เกิดเป็นมนุษย์มีทั้งสุขและทุกข์ บางจังหวะการก้าวเดินของชีวิตอาจจะต้องพบเจอปัญหาระหว่างทาง แต่มนุษย์บางคนอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะฝ่าฟันไปได้ จนสุดท้ายตัดสินใจจบปัญหาด้วย “ชีวิต” ก็มี

และในช่วงที่ผ่านมานั้น บนหน้าหนังสือพิมพ์มีข่าวคนคิดสั้นฆ่าตัวตายมากมาย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์​ พาผู้อ่านไปไขแก่นปัญหากับจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากกรมสุขภาพจิต รวมทั้งไปเปิดประสบการณ์ช่วยชีวิตคนคิดสั้นจากอาสากู้ภัยชื่อดัง เรื่องราวจะน่าสนใจแค่ไหน โปรดติดตาม...

กู้ภัย รับแจ้ง คนฆ่าตัวตายวันละ 3-4 ราย ผูกคอ อันดับ 1 รองลงมากระโดดจากที่สูง

นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ เจ้าของรหัส “นคร 45” หัวหน้ารถกู้ภัยและรองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า การกระโดดจากที่สูงเพื่อฆ่าตัวตายนั้น ในช่วง 2-3 ปีมานี้มีคนคิดสั้นฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น

สำหรับลักษณะการฆ่าตัวตาย อันดับ 1 คือ ผูกคอ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งทุกวัน วันละ 2-3 ราย เฉพาะเขตกรุงเทพฯ ถ้ารวมทั่วประเทศ ประมาณ 10 กว่ารายต่อวัน

...

อันดับ 2 คือ กระโดดจากที่สูง จากอาคาร เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา รวมทั้งสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ๆ เช่น สะพานพระราม 8 สะพานพระราม 7 สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพุทธ มีหมดทุกสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ๆ โดยช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งเฉพาะการกระโดดสะพาน สถิติที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งจะเป็นช่วงกลางวันมากกว่ากลางคืน

ส่วนอันดับรองลงมาเป็นการฆ่าตัวตายด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ยิงตัวตาย และนอนอยู่ในรถพร้อมกับจุดเตารมควันตัวเอง เป็นต้น

สำหรับสาเหตุส่วนใหญ่ของคนที่ฆ่าตัวตายมาจากเรื่องเศรษฐกิจ ค้าขายไม่ดี ไม่มีงานทำ เมื่อไม่มีเงินก็เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา

“ตอนนี้สถิติมันมากเกินไปแล้วกับการฆ่าตัวตายหลายๆ รายต่อวัน มันมากกว่าปีก่อนๆ เยอะจนน่าตกใจ ในอดีตอาจจะฆ่าตัวตายสัปดาห์ละ 2 ราย แต่ปัจจุบันวันละ 3-4 ราย เฉพาะกรุงเทพฯ ผมว่ามันมากเกินไปแล้ว” เจ้าของรหัสนคร 45 กล่าว

ภาพติดตา! กู้ภัย เล่าวินาที ชายดิ่งเสาไฟสูง 50 เมตร ปลิดชีพตัวเอง

เจ้าของรหัสนคร 45 ยังเล่าเหตุการณ์ระทึกหลังได้รับแจ้งเหตุจะมีคนฆ่าตัวตายด้วยว่า เคยเจอเคสหนึ่งที่จำได้ติดตาเลย เหตุเกิดขึ้นใกล้ๆ แยกรัชวิภา มีชายรายหนึ่งปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแรงสูง ห่างจากพื้นราว 50 เมตร ด้วยความสูงขนาดนี้ ทำให้การเจรจาต่อรองเป็นไปอย่างยากลำบากมาก เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงสังเกตการณ์ และเรียกทีมแพทย์พยาบาลมาเตรียมความพร้อม

"ตอนที่เขาขึ้นไปอยู่บนยอดเสาไฟแรงสูงแล้ว จู่ๆ ชายคนนี้ยืนขึ้นและพนมมือ วินาทีนั้นเรารู้ด้วยสัญชาตญาณเลยว่า เขากระโดดลงมาแน่ๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ทิ้งตัวลงมาต่อหน้าต่อตาหน้าเจ้าหน้าที่หลายสิบชีวิตที่รอให้ความช่วยเหลืออยู่ด้านล่าง เมื่อร่างชายผู้คิดสั้นตกลงถึงพื้น ทีมแพทย์รีบวิ่งเข้าไปปฐมพยาบาลทันที แต่ก็ไม่ทัน" นายอัญวุฒิ เล่าประสบการณ์เลวร้ายที่จำไม่ลืม

เหตุการณ์ระทึก พนมมือก่อนดิ่งตัว กู้ภัยคว้าตัวช่วยชีวิตเสี้ยววินาที

ขณะที่ผู้คิดสั้นอีกรายที่นายอัญวุฒิเคยช่วยไว้ได้ทันท่วงทีแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เกิดขึ้นบนอาคารแห่งหนึ่งแถวแยกคลองตัน มีชายคนหนึ่งขึ้นไปอยู่บนหลังคาของลานจอดรถ โดยอยู่บริเวณหัวมุมที่พร้อมจะกระโดดลงได้ทุกเมื่อ

...

“ก่อนหน้านั้นได้มีตำรวจสายตรวจเข้ามาเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผล ซึ่งบางครั้งหากเป็นคนที่มีอาการทางประสาท หลอนยาเสพติด จะเกรงกลัวตำรวจ โดยชายคนนั้นมีอาการเครียดและได้เสพยาเสพติดเข้าไป เราก็ขอเจ้าหน้าที่ปีนออกไปคุย โดยปลอมเป็นประชาชนขออาสาขึ้นไปช่วยเหลือ และค่อยๆ คลานเข้าไปหาชายคนนั้น และค่อยปลอบให้ใจเย็นๆ ชวนคุยว่า พวกเรามาช่วยนะ มีอะไรเล่าให้ฟังหน่อย และเขาก็ยอมเล่าเรื่องราวปัญหาของเขาให้ฟัง

ต่อมา เขาก็ได้ขอสูบบุหรี่ จากนั้นเมื่อสูบบุหรี่หมดมวนก็ยืนขึ้น แล้วบอกกับเราว่า พี่ช่วยผมไม่ได้หรอก แล้วเขาก็ยกมือขึ้นพนมมือเรียกชื่อพ่อชื่อแม่แล้วก็พุ่งตัวกระโดด เราก็รีบพุ่งไปคว้าตัวเขาไปเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ซึ่งจังหวะนั้นพลาดไม่ได้ ถ้าตัดสินใจช้าเขาก็ตาย” นายอัญวุฒิ เล่าเหตุการณ์ระทึก

กู้ภัยน้อยคนมีความรู้เรื่องจิตวิทยา วอนหน่วยงานรัฐ ออกแอ็กชั่น แก้ปัญหาคนคิดสั้น

นายอัญวุฒิ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อยากให้ออกมาช่วยป้องกัน แก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ คิดว่าน่าจะมีการออกแอ็กชั่นมากกว่านี้ เพราะสถิติการฆ่าตัวตายมันสูงขึ้นมากกว่าเดิมแบบน่าตกใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้สถิติพุ่งขึ้นไปมากกว่านี้ และเนื่องจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นเพียงปลายทางที่เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ที่มีทักษะในการพูดคุยเชิงจิตวิทยาหลอกล่อโต้ตอบ ก็จะช่วยทำให้เปลี่ยนใจได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนน้อยมากที่จะมีความรู้ในเรื่องจิตวิทยา

...

“อยากฝากถึงคนที่มีปัญหาและอยากจะคิดสั้น อยากจะบอกว่าทุกปัญหามีทางออก แต่ถ้าเราแก้ปัญหาเองไม่ได้ก็ปรึกษาคนที่เรารัก ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน ลองเล่าให้เขาฟังหลายๆ คน เชื่อว่าเขาจะให้คำแนะนำได้ไม่มากก็น้อย เชื่อเถอะว่าทุกปัญหามีทางออก กลับกันคนที่เจอปัญหาหนักๆ แล้วสามารถแก้ปัญหาผ่านมันไปได้ คุณคือคนที่สุดยอดครับ” กู้ภัยมากประสบการณ์ฝากกำลังใจไปยังผู้ที่กำลังมีปัญหาชีวิต

สถิติชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าหญิง ปี 60 พบ 6.03 คนต่อแสนคน

ด้าน นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถิติตัวเลขระดับนานาชาติ พบว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มคิดฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายมีแนวโน้มฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่า เนื่องจากว่า ผู้หญิงมีการฆ่าตัวตายบ่อยกว่าชาย แต่วิธีการที่ใช้จะไม่หนักหน่วงเท่าชาย ส่งผลให้เวลาเกิดเหตุแล้ว อาจจะมีคนช่วยให้รอดมากกว่า ส่วนผู้ชายเลือกใช้วิธีการรุนแรง เช่น ใช้ปืนยิงศีรษะ กระโดดตึก เป็นต้น ดังนั้น “การฆ่าตัวตาย” จึงถือเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งทาง WHO ได้ยกให้เป็นปัญหาสำคัญมาก

...

ส่วนในประเทศไทยอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ปี 60 พบว่า ผู้ชาย 9.93 คนต่อประชากรแสนคน ขณะที่ ผู้หญิง 2.28 คนต่อประชากรแสนคน รวมค่าเฉลี่ยทั้งชายและหญิง 6.03 คนต่อประชากรแสนคน ลดลงจากปี 59 ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ 6.35 คนต่อประชากรแสนคน

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวลองคิดคำนวนดูจากจำนวนประชากรในประเทศไทย พบตัวเลขที่น่าตกใจว่า...มีคนฆ่าตัวตายสำเร็จเกือบ 4,000 คน ซึ่งเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ได้รับแจ้งว่า มีคนค่าตัวตาย วันละ 3-4 ราย

เจาะแก่นปัญหาฆ่าตัวตาย สภาพอากาศอึมครึมมีส่วนให้เกิดความเศร้า

นพ.อภิชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุที่คนส่วนใหญ่คิดฆ่าตัวตายนั้น ประกอบด้วย

1. ใช้สารเสพติด หรือ แอลกอฮอล์

ช่วงที่มึนเมาแล้วอาจจะมีการตัดสินใจกระทำบางอย่าง ทั้งที่ภาวะปกติไม่คิดจะทำ เดิมอาจจะมีความเครียด หรือความเศร้าอยู่บ้าง แต่เมื่อใช้สารเสพติด หรือแอลกอฮอล์แล้ว ทำให้เกิดพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่อาจทำนายได้ โดยเฉพาะคนที่ป่วยอยู่แล้ว เช่น ป่วยโรคซึมเศร้า หากไปใช้สารเสพติดร่วมด้วย ยิ่งอาจทำให้เกิดความมึนเมา และอาจทำให้เกิดการฆ่าตัวตายมากกว่า

2. ภาวะอารมณ์ชั่ววูบ

บางคนอาจจะเจออะไรที่ไม่สามารถปรับตัวได้ เช่น ปัญหาครอบครัว การสูญเสีย หรือปัญหาเรื่องความรัก เช่น การมีชู้ ทำให้คนเหล่านั้นคิดอะไรไม่ออก อาจทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบ เหตุการณ์นี้หากเขามีเพื่อน ครอบครัว ช่วยกันหาทางออก อาจจะป้องกันการฆ่าตัวตายได้

“เรื่องแบบนี้พร้อมเกิดกับใครก็ได้ หรือบางคนที่เคยประกาศว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย หรือมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่นี่คืออารมณ์ชั่ววูบ และในความเป็นจริงนั้น คนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ เราก็ไม่ทราบว่าป่วยหรือไม่ เพราะเราไม่สามารถซักประวัติได้ แต่เราพบว่าคนที่มีอารมณ์ปกติ ตื่นเช้ามายังอารมณ์ดี ตกเย็นไปฆ่าตัวตายก็มี” โฆษกกรมสุขภาพจิต อธิบาย

นอกจากนี้ สภาพอากาศ ก็มีส่วนในการฆ่าตัวตายด้วยเช่นกัน โดยในต่างประเทศนั้น เมื่อมีสภาพอากาศอึมครึม หรืออากาศหนาว ซึ่งอากาศแบบนี้ทำให้มีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเศร้าได้มากขึ้น ซึ่งในต่างประเทศ มีคำว่า Seasonal affective disorder (SAD) โรคซึมเศร้าที่เกิดจากผลกระทบจากฤดูกาล ซึ่งจะเป็นมากโดยเฉพาะในฤดูหนาว เพราะอากาศหนาวจึงทำให้คนเศร้าได้มากกว่าปกติ แต่สำหรับประเทศไทยจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไร เพราะเป็นเมืองร้อน แต่ถ้ามีอารมณ์เศร้า หากมาเจออากาศหนาว อึมครึมอีก ก็จะทำให้ยิ่งเศร้า วิธีแก้ก็คือต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง อย่าอยู่คนเดียว

โซเชียลแห่แชร์ข่าวคนฆ่าตัวตาย ส่งผลเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

ช่วงนี้ทำไมถึงพบว่ามีการฆ่าตัวตายถี่มาก นพ.อภิชาติ กล่าวว่า จริงๆ การฆ่าตัวตายมีตลอดอยู่แล้ว และเป็นข่าวตลอด แต่ปัจจุบันมีโลกโซเชียลมีเดีย ทำให้เรารับรู้ข่าวสารมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา อาจจะเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ หากคนๆ นั้นมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายเนื่องจากปัญหาต่างๆ แล้ว จากนั้นเขาเห็นวิธีการฆ่าตัวตายแบบนี้ ก็อาจจะลอกเลียนวิธีการ บางคนเสพข่าวฆ่าตัวตายมากๆ ตอนแรกอาจจะยังไม่มีเรื่องอะไร แต่พอเริ่มมีปัญหาก็อาจจะมีแนวคิดสั้นได้

ดังนั้น การออกข่าวในสื่อหรือการให้ข้อมูล เราต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะวิธีการที่จะใช้ หากมีการนำเสนอเยอะๆ ก็อาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้

จับสัญญาณเตือน ก่อนคนใกล้ชิดจบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย

นพ.อภิชาติ อธิบายถึงวิธีการสังเกตผู้ที่กำลังคิดฆ่าตัวตายว่า

1. หากมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น พูดน้อยลง เก็บตัว ดูเศร้า เราอาจจะเข้าไปรับฟังพูดคุย เพราะบางคนหากได้ระบายก็จะรู้สึกดีขึ้น
2. หากเขามีคำพูดบางอย่าง เช่น คำพูดคล้ายการสั่งเสีย หรือไม่อยากอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้หากเขาพูดขึ้นมา อย่ามองว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ ให้มองเสมอว่านี่คือการร้องขอความช่วยเหลือ
3. หากเห็นว่ามีการเขียนจดหมาย หรือเตรียมอุปกรณ์ฆ่าตัวตาย ตรงนี้ถือว่าเป็นสัญญาณฉุกเฉินแล้ว ควรจะพาไปพบแพทย์ดีที่สุด

แนวทางรักษา จิตบำบัด-ให้ยา เตือน อย่าซ้ำเติมผู้คิดสั้น

สำหรับในทางการรักษา จะขึ้นอยู่กับแต่ละเคส เพราะบางคนไม่ได้ป่วยจากการเป็นโรค อาจจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัว ก็ต้องให้การช่วยเหลือทางหลักจิตวิทยา คือ ทำอย่างไรให้รู้สึกว่าปลอดภัย บางคนมีความเครียด เศร้า กังวลมากๆ แพทย์ก็อาจจะให้ยาคลายเครียด คลายกังวล เพื่อให้คนไข้ควบคุมตัวเองได้มากขึ้น ลดอาการอยากตาย เป็นการรักษาจิตบำบัด ยิ่งคนไข้ทางจิตเวช โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า หากไม่รักษาหรือกินยาไม่ครบก็อาจทำให้เกิดการฆ่าตัวตายได้

“หากเรารู้ว่าเขามีความเครียด ให้บอกคนรอบข้าง หรือคนรอบข้างมีความเครียด เราก็เข้าไปรับฟัง อย่าไปด่าว่าหรือซ้ำเติม สามารถบอกได้ว่าเราเป็นห่วงหรือรักเขา ห้ามไปซ้ำเติมเขา ถ้าเราไม่รู้จะช่วยยังไงก็ให้โทรไปที่สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูล 24 ชั่วโมง หรือ อาจจะพาเขาไปหาคุณหมอเลย เราควรจะไปเป็นเพื่อนเขาดีที่สุด” โฆษกกรมสุขภาพจิต ให้คำแนะนำ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิต มีการรณรงค์เชิงรุกอยู่แล้ว เช่น การจัดงานวันฆ่าตัวตายโลก โดยมีการให้ความรู้ในระดับชุมชน มีทีม อสม. ให้ความรู้ในระดับชุมชน นอกจากนี้ ยังมีสายด่วนกรมสุขภาพจิต และศูนย์ช่วยเหลืออยู่ทั่วประเทศอีกด้วย.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน