Ladprao Don’t Cry ประโยคปลุกปลอบขวัญให้พลังใจแก่กันและกัน ของชาวกรุงเทพเมืองฟ้าอมร หลังเจอปรากฏการณ์รถติดแบบวินาศสันตะโร จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร มีสถานีรวม 23 สถานี กรอบวงเงินลงทุน 45,797 ล้านบาท ที่เริ่มต้นก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะวันศุกร์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นั้น ชาวกรุงผู้ใช้รถใช้ถนนหลายคน แทบจะต้องควานหาอะไรที่คนอายุระดับ 30 อัพขึ้นไป เรียกมันว่า คอมฟอร์ท 100 มาใช้งาน หลังเจอพลังทำลายล้างจากปัญหาการจราจร ดาเมจระดับอัลติ กว่าจะซมซานถึงบ้านพักผ่อนกัน ก็ล่วงเลยไปถึงระดับ 22.30-23.00 น. กันทั่วหน้า

เหตุไฉน ถนนลาดพร้าว ซึ่งเคยผ่านการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน ซึ่งยากและควรจะต้องสูญเสียพื้นผิวการจราจรมากกว่า แต่ ณ ช่วงเวลานั้น กลับมีปัญหาเรื่องการจราจรน้อยกว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าบนดิน ณ​ ถนนลาดพร้าว เวลานี้เสียอีก...?

อะไรคือปัญหา...?
เพราะรถที่มากขึ้น...?
เพราะมีการก่อสร้างจึงเสียพื้นผิวการจราจร...?
หรือ เพราะ...คนใหญ่ๆโต ไม่สนใจเท่าที่ควรกันแน่...?

...

ด้วยเหตุนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงไปขอความรู้จาก คีย์แมนคนสำคัญ ในการควบคุมการก่อสร้างรถไฟใต้ดินให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จนชาวลาดพร้าวและชาวกรุงไม่ต้องระดมทุกข์จากปัญหารถติดในแบบ Ladprao Don’t Cry จนกระทั่งเรียกเสียงปรบมือชื่นชมกึกก้องรอบทิศจากชาวกรุงมาแล้ว

“รฟม.สมัยนี้ กับ สมัยที่ผมอยู่ มันคนละเรื่องเลย ความเอาใจใส่ ความทุ่มเทกับการทำงาน และการคำนึงถึงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง ผมรู้สึกว่า มันน้อยมาก น้อยมากจริงๆ จนแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ขอพูดแบบนี้เลยดีกว่า”  นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. แขกรับเชิญของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ในสกู๊ปชิ้นนี้ เครื่องร้อนทันที ที่ทีมข่าวฯ ขอความเห็นเรื่อง Ladprao Don’t Cry

“ตอนนี้ ถนนลาดพร้าว คือจุดที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วนที่สุด เพราะมันติดขัดมาก จนส่งผลกระทบไปถึงถนนสายอื่นๆ จนกลายเป็นเหมือนงูกินหาง ไล่กันไปหมดแล้ว

ถนนลาดพร้าว ผมไปเห็นมาแล้ว บอกตามตรงว่า ผมเศร้า ไม่ใช่เฉพาะลาดพร้าวอย่างเดียวนะ ที่ถนนรัชดาภิเษก ช่วงหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ นั่นก็เศร้า เพราะเอากันจริงๆ มันสามารถจัดแนวแท่งแบริเออร์ตามไซด์งานต่างๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อเปิดพื้นที่ให้รถยนต์สามารถเคลื่อนตัวได้สะดวกขึ้น” อดีตผู้ว่าฯ รฟม. กล่าวแบบปลงๆ กับทีมข่าวฯ เมื่อถูกถามเรื่องปัญหาการจราจรจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า

โดยเท่าที่ได้ลองผ่านไปสำรวจมา พบว่า การก่อสร้างรถไฟใต้ดินในอดีต กับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ณ วันนี้ มีความแตกต่างกัน และอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบ เร่งเข้าไปแก้ไขโดยด่วน

"เรื่องนี้ หากผมไม่เคยทำ ก็คงไม่กล้าพูดมาก แต่บังเอิญ ผมเคยทำมาแล้ว แล้วก็ทำจริงๆ จึงอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบลองไปพิจารณากันดู" อดีตผู้ว่าฯ รฟม. กล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย

สมัยดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ รฟม.
สมัยดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ รฟม.

...

จี้ผู้ว่าฯ รฟม. จัดระเบียบไซด์งาน และประสานงานตำรวจจราจรด้วยตัวเอง

ตอนสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ผมในฐานะผู้ว่าฯ รฟม. ลงไปตรวจงานและดูแลเรื่องปัญหาการจราจรด้วยตัวเองที่หน้างาน และประสานงานตำรวจจราจรทุกวัน แต่ตัดภาพมา ณ ปัจจุบัน ตามไซด์งานก่อสร้าง ผู้ใช้รถใช้ถนนได้เห็นทั้งคนของ รฟม. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปประจำจุดตามสี่แยก เพื่อคอยดูแลปัญหาการจราจรกันบ้างหรือไม่...? นายประภัสร์ ลองตั้งคำถามให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ร่วมด้วยช่วยกันคิด

(แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ใครเห็น หรือ ไม่เห็น อย่างไรในประเด็นนี้ ช่วยกันแชร์ทั้งภาพและคลิปจากประสบการณ์รถติดบนถนนลาดพร้าว มาลงในคอมเมนต์ใต้สกู๊ปชิ้นนี้กันด้วย)

ประภัสร์ จงสงวน
ประภัสร์ จงสงวน

หากถามว่า คนระดับผู้ว่าฯ รฟม. ทำไมต้องลงไปดูด้วยตัวเองด้วย คำตอบง่ายๆ เลย การก่อสร้างทุกที่ มันมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ผู้รับผิดชอบจะประสานงานอย่างไรให้มันเกิดปัญหาน้อยที่สุด ใช่หรือไม่...?

...

ยุคนี้ ค่านิยมประเภท ฉันเป็นผู้ว่าการ รฟม. แล้วฉันไม่ต้องทำอะไร รอรับรายงานก็พอ มันไม่ใช่ มันหมดสมัยไปแล้ว ยิ่งเป็นถึงระดับ ผู้ว่าการ รฟม. เงินเดือนมากกว่าคนอื่นเขา ตำแหน่งก็สูงกว่าคนอื่นเขา มันจึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องลงไปดูให้มากกว่าคนอื่น และให้สมกับเงินเดือนที่รับอยู่ นี่คือหลักการทำงานของผม

“ส่วนคนอื่นจะเป็นอย่างไร ผมคงไม่อาจทราบได้”

ลองคิดกันดู หากเริ่มต้นมันก็ไม่อยู่ในร่องในรอยที่ดี และแถมปล่อยให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ตามใจตามสะดวกผู้รับเหมาขึ้นมาเมื่อไหร่ ปัญหาทุกอย่างมันจะยิ่งลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น

อีกอย่างคือ เราต้องไม่ลืมนะว่า ผู้รับเหมาเหล่านี้ เขาไม่สนใจหรอกว่า รถจะติดมากมายแค่ไหน เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่มีผลต่อต้นทุนของพวกเขาอยู่แล้ว

ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่ รฟม.ควรจะเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ ไม่ใช่เอาแต่อ้างว่า จ้างบริษัทที่ปรึกษา และบริษัทผู้รับเหมาไปแล้วก็จบ...มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องลงไปดูจริงๆ

...

โดยเฉพาะผู้ทำหน้าที่ ผู้ว่า รฟม. ต้องลงไปดูด้วยตัวเอง เพราะหากให้คนอื่นไป มันก็ไม่มีใครฟัง เพราะไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษใครได้

“ตอนผมเป็น ผู้ว่า รฟม. ผมเดินไปตรวจตามไซด์งานด้วยตัวเองทุกวัน เพราะการที่คนระดับผู้ว่า รฟม.ไปตรวจบรรดาผู้รับเหมาจะไม่กล้าทำงานแบบชุ่ยๆ เพราะอำนาจตามสัญญามันมีมาก ถึงขนาดสามารถสั่งเปลี่ยนผู้จัดการประจำสถานีต่างๆ เปลี่ยนใครต่อใครได้หมด คือหากไม่ดูแลให้ดี สามารถออกคำสั่งเปลี่ยนได้ทันที และสามารถสั่งให้ปรับปรุงอะไรก็ได้” อดีตผู้คร่ำหวอดใน รฟม. กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

ได้ตรวจดูกันบ้างไหม แนวแท่งแบริเออร์ ความชุ่ยของบรรดาผู้รับเหมา

การไปดูไซด์งาน ต้องเคร่งครัดกับผู้รับเหมาว่า สัญญาณไฟต่างๆ ต้องชัดเจน การกั้นพื้นที่ทำงาน ต้องกั้นในพื้นที่ให้อยู่ในขอบเขตที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะแนวแบริเออร์จะต้องไม่บิดเบี้ยว หรือเอียงไปเอียงมาตามพื้นผิวการจราจร จนไปกระทบต่อการเคลื่อนที่ของรถ

ประเด็นเรื่องรักษาความสะอาดและการจัดระเบียบไซด์งาน ก็ต้องเคร่งครัด เพราะหากไม่ดูแลให้ดีๆ จนกระทั่งทำให้มีเศษวัสดุตกลงไปที่ผิวถนนตลอดเวลา ก็จะทำให้รถเคลื่อนที่ได้ช้าลง

นอกจากนี้พื้นที่ที่ตกลงกันว่าจะเหลือกี่ช่องจราจร เป็นพื้นที่เท่าไหร่ ต้องเป็นไปตามนั้น นั่นเป็นเพราะต้องยอมรับว่า ผู้รับเหมาแย่ๆ ที่ขี้เกียจ เอาสะดวกเข้าว่า มันก็มี โดยเฉพาะเวลาเคลื่อนแท่งแบริเออร์ออก เพื่อรับอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปภายในไซด์งาน ซึ่งปกติต้องใช้รถยก หากเจอผู้รับเหมาชุ่ยๆ ก็มักจะทำอะไรไม่เรียบร้อย แท่งแบริเออร์ กีดขวางกินพื้นที่ช่องการจราจรที่มีอยู่น้อยอยู่แล้ว ให้น้อยลงไปอีก

หรืออย่างการนำแผ่นเหล็กมาปิดแทนผิวการจราจรในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่ง รฟม. ถือเป็นองค์กรแรกด้วยซ้ำไปที่นำวิธีดังกล่าวมาใช้เพื่อแก้ปัญหารถติด แต่ ณ ปัจจุบัน เท่าที่ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์พบเห็น เช่นที่ถนนนราธิวาส หลังจากขุดดินเสร็จแล้ว มีการนำแผ่นเหล็กมาวางแทนผิวการจราจรจริง แต่มันเป็นการนำแผ่นเหล็กมาวางแบบชุ่ยๆ สักแต่ว่าวางๆ ลงไป เพราะผู้รับเหมาคงคิดแค่ว่าพอตกกลางคืนเดี๋ยวก็ต้องมายกขึ้นอีก แต่ไม่ได้คิดไปถึงว่าในระหว่างวันนี้เจ้าแผ่นเหล็กเจ้าปัญหานี้ มันทำให้ถนนไม่เรียบ พอถนนไม่เรียบ รถก็ต้องชะลอตัว พอรถชะลอตัว รถมันก็ติด จนเป็นปัญหาเช่นในปัจจุบัน

“เท่าที่ผมมีข้อมูล การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง บริษัทที่ว่าจ้างให้เป็นที่ปรึกษา แทบไม่ได้ออกไปดูการก่อสร้างเลย เพราะไม่มีคนของ รฟม.ไปตรวจ ก็เลยมีการใช้เพียงผู้แทนวิศวกรตัวจริงออกไปดูตามไซด์งานก่อสร้าง ซึ่งพอคนหนึ่งเริ่มหย่อนยาน มันก็หย่อนยานตามๆ ไปกันหมด ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างที่เห็นกันนี่แหละ!” อดีตผู้ว่า รฟม. มีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อคุยกับทีมข่าวฯ ​ในประเด็นนี้

แนะดิวตำรวจจราจรช่วยจริงจัง หลังพบ ตาม 4 แยกไฟแดงปัจจุบันแทบหาไม่เจอ

นอกจากนี้ การประสานงานกับองค์กรอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร หากไม่ใช่ผู้ว่าฯ รฟม. ไปดิวเองโดยตรง การไปขอความร่วมมือจากใคร ก็มักไม่ค่อยมีใครให้ความร่วมมืออย่างที่มันควรจะเป็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร

“หากไม่เชื่อ ลองสังเกตดูก็ได้ว่า การจราจรในกรุงเทพฯ ทุกจุดทุกวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนประจำการอยู่หรือไม่ ส่วนใหญ่มักจะปล่อยไปตามยถากรรม รถติดยังไงก็ช่าง!"

ด้วยเหตุนี้ การทำผิดกฎระเบียบการจราจรในกรุงเทพมหานคร จึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปทุกวันๆ ซึ่งพอเป็นแบบนี้ การจราจรในภาพรวมของ กทม. จึงยิ่งติดขัดมากขึ้นไปทุกที การมีตำรวจประจำจุดตามสี่แยก อย่างน้อยมันก็ยังเป็นการป้องปรามให้คนที่คิดจะฝ่าฝืนกฎจราจร รู้จักยับยั้งชั่งใจได้บ้าง คุณว่าจริงไหมล่ะ...?” นายประภัสร์ มองหน้าทีมข่าวฯ พร้อมกับตั้งคำถามในประเด็นนี้

เอากันจริงๆ ปัญหาเรื่องนี้มันแก้ได้ไม่ยากเลย หากมีการประสานงานเพื่อดูกล้องวงจรปิดที่ศูนย์ควบคุมการจราจร เพื่อประเมินสถานการณ์รถติดที่ถนนลาดพร้าวกันอย่างจริงจัง พร้อมๆ กับส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยกันระบายรถ

ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องถึงขนาดให้รถวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ได้ เพียงแต่อย่าให้รถมันหยุดนิ่งเป็นเวลานานๆ เพราะตราบใดที่รถมันเคลื่อนไปได้เรื่อยๆ พี่น้องประชาชนจะไม่รู้สึกอึดอัดกับปัญหาการจราจร เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

สร้างรถไฟใต้ดิน มันสร้างยากและกินพื้นผิวการจราจรมากกว่าการสร้างยกระดับในยุคนี้ตอนนี้เสียอีก เพราะตกกลางคืน มันต้องมีการขุดดินและขนย้ายดินออกมา ซึ่งดินที่ขุดออกมามันมีปริมาณมหาศาล ถึง 3 ล้านกว่าคิวนั้น ไม่มีปรากฏว่ามีดินตกเรี่ยราดตามพื้นถนนเลยด้วยซ้ำไป ซึ่ง รฟม.ในอดีตเคยทำได้มาแล้ว

แต่ทุกวันนี้ งานง่ายกว่ากันเยอะเลย คำถามคือ แล้วทำไมมันจึงเกิดปัญหารถติดวินาศสันตะโรแบบนี้ได้ เอากันจริงๆ เรื่องแบบนี้มันจึงอยู่ที่ความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า หากส่วนหัวๆ ทำกันจริง หางๆ ก็คงไม่กล้าหย่อนยาน

“บอกตามตรงเลยว่า เห็นข่าวแล้วก็รู้สึกสงสารประชาชน เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น หากทุกหน่วยเอาใจใส่ นอกจากนี้ มันยังเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่คนระดับโตๆ ใน รฟม.ยามนี้ ในอดีตก็เคยเห็นผมทำงานแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาแล้ว ว่าทำอย่างไร สงสัยคงเป็นเพราะตอนนั้นพวกเขาอาจจะดูแลการก่อสร้างกันเพียงคนละ 1 หรือ 2 สถานี ก็เลยไม่ได้คิดอะไร มาถึงวันนี้พอให้มาทำภาพรวม ก็เลยคิดอะไรกันไม่ออกก็เป็นได้” อดีตผู้ว่าฯ รฟม. กล่าวทิ้งท้ายแบบแสบคันๆ ฝากกับทีมข่าวฯ ไปถึงผู้รับผิดชอบ ณ เวลานี้

ฟังข้อมูลแบบนี้แล้ว แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ คิดเห็นอย่างไร ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ อยากให้ทุกท่านร่วมกันแชร์ข่าวนี้ออกไป เพื่อให้ได้ความคิดเห็นที่หลากหลายและสร้างสรรค์ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง. 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน