม 9 โดยบริษัท 27 เอนจิเนียริ่ง จำกัด
13. ก่อสร้างอาคารโครงการ FiveFifteen Hotel โดยบริษัทสยามกลการ จำกัด
ในส่วนของกทม. นั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการฯ ได้สั่งการให้ติดตั้งสปริงเกอร์ (เครื่องฉีดละอองน้ำ) ใน รพ.สังกัด กทม., อาคารสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และโรงเรียน 437 แห่ง โดยติดตั้งเสร็จแล้วกว่า 200 แห่ง แล้ว และบางโรงเรียนได้คิดนวัตกรรมในการติดตั้งสปริงเกอร์ จากวัสดุเหลือใช้ เช่น ขวดน้ำ ประดิษฐ์เป็นสปริงเกอร์ช่วยประหยัดงบประมาณด้วย และร่วมกับหน่วยงาน สำนักสิ่งแวดล้อม, กรมชลประทาน, มณฑลทหารบกที่ 11, กองพันทหารพัฒนา ล้างถนนทางเท้าทุกวัน เวลา 09.00-12.00 น. และ 22.00-24.00 น. ฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อล้างใบไม้ ต้นไม้ เพื่อลดฝุ่น
“ภาคเอกชนสามารถทำการฉีดละอองน้ำได้เลย หรือถ้าอยากให้เขตไปช่วยดูเรื่องความปลอดภัย ในหลักวิชาการ หรือในเรื่องว่ามีอะไรเป็นข้อกฎหมายไหม มีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้การฉีดน้ำได้ผลมากที่สุดก็ติดต่อไปแต่ละเขตได้” ผอ.เขตราชเทวีกล่าว
แม้การฉีดละอองน้ำ คือ การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่บทเรียนจากการฉีดน้ำของตึกใบหยก 2 พิสูจน์แล้วว่า ลดค่าฝุ่นได้จริง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวคงต้องรอให้รัฐบาลหาแนวทางต่อไป
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่
reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ