กำลังเดือดปุดๆ ในโลกทวิตเตอร์ ที่มีการ hashtag #ทะเลรีวิว และ #Pimjai_Review หลังมีการ พรีออเดอร์ซื้อขายของกันทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะสาวกเพลงเกาหลี ซึ่งต่อมา มีการสืบทราบกันภายหลังว่า ผู้ที่ขายของสินค้านั้น เป็นเพียงสาวน้อยวัยใส เฟรชชี่ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่

เมื่อทราบสถานะ เหล่าลูกค้าที่คาดว่ามีประมาณกว่า 300 ราย ก็ยิ่งเดือดเพราะถูกคน “อายุน้อย” ที่ส่อจะ “โกงเงินเป็นล้าน” ซึ่งแต่ละคนก็โดนคนละหลักพันถึงหมื่นบาท บางคนโดนหลายหมื่นรวมๆ แล้วเป็นเงินกว่าล้านบาท

และนี่เองเป็นที่มาของ มหกรรมการทวงหนี้ผ่าน “ทวิตเตอร์” และกระหน่ำ hashtag พร้อมโพสต์รูปหญิงสาวฐานะน้องใหม่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง จนกระทั่งอธิการบดีต้องออกมาชี้แจงพร้อมจะสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น..

เหยื่อเผย สั่งซื้อของสุดโปรดแล้วไม่ได้ สูญเงินอื้อ คาดยอดเสียหายรวมอาจสูงถึงหลักล้าน

น.ส.มิ้น อายุ 22 ปี หนึ่งในลูกค้าที่สั่งซื้อแก้วชุด “มาร์เวล” โดยหุ้นกับเพื่อนซื้อของในราคากว่า 17,000 บาท เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงใสแต่ปนด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองว่า เราสั่งซื้อตั้งแต่เดือนเมษายน และโอนเงินให้ครบเมื่อวันที่ 28 เม.ย. และจะส่งของให้วันที่ 10 พ.ค. ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าเคยเกิดเคสลักษณะนี้ มาทราบเรื่องประมาณเดือนมิถุนายน

ก่อนสั่งซื้อก็ได้ไปติดตามในทวิตเตอร์ เห็นยอดติดตามมาก มีการรีวิว ว่า “ได้ของครบ ได้เร็ว” ซึ่งที่ผ่านมาเป็นการซื้อของพรีออเดอร์ครั้งแรก แต่สุดท้ายก็มาโดนแบบนี้เลย สินค้าที่น้องเขาขาย เขาจะขายพวกอัลบั้มนักร้องเกาหลี ซึ่งมีวงดังๆ หลายวง นอกจากนี้ยังรับหิ้วเครื่องสำอาง ส่วนเราชอบ อเวนเจอร์ส ซึ่งกำลังเข้าฉาย ซึ่งทราบว่าทางเกาหลีได้มีการผลิตเซตแก้วก็เลยอยากได้ ก็เลยสั่งพรีออเดอร์ไป

...

เช่นเดียวกับ น.ส.เกด อายุ 24 ปี ที่สังเกตจาก “ยอดติดตาม” ในทวิตเตอร์กว่า 2,000 คน ทำให้รู้สึกมั่นใจในการซื้อขาย แต่หลังจาก 1 เดือนผ่านไป ของที่สั่งไป เกือบ 4,000 บาท ก็ยังไม่ได้

“มีหลายคนตั้งข้อสังเกต ว่าร้าน Pimjai @Korean_PJshop กับอีกร้านหนึ่งที่มีแอคเคาต์ในทวิตเตอร์ ใช้เลขบัญชี แม่ของน้องคนนั้น เหมือนกัน จึงได้มีการสอบถามไป แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่าเป็นคนละร้านกัน กระทั่งผ่านไปอีก 2 เดือนก็ยังไม่ได้ของเช่นเดิม”

“เกด” เล่าว่า ได้ยินว่ามีผู้เสียหายมาก บางคนลงไป 50,000 บาท สั่งซื้อเพื่อนำมาจำหน่าย บางคนสั่งซื้อ 10-20 อัลบั้ม (เพลงเกาหลี) ส่วนตัวเชื่อว่ามีมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลักล้านบาท

สอดคล้องกับ มิ้น นักศึกษาสาว วัย 22 ปี เผยว่า ตอนนี้ทราบว่ามีผู้เสียหายประมาณ 300 กว่าคนแล้ว ส่วนยอดความเสียหายยังไม่แน่ชัดว่าเท่าไร ช่วงแรกได้ยินว่า 600,000 บาท แต่ถึงปัจจุบันไม่ทราบว่าเท่าไรแล้ว เพราะบางคนก็เสียหายมากที่สุดที่ได้ยินมา คือมากที่สุดก็ 300,000 บาท เราพยายามเช็กกับเขาแต่ยังไม่ตอบ เลยไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

รวมตัวกันแจ้งความ แต่ติดปัญหา ผู้เสียหายบางคนอยู่ต่างจังหวัด 

ที่ผ่านมา มิ้น ได้พยายามเดินหน้าดำเนินคดี มีการรวมตัวกันไปแจ้งความที่ กองปราบปราม เรานัดกับเพื่อน รวม 5 คน ไป ปรากฏว่า ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ยอดเสียหายยังไม่ถึง 5 ล้านบาท ยังรับไม่ได้ เขาแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สน.ท้องที่ เราจึงแยกกันไปแจ้ง แต่บางท้องที่ตำรวจก็ไม่รับแจ้ง

“หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นางเป็นแค่เด็กกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย เพิ่งจะทราบในภายหลัง ที่รู้เพราะเคยมีคนไปติดตามของถึงที่บ้านเขา และเคยเจอกัน เจอแม่ของน้องคนนั้น และเมื่อตรวจสอบภาพที่เคยเห็นในเฟซบุ๊ก และคณะที่นางเรียนก็ลงรูปนางพอดี ก็เลยรู้ว่าใช่...”

นอกจากนี้ ก็เข้าไปดูในรายชื่อที่มีการยืนยันก็ทราบว่าใช่ เพราะที่ผ่านมา เขาเคยใช้ชื่อจริงในการโอนเงินบัญชี ตอนที่ใช้แอคเคาต์ ทะเลรีวิว แต่ตอนหลังเขาใช้บัญชีของแม่เขา

ขณะที่ เกด เสริมว่า บางคนไปตามหาน้องถึงบ้านที่ จ.น่าน ทั้งที่บอกว่า จะได้กลางเดือน พ.ค. แต่ตอนที่ไปเป็นช่วงปลายเดือน พ.ค. ในบ้านไม่มีของที่พวกเราสั่งเลย และได้เจอตัวน้อง โดยน้องบอกว่าของยังมาไม่ถึง ก็เลยถามว่าจะถึงตอนไหน น้องบอกว่าอาทิตย์หน้า พวกเราก็เลยถามต่อว่า ถ้าไม่มีจะทำยังไง และน้องก็ยอมไปลงบันทึกประจำวันว่าไม่ได้คิดจะโกง

...

“รู้สึกใจหาย เราชื่นชอบศิลปินเกาหลีมาเป็นสิบปี เคยสั่งพรีออเดอร์หลายครั้ง แต่ไม่เคยโดนโกง แต่ครั้งนี้คิดว่ามาถูกเด็กโกงด้วยวิธีง่ายๆ กลายเป็นว่า...ไม่รับผิดชอบ เขาบอกว่าพยายามหาเงินกู้มาช่วย แต่ก็ยังไม่ได้สักที น้องบอกว่าน้องไม่หนี แต่จากน่าน น้องมาเรียนที่เชียงใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ ใจเราก็ไม่อยากพูดว่าน้องโกง แต่น้องเอาเงินเราไปแบบนี้ไม่ได้” เกด กล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ และนิ่งชั่วขณะ

หมดความสงสาร ให้โอกาสแล้วเห็นว่าเป็นเด็ก...แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม  

...ถามว่า ถ้าได้เจอจะสงสารน้องหรือเห็นใจหรือไม่ ตอบตรงๆ ว่า “เราหมดความสงสารแล้วค่ะ เพราะว่า พวกเราใจดีกับน้องมากๆ แล้ว ที่ปล่อยเรื่องปิดเงียบมา 4-5 เดือน ใจดีขนาดที่ว่าตามไปที่บ้านยังไม่ได้ของก็ไม่ทำอะไร แจ้งความอายัดบัญชี แต่น้องมาขอให้ถอนอายัดเพื่อจะได้เอาเงินคืนก็ถอนให้ แต่ก็ไม่ได้คืน”

เขาเคยพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเขาหรือไม่ น้องมิ้น เล่าว่า แม่เขาเคยเล่าให้ฟังว่า โดยอ้างว่าทางเกาหลีไม่ยอมส่งของมาให้ แต่เรามาจับโป๊ะได้ว่า “นางไม่ยอมจ่ายค่าส่งให้เขา เขาก็เลยไม่ส่งของมาให้” แล้วมาบอกว่าไม่มีเจตนาโกง ที่ผ่านมา ก็พยายามบอกว่าจะมีของส่งมาทางเรือ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่นี่ 2-3 เดือนแล้วไม่มีอะไรคืบ

...

ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาบอกว่าไม่มีเงินก็คงไม่มีจริงๆ แต่เราก็คงต้องหาเงินไปคืนให้กับคนที่มาหารกับเราอีกที แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย ทีแรกเราต้องการให้คนที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวตามตัวให้เท่านั้นไม่ได้คิดจะแฉอะไร

“พวกหนูให้โอกาสเขามามากแล้วนะ ทราบว่าเป็นเด็ก อายุยังน้อย แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวกู้เงิน...แต่ก็ไม่ได้ ถามว่าโกรธมั้ยก็โกรธ แล้วก็โกรธผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะคนที่เป็นผู้ใหญ่น่าจะมีการอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี ไม่ใช่มาส่งเสริมหรือช่วยในทางที่ผิด เข้าใจว่าทุกคนรักครอบครัวตัวเอง อยากให้มีอนาคตที่ดี แต่...ถ้าความแตกแล้วจะเป็นยังไง เพราะบางคนเดือดร้อนมาก เสียเงินไปหลายหมื่นบาท เพราะเป็นการลงทุนค้าขาย ขณะที่ตัวหนูเองก็เครียดมากในช่วงแรก ถึงขั้นไม่สบาย ประจำเดือนเลื่อน เงินที่เรามีก็เอามาจากพ่อแม่ นี่พ่อแม่ยังไม่รู้เลย”

ที่ผ่านมา อ้างว่าตั้งแต่ 1 กรกฎาคมจะโอนเงินคืนตามคิว แต่ถึงบัดนี้ทราบว่ายังไม่มีใครได้ โดยมีคนเข้าไปกรอกชื่อไว้ เป็นร้อยๆ คน เราได้สอบถามคนที่กรอกชื่อไว้คิวที่ 6 ก็ทราบว่ายังไม่ได้ ส่วนหนูคิวที่ 160 กว่า มีหวังจะได้หรือไม่...?

ส่องกฎหมาย แฉ บนโลกออนไลน์ ทำได้แค่ไหน 

กับเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีคำถามมากมายเกิดขึ้น อาทิ
1. การจะเอาผิดกับผู้กระทำในลักษณะการ “ฉ้อโกง” จะกระทำได้อย่างไร
2. ผู้ที่กระทำความผิด ก่อเหตุในตอนที่เป็น “เยาวชน” ข้อกฎหมายจะมีการลงโทษอย่างไร
3. การโพสต์ในลักษณะทวงหนี้ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำได้หรือไม่ ทำได้มากน้อยขนาดไหน ทำอย่างไรถึงไม่ผิดกฎหมาย

หลายคำถามที่ค้างคาใจ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง “ทนายเจมส์” หรือ นายนิติธร แก้วโต ทนายชื่อดัง ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ต้องมองออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายคนขายของโพสต์ขายของแล้วไม่ส่งของ หากมีการกระทำผิด รับเงินมาแล้วไม่ส่งของแค่ 1-2 ครั้ง ถือว่าเป็น “การผิดสัญญาทางแพ่ง” ยังไม่ถึงขั้น “ฉ้อโกง” ลูกค้าก็ต้องไปฟ้องเอาว่าเป็นการผิดสัญญาซื้อขาย

...

แต่...ถ้าเมื่อไหร่มีผู้เสียหายรวมตัวกันมากๆ ทำให้เห็นเจตนาแฝงของคนขาย ว่าแท้ที่จริงแล้ว การโพสต์ขายของนั้นไม่ได้เจตนาซื้อขาย ไม่ได้มีสินค้าอยู่จริง การรับเงินจากลูกค้าแล้วไม่เคยสั่งของให้ลูกค้า หรือสต๊อกสินค้าเพื่อขาย

นี่คือ...การฉ้อโกงประชาชน ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าท้ังหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

ทั้งนี้ หากความผิดไม่เข้าตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมฯ ก็อาจจะเข้าตามกฎหมายข้อหาหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 (ได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท)

ด้านผู้บริโภค หรือผู้เสียหาย ต้องดูเจตนาในการโพสต์...

ทนายเจมส์ ระบุว่า การโพสต์เพื่อเตือนภัย ปกป้องสิทธิตนเอง และสิทธิผู้อื่น สามารถกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 เพราะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความสุจริต เป็นวิสัยของผู้บริโภคพึงกระทำได้ แต่หากจะไปโพสต์ข้อมูลเชิงลึก เช่น ที่อยู่ อายุ การศึกษา ชื่อพ่อแม่ แบบนี้อาจจะเลยเถิดแล้ว ซึ่งต้องพิจารณาให้ดี แม้อาจไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท แต่จะเข้าข่ายข่มขู่และคุกคาม ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ผู้อื่นเสียหายในด้านชื่อเสียง ก็อาจจะต้องว่ากันไปอีกกรณีหนึ่ง

“แต่จากข้อเท็จจริงที่เห็นจากข่าว น้องผู้หญิงอาจจะแจ้งความผู้ที่โพสต์ข้อความเชิงลึกของตัวเองได้ เช่น ที่อยู่ สถานศึกษา หรือเปิดเผยใบหน้า ที่สำคัญคือ หากน้องคนนี้อายุไม่ถึง 18 ปี จะมี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย โดยเฉพาะการนำเสนอข่าว และการเปิดเผยข้อมูลของเด็ก รวมถึงหน้าตาของเด็กด้วย แต่ถ้าเกินแล้วก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมายอาญา เช่น การข่มขู่ แต่กฎหมายเกี่ยวกับเด็กจะแรงกว่าเพราะกฎหมายเจตนาคุ้มครอง”

สิ่งที่แนะนำทางผู้เสียหายจะทำได้ 1. แจ้งความ 2. โพสต์เตือนภัย แต่ไม่ใช่ข้อมูลเชิงลึก 

เมื่อถามว่า แค่ไหน ชื่อร้าน ชื่อคนขายได้ไหม ทนายเจมส์ ตอบทันทีว่า “ได้ เพราะเขาเป็นคนรับเงิน แต่อย่างที่อยู่...สถานศึกษา อันนี้ไม่ได้แล้ว เพราะไม่เกี่ยวกับการค้า กลับกัน หากผู้ขายอ้างเรื่องสถานศึกษาเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการซื้อขายสินค้า แบบนี้ถือว่าเปิดเผยได้ เพราะต้นทางเป็นผู้เปิดเผย”

ในการซื้อขายของออนไลน์นั้น 1. คุณต้องสั่งซื้อของจากแม่ค้าที่ประกอบอาชีพมานานแล้ว ต้องตรวจสอบดีๆ 2. ก่อนที่จะซื้ออะไร ควรเอาชื่อแม่ค้า หรือ ร้าน เสิร์ชในกูเกิล และ 3. หากคุณถูกหลอกหรือโกง ให้ใจเย็นๆ ให้ใช้กระบวนการยุติธรรม ทางศาล หรือการแจ้งความ ไม่ใช่การโพสต์ประจาน เดี๋ยวนี้ “โจรขั้นเทพ” มันเยอะ เพราะหากเราเอาข้อมูลไปโพสต์ โจรพวกนี้ก็แจ้งความเลย ตอนนี้ผู้เดือดร้อนคือคนโพสต์ เพราะหากมีการแจ้งความแล้ว ตำรวจก็จะออกหมายเรียก

“การโพสต์เตือนภัยต้องฉลาดที่จะโพสต์ บางคนมีทีมทนาย หรือตำรวจในทีมเขาเลย หากเราไปว่าหรือประจานเขา เขาฟ้อง”

นายนิติธร กล่าวว่า หากเด็กอายุไม่เกิน 18 ปีทำผิด จะต้องขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมา แนวทางการตัดสินคดีนั้นมุ่งเพื่อให้อนาคตของเด็กเป็นหลัก หากเป็นคดีไม่หนัก ศาลจะเรียกมาตักเตือน กำหนดโทษ และรอลงอาญา แต่ถ้าเด็กอายุเกิน 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี แต่ยังได้ประโยชน์ได้รับหย่อนโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 หากเขาได้ทำการชำระเงินคืนให้กับลูกค้า เขาก็จะได้รับบรรเทาโทษ

เมื่อถามว่า หากเขาก่อเหตุตอนที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ จะดำเนินการอย่างไร ทนายเจมส์ ตอบว่า “จับได้เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ต้องดูอายุในการกระทำความผิดในวันเกิดเหตุ ซึ่งนี่คือวิธีพิจารณาตามศาลเยาวชนและครอบครัว"

ท้ายที่สุด คดีนี้จะจบลงอย่างไร คงต้องให้ฝ่ายกฎหมายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการ..

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน