อุบัติเหตุสุดช็อก! เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเอสยูวี ของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ พระเชษฐาต่างมารดาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกรถแท็กซี่โตโยต้า ไฮแลนเดอร์ พุ่งจากเลนฝั่งตรงข้ามประสานงารถพระที่นั่งอย่างรุนแรง ระหว่างเสด็จหาเสียงรณรงค์การเลือกตั้ง ในจังหวัดพระสีหนุ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา
เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องส่งพระองค์มารักษาพระอาการในกรุงเทพฯ ส่วนหม่อมอู๊ก พัลลา ชายาในสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ เสียชีวิตในวัย 39 ปี
นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวมองว่า เหตุการณ์นี้ อาจเป็นการสั่งการของผู้มีอำนาจเนื่องจากใกล้ถึงเวลาเลือกตั้งในปลายเดือนหน้า รวมทั้งก่อนหน้านี้ สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ทรงเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาแล้ว เมื่อวันที่ 25 เม.ย.58 ขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเดินทางจาก จ.กำปงจาม มุ่งหน้าสู่กรุงพนมเปญ ได้มีรถบรรทุกขับข้ามเลนพุ่งเข้ามาชนกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 5 ซึ่งมีสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ และชายา ประทับอยู่ภายใน ส่งผลให้หม่อมอู๊ก พัลลา ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ น.ส.โสมเพ็ญ ขุทรานนท์ ครูสอนภาษากัมพูชา และผู้คร่ำหวอดเกี่ยวกับประเทศกัมพูชากว่า 20 ปี ถึงมุมมองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
เบื้องหลังอุบัติเหตุสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ โยงการเมือง?
น.ส.โสมเพ็ญ กล่าวว่า ในเกมการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ถูกวางหมากไว้แล้วว่า การเลือกตั้งจะต้องมีพรรคฝ่ายค้าน เมื่อครั้งที่มีการล้มพรรคสงเคราะห์ชาติ ที่มี “กึม สุขา” หัวหน้าพรรคสิทธิมนุษย์ และ “สม รังสี” หัวหน้าพรรคสม รังสี ทำให้ที่นั่งของพรรคฝ่ายค้านประมาณ 40 กว่าที่นั่งถูกริบหมด เพื่อมาให้กับพรรคฟุนซินเปก ซึ่งไม่มีที่นั่งเลย
และเกมนี้เมื่อไม่มีพรรคฝ่ายค้าน ในทางทฤษฎีก็คือ อนุญาตให้พรรคฟุนซินเปกของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ เข้ามามีเสียง แต่ถึงแม้จะอนุญาตให้เป็นพรรคฝ่ายค้าน สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ เองก็ต้องทำงานหนัก เพื่อให้ได้รับคะแนนสนับสนุนจากชาวบ้านจริงๆ นั่นก็คือ อาศัยโอกาสที่คนอื่นนิ่งนอนใจลงพื้นที่ไปพบปะกับประชาชน โดยเมื่อปีที่แล้ว ได้เริ่มหาเสียงมากับอู๊ก พัลลา ชายาปัจจุบัน
ดังนั้น สมมติฐานที่บอกว่า อาจเป็นการลอบสังหารจากประเด็นทางการเมืองในความเห็นส่วนตัวคิดว่า “ไม่ใช่!”
ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดกับสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ครั้งแรก ที่ถูกรถบรรทุกพุ่งชนเมื่อปี 58 นั้น ก็ไม่มีเหตุผลในทางการเมืองใดๆ เมื่อสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ รู้ตัวอยู่แล้วว่า ถูกวางตำแหน่งให้เป็นตัวเปิดฝ่ายค้าน ฉะนั้น มีเหตุผลอะไรที่ฮุน เซนต้องกำจัด ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ยกที่นั่ง 40 กว่าที่ของพรรคสงเคราะห์ชาติทั้งหมดให้ โดยเป็นการนำเบอร์ของ ส.ส.รายนี้ที่ประชาชนลงคะแนนเสียงไปให้กับอีกพรรคหนึ่ง ก็ย่อมทำได้
นอกจากนี้ ประเด็นมือที่สามนั้น มองว่า ไม่น่าจะใช่ เนื่องจากหลายประเทศในขณะนี้ต้องพึ่งพิงชาติมหาอำนาจ
...
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านลงเลือกตั้งไม่ได้ ใครเสียประโยชน์?
จากการคลุกคลีอยู่ในกัมพูชามานานหลายสิบปี น.ส.โสมเพ็ญ มองว่า ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “ฮุน เซน” เนื่องจากว่า ฮุน เซนได้วางตัวให้สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ เป็นฝ่ายค้านที่จะเป็นคนของตัวเอง และเวลาก็กระชั้นชิดมากใกล้จะเลือกตั้งแล้ว แต่สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ไม่สามารถลงเลือกตั้งได้ เพราะว่าเจ็บหนัก ส่วนฮุน เซนจะไปเอาตัวละครที่ไหนมาทำให้เป็นฝ่ายค้านของพรรครัฐบาล ดังนั้น ที่มีข่าวว่าเป็นการลอบสังหารนั้น คงไม่ใช่! ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องแก้เกมกันต่อไปว่าจะทำอย่างไร
“ทุกวันนี้ ฮุน เซน พยายามจะบอกว่า กัมพูชาเป็นประชาธิปไตย มีฝ่ายค้าน ส่วนสมเด็จกรมพระรณฤทธิ์ก็เล่นเป็น เมื่อถึงเวลาก็ออกมาหยอด ออกมาด่ากลับฮุน เซนได้ แต่เขาจะไม่ทำให้ฮุน เซนล้ม เพราะว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันทั้งคู่ งานนี้จึงเชื่อว่า คนที่เดือดร้อนคือฮุน เซน” น.ส.โสมเพ็ญ แสดงทัศนะส่วนตัว
...
คนไทยในกัมพูชา เผย มีอุบัติเหตุรถชนบ่อยครั้ง
ในฐานะที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชากว่า 20 ปี น.ส.โสมเพ็ญ เผยจากประสบการณ์ว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุในประเทศกัมพูชาค่อนข้างสูง เนื่องจากว่าชาวกัมพูชายังไม่มีประสบการณ์ในการใช้รถใช้ถนน ทำให้มีรถบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และไม่ต้องสอบใบขับขี่ เรื่องการจำกัดความเร็วก็ยังไม่มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนสายที่เกิดเหตุนั้น ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่า สังคมกัมพูชา น่าจะตระหนักเรื่องอุบัติเหตุบนถนนได้แล้ว เพราะมีอัตราเกิดอุบัติเหตุสูง และไม่มีการควบคุมจำกัดความเร็ว ก็คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้ลุกขึ้นมารณรงค์ในเรื่องอุบัติเหตุกัน
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุครั้งที่ 2 ของสมเด็จกรมพระรณฤทธิ์และอู๊ก พัลลา ชายาในพระองค์ และเหตุใดจึงเกิดกับรถยนต์พระที่นั่งของสมเด็จกรมพระรณฤทธิ์ ทั้งที่มีรถติดตามเป็นขบวน และมีรถเปิดสัญญาณไซเรนขอทางอยู่ด้วย จึงเป็นข้อสงสัยที่ทางตำรวจจะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน