“เพิ่งกลับ ไปที่อนุสาวรีย์มา มีความรู้สึกว่าท่านถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย สถานที่ก็ไม่ค่อยสวยงาม คือไปช่วยกันฟื้นฟูบูรณะนิดหนึ่ง ให้มีดอกไม้ ต้นไม้ งดงาม อย่าท้อแท้บางคนขอๆ แล้วไม่ได้ ไม่นับถือ ของอย่างนี้ต้องเป็นที่ตัวเราและกรรมของเรา ขอแล้วท่านไม่ให้ ก็เลิกนับถือ มันไม่ใช่ ต้องอดทน รักก็ต้องรัก และศรัทธาตลอดไป นี่ไก่รวมไปถึงองค์อื่นๆ ด้วยนะคะ ไม่ใช่เฉพาะองค์เจ้าแม่จามเทวี”
อดีตเซ็กซี่สตาร์ชื่อดังในยุคปี 2520 เจ้าของฉายาสะโพกดินระเบิด กับสัดส่วน 32-25-40 “ดวงชีวัน โกมลเสน” หรือไก่ ในวัย 62 ปี กล่าวความรู้สึกห่วงใยจากกระแสจิตที่สื่อถึงกันกับพระนางจามเทวี เอกกษัตรีแห่งหริภุญชัย จ.ลำพูน แม้เธอจะปิดตำหนักมาแล้ว 25 ปีก็ตาม
สุดลึกลับ ทายาทสวรรค์ สมชื่อละคร ต้นเหตุจากการ “ลองของ”
แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์หลายคนอาจยังไม่รู้ และสงสัยว่าจากเด็กอายุ 14 ปีที่ต้องไปใช้ชีวิตในอเมริกาเนื่องจากคุณพ่อเสียชีวิต จนได้เข้าสู่วงการจากเวทีประกวดนางงามขณะอายุ 20 ปี เป็นสาวนักเรียนนอกหัวสมัยใหม่ เคยเป็นเจ้าของบริษัท ดวงชีวัน ครีเอชั่น จำกัด รับงานออแกไนเซอร์ ผลิตวิดีโอคาราโอเกะ แต่ชีวิตกลับพลิกผัน ต้องกลายมาเป็นร่างทรง “เจ้าแม่จามเทวี” ทั้งๆ ที่ดวงชีวันไม่เคยรู้จักมาก่อน
...
เธอย้อนเล่าเรื่องราวลึกลับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น ขณะอายุ 37 ปี โดยต้นเหตุมาจากการขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อถ่ายละคร “ทายาทสววรรค์” ที่ อุทยานล้านนารีสอร์ท ในเรื่องรับบทเป็นพระมเหสี แต่งงานกับกษัตริย์ อยู่กันมานาน แต่ไม่มีลูก ต้องทำพิธีบวงสรวงกับต้นไม้ใหญ่ศักดิ์สิทธิ์
ด้วยนิสัยที่เป็นคนดื้อ ไม่เคยเชื่ออะไร และคิดลองของ เอ่ยนอกบทในใจ “ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริง กลับไปขอให้ไก่มีลูก” พูดทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางที่จะมีลูกได้ เพราะเคยตรวจสุขภาพและคุณหมอยืนยันเช่นนี้ แต่กลับมาไม่นานก็มีลูกสาว 1 คน สร้างความมหัศจรรย์และดีใจกับดวงชีวันอย่างมาก
เสียงเตือนปริศนา “ขอลูกคืน” ชะตาชีวิต ลิขิตให้เป็นร่างทรง
กระทั่ง “ตูน” ลูกสาวอายุ 3-4 ขวบ เกิดเหตุการณ์ลี้ลับกับดวงชีวันอีก เมื่อมีเสียงหญิงปริศนาสาวสวยมาเข้าฝัน “เจ้าจะทำให้ลูกเราลำบาก เจ้าจะทำให้ลูกเราลำบาก เราจะเอาลูกเราคืน ” เธอจำหน้า แววตา น้ำเสียงได้ดี แต่ไม่รู้ว่าหญิงคนนั้นเป็นใครจึงคิดตามหา จนในที่สุดกลับมาเชียงใหม่อีกครั้ง โดยคิดว่าสาวในนิมิตอาจเป็นเจ้าดารารัศมี แต่ก็ไม่เจอจนรู้สึกท้อใจ ขากลับจึงแวะกราบไหว้อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีที่ลำพูน ก็เหลือบไปเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหน้าตาตรงกับในฝันทุกอย่าง จึงรู้ว่าหญิงปริศนาคนนั้น คือ "พระนางจามเทวี"
“ดีใจจนร้องไห้ บอกแม่และทุกคนที่ไปด้วยกันวันนั้น ผู้หญิงคนนี้ไง ที่มาเตือนไก่ งั้นน้องตูนเป็นลูกของพระนางจามเทวีแน่ๆ ที่นี่มีเจดีย์บรรจุอัฐิอยู่ ไก่ไปขออธิษฐานว่า ถ้าเรามีความผูกพันอะไรกันมา หรือต้องรับใช้อะไรท่าน ก็ขอให้ท่านมาให้เราได้รู้ได้เห็นบ้าง” ดวงชีวันยังจำความรู้สึกโสมนัสนั้นได้ดี ประจวบเหมาะ ขณะนั้นเจ้าอาวาสบอกมีพิธีกรรมประทับทรงของเจ้าแม่อยู่ เธอจึงไปดู และเกิดเหตุสุดมหัศจรรย์ จิตของพระนางจามเทวีเข้าร่างเธอ
“จากที่ท้องฟ้าสว่างๆ มืดมาเลย ฝนกระหน่ำตกแรง ลมแรงจนกระถางปลิว แล้วลูกเห็บตก วิ่งเข้าไปหลบในห้อง จู่ๆ มีเสียงเข้ามาให้สมองและหัวใจ “เรามาแล้วนะๆ ทำไมไม่เชื่อๆ” พูดอยู่แบบนี้ หันกลับมาดู รูปท่านที่เห็นมาตั้งอยู่หน้าประตู เราเห็นคนเดียวนะ
...
ท่านยกดาบชี้มาที่หน้าผาก แล้วมีแสงวูบเข้ามากระทบ จะเรียกว่าเข้าทรงก็ไม่ได้ เหมือนท่านให้เราทำตามคำสั่ง เราจะไม่รู้ตัวไปขณะหนึ่ง ให้นั่งดีๆ ให้นั่งพับเพียบเรียบร้อย แล้วทำมือยกสูง ไขว้กัน พูด “เราคือจามเทวี” แล้วไก่ก็วูบไปเลย ตั้งแต่นั้นมาเลยรู้ว่าองค์เจ้าแม่จามเทวีเป็นแบบนี้”
กระนั้นดวงชีวันก็ไม่คิดรับขันธ์ เป็นร่างทรงพระนางจามเทวี เพราะไม่ชอบการเป็นร่างทรง อีกทั้ง 25 ปีที่แล้วกำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ไม่นาน ดวงชีวันก็กลายเป็นร่างทรงของพระนางจามเทวีโดยไม่ตั้งใจ และเปิดตำหนักที่นครปฐม
“ปกติเป็นคนสวดมนต์ตลอด ไก่เคยถามท่านทางจิตสมาธิ ทำไมต้องมาเป็น ท่านบอกว่าไก่ชะตาขาดแล้ว แต่เพราะลูกที่ท่านประทานมาให้ก็ต้องอยู่ต่อ เพื่อชดใช้กรรมตัวเองและช่วยเหลือผู้อื่นให้หลุดพ้นจากวิบากกรรมต่างๆ และอดีตชาติไก่ผูกพันกับท่าน เคยรับใช้สนิทกับท่าน ได้เคยเอ่ยวาจาว่าจะขอตามไปรับใช้ท่านทุกชาติไป ชาตินี้จึงต้องมารับใช้ ช่วยเหลือคนอื่นที่ใกล้ตัวท่าน คนที่ลำบาก เวลาท่านมาประทับทรง ไม่ได้เข้ามาทั้งองค์ ท่านจะอยู่แค่ไหล่ แล้วขึ้นไปบนหัว” ดวงชีวันอธิบายเมื่อพระนางจามเทวีประทับร่าง
...
สุดจะทน ขอพระนางจามเทวีหยุด หลังเปิดตำหนักรับสายทางปรับทุกข์ 3 เดือน
โดยพระนางจามเทวีแนะให้ดวงชีวันเปิดรับคนที่ลำบาก ซึ่งเป็นสายทางของท่าน แต่ดวงชีวันเปิดตำหนักสัปดาห์ละ 2 วัน ได้เพียง 3 เดือน ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน มีคนมาหาวันหนึ่งเป็นร้อยคน จนเธอรู้สึก เหนื่อย เบื่อ ที่ต้องมานั่งรับฟังปัญหาเดิมๆ ซ้ำซากทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องการขอหวย
“คนที่มา มีแต่คำถามซ้ำๆ ซากๆ เจอเรื่องซ้ำซากทุกวัน ครอบครัว สามี ลูก ภรรยา ที่สำคัญคือขอหวย เรารู้สึกว่าทำไมเขาไม่มาขอคำแนะนำท่านว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ซึ่งท่านบอกคนที่มาหาให้รักษาศีล 5 ให้ครบ แล้วจะรุ่งเรือง จะสบาย ไม่มีทุกข์
ซึ่ง ศีล 5 ของท่าน จะให้นับจากข้อ 5 ขึ้นไป คือ สุราเมรัยยะ คือเหตุของการทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงทั้งหมด มาข้อ 4 3 2 1 จนฆ่าคนตายได้ และท่านก็สอนไปว่าต้องให้ทำบุญ และวันพระ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ทำให้จิตใจสงบ จะได้รู้และระลึกว่าทั้งวันทำอะไรมาบ้าง ทำอะไรที่ผิด แล้วจะไม่ทำแบบนี้ วันรุ่งขึ้นจะได้แก้ไข”
...
นี่คือวิธีแก้ทุกข์ตามคำสอนของพระนางจามเทวี และเปิดเผยด้วยว่า ในวันพระนางจามเทวีจะประทับร่างต้องกินมังสวิรัติ จิตใจต้องสะอาด ให้ละเว้นชีวิต นั่งสมาธิ สวดมนต์ทุกๆ วันพระ แต่งตัวให้เรียบร้อย
จากร่างทรง สู่คนระลึกชาติ เมื่อรับองค์ ไม่มีสิทธิ์เลิก
เมื่อขอหยุดปิดตำหนัก ไม่ได้เป็นร่างทรงแต่ยังสื่อสารทางจิตกับพระนางจามเทวี ด้วยจิตที่ผูกกัน มักมีเหตุคาดฝัน เหมือนมีนิมิตให้ดวงชีวันย้ายถิ่นฐานไปอยู่เชียงใหม่ โดยได้ไปทำงานในโรงแรม และได้มีเวลาไปค้นหาสิ่งที่เกี่ยวกับพระนางจามเทวีในอีกหลากหลายมิติจนนำไปสู่การระลึกชาติ
“รับองค์แล้ว เลิก คืน ลาออกไม่ได้ทั้งสิ้น ทุกวันนี้ท่านก็ยังอยู่คุ้มครองตลอด มีอะไรก็มาบอกเตือนล่วงหน้า ว่าจะมีอย่างนี้ๆ นะ แล้วก็มีมาจริง ตอนนี้ไก่ไม่ได้เป็นร่างทรง แต่สวดมนต์ นั่งสมาธิให้ท่านตลอด สื่อสารกันทางจิตสัมผัส คุยกันทางทิพย์ เพราะท่านสอนวิชาให้เยอะเหมือนกันตอนอยู่เชียงใหม่
พอท่านมาคุ้มครอง จะมีศัตรู เจ้ากรรมนายเวรเก่าเยอะ ท่านก็แนะให้เรียนจนได้หูทิพย์ตาทิพย์ และปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ระลึกชาติได้ ท่านบอกเรียนจบ ต้องช่วยคนนะ อย่าทิ้ง ใครขอให้ช่วยก็ต้องช่วยเขา อย่าทิ้งสัญญา แต่ขอว่าให้เป็นคนที่เป็นสายทาง เป็นคนที่รักท่านจริงๆ เป็นสัญญาเก่าที่ว่าจะขอตามเจ้าแม่จามเทวีทุกๆ ชาติ” เจตนารมณ์พระนางจอมเทวีที่สื่อจิตผ่านดวงชีวัน
ร่างทรง ทางแก้ปัญหา จากศรัทธา หรือ ความเชื่อ
ปัจจุบันเกิดร่างทรงหลายองค์ และมีลักษณะแปลกๆ จากคนที่ไม่เคยชอบการทรงเจ้า แต่ชีวิตสุดหักเหต้องมาเป็นร่างทรง ดวงชีวัน ชี้แนะ ต้องศรัทธาจากการพบเห็น หรือเกิดขึ้นกับตัวเองการแยกว่าร่างทรง จริง หรือปลอม ขึ้นอยู่กับวิจารณาณของแต่ละคน โดยมี “สติ” เป็นที่ตั้ง
“เราต้องมีสติรู้ด้วยตัวเอง พูดจริงๆ ไม่ต้องเที่ยววิ่งวนหาสำนักไหนๆ หรอก หากเรารู้มีสติรู้สิ่งที่เราต้องการ อย่างพระราชดำรัส ร. 9 เศรษฐกิจพอเพียง เป็นสัจธรรมที่ดีที่สุดนั่นคือ พึงมีพึงได้ ไม่ต้องดิ้นรนจนเป็นหนี้สิน หาทางออกไม่ได้ กลุ้ม เครียด ก็เลยคิดว่าการไปปรึกษาร่างทรง เป็นทางแก้ กลับเจอสิ่งที่ไม่สำเร็จ เสียเงิน เสียทองก็มี
อยากให้ใช้วิจารณญาณของตนเอง ดูว่าการที่ร่างทรงเป็นอย่างไร จริงหรือไม่จริงก็ดูยาก เพราะบางคนบอก คุณไม่ต้องมาให้เงินให้ทอง ส่วนมากจะพาไปทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนตน ขอให้ใช้สติให้มาก การเชื่อ กับการศรัทธา เป็นคำที่ติดกันมาก เหลื่อมกันนิดเดียว เชื่อคือหลงงมงาย แต่ศรัทธาคือได้พบได้เห็นด้วยตัวเอง คนนี้ใช่ คนนี้จริง เมื่อปาฏิหาริย์ได้เกิดกับตัวเขาแล้ว”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่ reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ