มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง เป็นอาชีพให้ความบันเทิงปนหวาดเสียวมายาวนานหลายสิบปีตามงานวัด แต่ปัจจุบันพบเห็นน้อยลง เนื่องจากยุคสมัยปลี่ยนไป เกิดอาชีพ ความบันเทิงใหม่ๆ หลายรูปแบบในยุค 4.0 ทำให้ค่านิยมดูโชว์รถไต่ถังลดน้อย ทั้งๆ ที่รถไต่ถังสร้างสีสันและเป็นเอกลักษณ์ของงานวัด แต่ยังมี “คณะรถไต่ถัง” หนึ่งที่ยืนกรานท้ามฤตยู ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันแลกเงิน 50 บาทต่อรอบแสดง ต่อไป แม้ต้องเสี่ยงตายวันละ 15 ครั้งก็ตาม

“เดี๋ยวนี้รถไต่ถังหาดูยาก เหลือไม่กี่คณะแล้ว เลยอยากจะอนุรักษ์ต่อไปเรื่อยๆ” นายวรวุฒิ กัลยาณพันธ์ หรือ วรวุฒิ กระดูกเหล็ก นักขี่รถกระบะไต่ถังชื่อดังอันดับหนึ่งของไทย ซึ่งยึดอาชีพนี้ที่สืบทอดมรดกจากพ่อมากว่า 17 ปี ตั้งแต่อายุ 15 เพราะเห็นแม่ไปง้อให้คนอื่นมาขี่ให้ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จึงคว้ามอเตอร์ไซค์มาบิดขี่ขึ้นถังเพื่อครอบครัว บอกกับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วยแววตากังวล

...

เผยทางตัน ปิดกั้นความนิยม ได้เงินไม่คุ้มก็ต้องทำ มีอีก 10 ชีวิตต้องดูแล

โดย วรวุฒิ กระดูกเหล็ก เปิดเผยว่า หลังไทยเข้าสู่ยุคโซเชียล ทำให้ความนิยมดูรถไต่ถังตามงานวัดลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้รายได้ลดตามด้วย เหตุเพราะคนสามารถดูได้ในโซเชียลได้ทุกที่ ทุกเวลา อยากดูตอนไหนก็ดูได้ ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินค่าเดินทางมาดูในงานวัด  นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นใหม่ๆ ล่อใจให้คนสนใจมากกว่ารถไต่ถัง อีกทั้งเศรษฐกิจไม่ดี คนจึงประหยัดกันมากขึ้น บางคนกว่าจะตัดสินใจควักเงินซื้อตั๋ว 50 บาทต่อคน มาดูการแสดงเกือบ 5 นาทีต่อรอบ ก็ยืนลังเลอยู่นาน คิดแล้วคิดอีก

สำหรับรายได้นั้น ไม่แน่นอน บางงานได้วันละหมื่นถึงสามหมื่นบาท แต่ทั้งนี้ถือว่าได้ไม่คุ้ม เพราะเมื่อหักรายจ่ายเป็นค่าเช่าที่ต่องานเป็นจำนวนหลักหมื่นไปถึงแสน ค่าขนย้าย ค่าลูกทีมก็เหลือไม่กี่บาท แม้ทุกวันนี้ได้เงินไม่คุ้ม แต่ก็ทำต่อ เพราะยังมีค่าแรง ค่าเลี้ยงดูลูกน้องอีกกว่า 10 ชีวิตในคณะที่ต้องรับผิดชอบ

นายวรวุฒิ กัลยาณพันธ์ หรือเจ้าของฉายา วรวุฒิ กระดูกเหล็ก หนึ่งเดียวในไทย ขับรถกระบะไต่ถัง
นายวรวุฒิ กัลยาณพันธ์ หรือเจ้าของฉายา วรวุฒิ กระดูกเหล็ก หนึ่งเดียวในไทย ขับรถกระบะไต่ถัง

“คนที่มาดูโชว์มีไม่แน่นอน บางวันมาเยอะ บางวันไม่มีมาดูเลยก็มี เอาแน่นอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจบ้านเมืองด้วย บางทีคนมาเดินงานเยอะ แต่มาดูโชว์นิดเดียวก็มี แต่ถ้ามีคนมาดู พวกเราก็ทำโชว์ทั้ง 15 รอบต่อวัน อย่างเต็มที่ให้ดีที่สุดทุกครั้ง ที่ทำทุกวันนี้ไม่ได้คุ้มนะ แต่มันต้องทำ เพราะมีลูกน้องที่ดูแลเป็น 10 คน มีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ อีก หากินไปวันๆ ไม่ได้มีเก็บ”

...

ที่มา ฉายา “กระดูกเหล็ก” มาเร็วไปไว 5 นาที จ่ายไป 50 บาท

ส่วนการทำงานของวรวุฒิ กระดูกเหล็ก จะะตระเวนทัวร์โชว์ในหลายจังหวัดของไทย ยกเว้นภาคใต้ที่ยังไม่เคยไป มีทั้งเจ้าภาพงานติดต่อมา หรือไปติดต่อเอง สำหรับการแสดงมีโชว์ 15 รอบต่อวัน คนดูจะได้รับชมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ และรถกระบะ ซึ่งใช้เวลาในการโชว์รอบละประมาณ 4-5 นาที บนผนังไม้ทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร ใช้เวลาติดตั้งประมาณ 3 วัน มีความสูงเท่าตึก 2 ชั้น ในความเร็วเกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะยานไต่ถังวาดลวดลายผาดโผนชวนเสียว ท้าทายกับแรงโน้มถ่วงของโลก 

โดยก่อนแสดงโชว์ต้องมีการเตรียมพร้อม และตรวจเช็กอุปกรณ์ต่างๆ อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน โซ่ ยาง และมีการไหว้ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่กระนั้นก็เกิดอุบัติเหตุหนักสุดในชีวิต จนเขาได้รับฉายา “วรวุฒิ กระดูกเหล็ก”  เมื่อเกือบสามปีก่อน ขณะขี่โชว์มอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งซื้อมา จู่ๆ เหมือนล้อหลังล็อก จึงตกลงมา รถร่วงกระแทกแขนหัก เข้ารับการผ่าตัด ใส่เหล็กแทนกระดูก แต่พักไม่ถึงเดือน ก็กลับมาขี่ใหม่ได้เหมือนเดิม โดยไม่หวาดกลัว เพราะแค่ใจกล้าก็ขี่ได้แล้ว

...

“มอเตอร์ไซค์กับกระบะ ยากพอๆ กัน แต่ยากคนละแบบ กว่าจะขับรถกระบะได้ ผมต้องใช้เวลาฝึกประมาณ 3 ปี เสียรถไป 2 คัน ตอนหัดขับรถกระบะใหม่ๆ ไม่มีความกลัวแล้ว เพราะผมหัดขี่มอเตอร์ไซค์มาก่อน แค่ใจกล้าก็ขับได้ แรกๆ มีปวดหัวบ้าง นานไปก็ปรับตัวได้ เพราะชินแล้ว”

ไม่ป้องกัน ไม่ทำประกันชีวิต อาศัยดวงล้วนๆ ลุ้นแต่ละวัน ตก หรือไม่ตก 

สำหรับถังไม้ ปัจจุบัน วรวุฒิ กระดูกเหล็ก ปรับเปลี่ยนจากถังโดยใช้เหล็กเป็นโครงสร้างข้างนอกแทนไม้ แต่ภายในยังเป็นไม้เหมือนเดิม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในการโชว์ ซึ่งถังใบนี้มีมูลค่าประมาณไม่ต่ำกว่า 2-3 ล้านบาท ราคานี้ยังไม่รวมมอเตอร์ไซค์ และรถกระบะ ซึ่งเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ยังขับอยู่

ส่วนการแสดงโชว์มีเพียง 2 คนเท่านั้น คือ เขาเองซึ่งขับกระบะเป็นหลัก และ “แมมมอส” นายสถาพร ชาวขมิ้น ขี่มอเตอร์ไซค์ โดยได้พัฒนาท่าโชว์จากขี่แบบธรรมดาให้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะปล่อยมือ ถอดเสื้อ ยืนโชว์ขาเดียว ปิดตาแล้วขับผาดโผน ขึ้นๆ ลงๆ จะขึ้นแสดงโชว์ทีละคน หรือพร้อมกัน บางครั้ง วรวุฒิ กระดูกเหล็ก ก็จะขี่มอเตอร์ไซค์คู่กับแมมมอสบ้าง

...

นายสถาพร ชาวขมิ้น หรือ แมมมอส กับอาชีพเสี่ยงตาย ขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง
นายสถาพร ชาวขมิ้น หรือ แมมมอส กับอาชีพเสี่ยงตาย ขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง

“เวลาโชว์ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใส่ เนื่องจากใส่แล้วโชว์ไม่ถนัด ไม่คล่องตัวในการแสดงท่าต่างๆ จะตกหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งก็แล้วแต่ดวง ประกันก็ไม่ได้ทำ เราใช้ชีวิตกันแบบนี้แหละ แต่สิ่งต้องมีนั้น คือ “สติและสมาธิในการโชว์วรวุฒิ กระดูกเหล็ก กล่าว

รถกระบะไต่ถัง คณะเดียวของไทย หมดรุ่นไป คงกลายเป็นตำนาน 

ด้าน นายสถาพร ชาวขมิ้น หรือ แมมมอส อายุ 20 ปลายๆ เด็กปั้นของ วรวุฒิ กระดูกเหล็ก เปิดใจกับทีมข่าวฯ ว่า ปัจจุบันมีรายได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไต่ถังวันละ 500 บาท หากมีคนมาดูการแสดงเยอะ ซึ่งถังไม้จุคนได้ประมาณ 100 คนต่อรอบ ก็จะได้พิเศษเพิ่ม 

ความรู้สึกแรกๆ เมื่อปี 51 ที่ตัดสินใจมาขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง คือ กลัว แต่พอขับนานไปกลายเป็นชิน ตั้งแต่ขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถังโชว์ เคยเจออุบัติเหตุยางแตก โซ่หลุด ก็จะประคองรถลงมา แต่บางครั้งลงไม่ทัน หล่นมากองกับพื้นจนหัวแตก สำหรับท่าโชว์บ่อยสุด คือ ปล่อยมือ ที่เกิดจากความอยากทำ และฝึกมาเรื่อยๆ จนเป็น ส่วนรถที่ขี่โชว์นั้น ต้องเป็นรถที่แรง Mono 125 CC เพราะทรงตัวง่ายกว่ายี่ห้ออื่น

“อาชีพนี้ประมาทไม่ได้ ต้องมีสติตลอดเวลา ผมภูมิใจ ดีใจ ที่ยังมีคนมาดูโชว์ มาให้กำลังใจอยู่บ้าง ในอนาคตถ้าหมดรุ่นพวกผม ก็น่าจะไม่มีอาชีพนี้ อย่างรถกระบะไต่ถัง ก็มีแต่ พี่วรวุฒิ ขับโชว์อยู่คณะเดียว ถ้าพี่เขาขับไม่ไหวก็ไม่น่าจะมีใครทำต่อ ผมก็ไม่คิดขับรถกระบะด้วย เพราะขับยาก และอันตรายกว่ามอเตอร์ไซค์เยอะ” แมมมอส กล่าว

เหลือเพียง 3 คณะในไทย หากไม่มีใครสืบทอด จ่อเป็นรายต่อไป

นายวรวุฒิ กัลยาณพันธ์ หรือ เจ้าของฉายา วรวุฒิ กระดูกเหล็ก ที่เลือกใช้ชีวิตเสี่ยงตายมาตลอด 17 ปี กล่าวถึงอนาคตอาชีพนักไต่ถังว่า  หากไม่มีคนสืบทอดก็ต้องล้มคณะ เหมือนคณะอื่น ซึ่งเมื่อก่อนมีอยู่ประมาณ 5 คณะในไทย แต่ล้มไป 2 คณะแล้ว เหตุผลเพราะ หัวหน้าคณะอายุมาก ไม่มีลูกหลานสืบทอด และคงไม่สนับสนุนให้ลูกสานต่อ แม้ต้องเสียใจเพราะเป็นมรดกตกทอดต่อกันมาของครอบครัว แต่ต้องปล่อยให้สูญหายไปตามกระแสสังคม

“ถ้าจะให้ลูกสืบทอดต่อก็ไม่ให้ทำเหมือนกัน ให้ลูกทำอาชีพอื่นดีกว่า เพราะเรารู้ว่าอาชีพนี้ใช้ร่างกายเยอะ เสี่ยงชีวิตด้วย รายได้ก็ไม่ได้ตายตัว มีได้บ้าง มีขาดทุน ส่วนมากเจ้าของทำเอง ถ้าให้คนอื่นทำเหมือนยืมจมูกคนอื่นหายใจ เขาไม่ทำให้เราแล้วถังโชว์เราก็เหมือนเศษเหล็กเศษไม้

อาชีพรถไต่ถังที่ วรวุฒิ กระดูกเหล็ก เริ่มต้นขึ้นจากความกลัว ปรับตัวจนกลายเป็นความสนุก แต่วันนี้ เขากลับรู้สึกกลัวและกังวลอีกครั้ง จะขับไหวไปอีกนานแค่ไหน จะอนุรักษ์อาชีพนี้ให้อยู่คู่คนไทยได้อีกนานเท่าใด แต่ทั้งนี้เขาก็ยืนยันว่าจะยึดอาชีพนี้ต่อไปจนกว่าจะขับไม่ไหวจริงๆ เพราะหากล้มคณะ ยังมีนับ 10 ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่

reporter.thairath@gmail.com  หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ