สั่นสะเทือนวงการผ้าเหลือง สำหรับ ปฏิบัติการของ กองปราบปรามในการเดินหน้าลุยสางคดี “เงินทอนวัด” หลังจากวานนี้ (24 พ.ค.61) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามลุยค้นจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่และพระที่เกี่ยวข้อง 3 วัดดังในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ และวัดสามพระยาวรวิหาร เขตพระนคร หลังตรวจสอบ พบความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องเงินทอนวัด ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีก่อนหน้านี้

โดยที่ วัดสระเกศ​ เจ้าหน้าที่ไม่พบ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะภาค 10 ซึ่งคาดว่าได้หลบหนีก่อนที่เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไป เหลือเพียง พระศรีคุณาภรณ์ (ทวี คำมา) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระครูสิริวิหารการ (สมจิตร จันทร์ศรี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และนายทวิช สังข์อยู่ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ ดูแลภายในวัด

ส่วนเจ้าคุณเทอด หรือ พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ที่กำลังอาพาธ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดตัวไว้ เพื่อดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฟอกเงินด้วยการกระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม

...

วัดสามพระยาวรวิหาร จับกุมพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และพระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าคณะกรุงเทพฯ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม 

ส่วนวัดที่ 3 คือ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เจ้าหน้าที่ไม่พบ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7

เปิดใจพระลูกวัดสระเกศ เผย ทางลับ ก็แค่ทางธรรมดา ที่ใช้เข้าออกมานานแล้ว 

สิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องช็อกวงการสงฆ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่วัดสระเกศ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อ้างว่า เจอทางลับ ที่คาดว่าพระพรหมสิทธิใช้หลบหนี เมื่อตรวจสอบเส้นทางเงิน กลับพบหลักฐานบางส่วนที่เชื่อมโยงกับการทุจริต 2 โครงการ เป็นเงิน 69 ล้านบาท พบเส้นทางการเงินโอนให้กับบุคคลภายนอก และยังพบบัญชีธนาคารบัญชีส่วนตัวเป็นชื่อของเจ้าอาวาส 10 บัญชี มีเงินกว่า 130 ล้านบาท (อ่านข่าวฉบับเต็มทั้งหมด)

หลังเกิดเหตุการณ์ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ลงพื้นที่วัด ซึ่งพบว่า บรรยากาศภายในวัดเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีพระบางตาเดินเข้าออก อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินสำรวจ ก็พบว่า พระบางคณะ ยังคงมีกิจนิมนต์ โดยมีรถตู้ 2 คันมารับขึ้นรถเดินทางออกไป

...

อย่างไรก็ดี ทีมข่าวฯ ได้พบ “หลวงพ่อ” รูปหนึ่งภายในวัด ยอมพูดคุยถึงเรื่องราวภายในวัด หลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่บุกค้นวัด แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ  

หลวงพ่อ กล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า หากมองในแง่ความถูกต้อง ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ก็กล่าวไปตามเหตุและปัจจัย หากคนทำดีย่อมได้ดี หากใครทำไม่ดีก็ย่อมได้ไม่ดี แต่บางครั้งก็รู้สึกว่า พระเราถูกทางโลกตัดสิน ทั้งที่บางคนยังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับพระเลย แต่ก็ต้องยอมรับว่า พระที่ห่มผ้าเหลืองนั้น ย่อมมีทั้งดีและไม่ดีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม พระก็ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมือง แต่ก็มีพระธรรมวินัยต้องดูแล...

“ส่วนเรื่องทางลับที่เสนอเป็นข่าวนั้น...มันไม่ได้เป็นความจริงเลย เพราะเส้นทางตรงนั้นเป็นทางเข้าออกของคนงานที่ใช้ในการปรับปรุงกุฏิ ซึ่งเส้นทางนั้นมีมานานแล้ว แต่ข่าวกลับมาเขียนลงกันจนมั่ว ทั้งที่จริงพระทั้งวัดก็รู้อยู่แล้ว ส่วนท่านจะไปไหน ไปเมื่อไหร่เราก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะเย็นวันนั้นท่านก็อยู่ แต่ข่าวแบบนี้ก็ไม่มีทางปิดได้”

...

เชื่อ เจ้าอาวาสมีเส้นสายมาก ทำให้รู้ก่อนเจ้าหน้าที่บุก เชื่อ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส คือ แพะรับบาป 

พอทราบหรือไม่ ท่านเจ้าอาวาสไปที่ไหน พระลูกวัดสระเกศ​ กล่าวว่า ในวัดนี้ท่านคงไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนจะไปไหนทางเจ้าหน้าที่เขาคงติดตามไป ส่วนตัวก็คิดว่า คงไปกับญาติโยมที่เป็นลูกศิษย์ลูกหา เนื่องจากท่านเองก็มีเส้นสายของท่าน เพราะลูกศิษย์ลูกหาท่านก็มีมาก ถ้าไม่มีการแจ้งข่าวท่านก็คงไม่ทราบ

“ส่วนอาตมา รู้สึกเห็นใจ เจ้าคุณศรี เจ้าคุณเทอด พระครูสิริ เพราะเรามีความใกล้ชิดกับท่าน เพราะท่านเป็นพระที่ดี หากเราได้ใกล้ชิดกับใครก็จะทราบ ซึ่งอาตมาทราบว่าท่านเป็นพระที่ไม่มีปัจจัย (เงิน) อะไรเลย ต่างกับท่านเจ้าอาวาสที่มีเงินเป็นร้อยล้าน”

พระลูกวัดคนเดิม กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเกี่ยวข้องกับท่านเจ้าอาวาส ไม่ว่าสิ่งใด ท่านเจ้าอาวาสก็จะเป็นคนคิดตัดสินใจทั้งหมด ส่วนผู้ช่วยเจ้าอาวาส​ จะเซ็นเอกสารอะไร...ก็ต้องเซ็นตามท่านเจ้าอาวาส ท่านลองนึกดูว่า ในบริษัทแห่งหนึ่ง ผู้ช่วยมีอำนาจเซ็นเช็ค ถ้าเจ้านายเซ็นมา..ผู้ช่วยจะกล้าไม่เซ็นหรือไม่ ถ้าไม่เซ็นก็อาจจะอยู่ไม่ได้

...

“เรื่องอำนาจทุกอย่างยังไงก็ขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาสทั้งสิ้น”

พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร พระลูกวัดรูปนี้ได้แต่ถอนใจ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องขึ้นอยู่กับทาง มส. ว่าจะแต่งตั้งใครลงมารักษาการ ยิ่งช่วงนี้ทางวัดก็มีงานบวชเณร และอีกทั้งไม่กี่วันก็จะมีการจัดงานวิสาขบูชาอีก ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะผู้ที่ถูกจับไปล้วนเป็นคนทำงานทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะยกเลิกหรือไม่..

“ก็ดังโบราณว่าไว้ว่า ศัตรูของพระ คือ สตรี กับ สตางค์ พระก็เหมือนกับปุถุชนทั่วไป ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ต้องรู้จักทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ต้องคอยรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนา แต่บางครั้งพระที่บวชนานๆ ก็อาจจะยึดติดกับตำแหน่ง บางคนก็หลง...ไป กลับมาใช้เส้นสายคอนเน็กชั่น ยิ่งพระที่เป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งมีเส้นสายมาก ซึ่งก็เป็นเหมือนการเมือง แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าความถูกต้องก็ยังมีอยู่ เพราะแก่นแท้ของศาสนา เพื่อให้พัฒนาจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ทำให้เราเป็นคนดี”

พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา
พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา

หมอมโน เชื่อวัดดังวิ่งเต้น ช่วย 3 พระผู้ใหญ่ ให้ที่หลบซ่อน

ในเรื่องเดียวกัน ทีมข่าวฯ ได้สอบถามกับ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย วิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้เกี่ยวข้องกับวัดใหญ่วัดหนึ่งเป็นอย่างมาก เนื่องจากสังเกตว่าวานนี้เฟซบุ๊กหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวโยงกับทางวัดนั้นได้พยายามโพสต์ปลุกระดมในเรื่องนี้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังได้รับข้อมูลว่า พระผู้ใหญ่ในวัดดังรูปหนึ่งได้ใช้สรรพกำลังในการช่วยเหลือ พระทั้ง 3 รูปให้ได้

“ส่วนตัวเชื่อว่า การที่พระพรหมสิทธิหลบหนีไปได้ อาจจะเกี่ยวข้องกับวัดนี้ อาจจะมีการหาเซฟเฮาส์ให้อยู่ เนื่องจากพระทั้ง 3 รูปนั้น มีความสัมพันธ์อันดีกับวัดดังกล่าวอย่างมาก”

นพ.มโน เลาหวณิช
นพ.มโน เลาหวณิช

เมื่อถามว่า พระพรหมทั้ง 3 มีความสำคัญอย่างไร วัดดังกล่าวถึงอยากช่วยให้ได้

นพ.มโน ระบุว่า พระพรหมดิลก วัดสามพระยา เป็นเจ้าคณะใน กทม. เป็นพระที่มีอิทธิพลมาก ส่วนพรหมเมธี คือ โฆษกของมหาเถรสมาคม สมัยที่โฆษก มส. คนเดิมอยู่ ข่าวอะไรที่เกี่ยวข้องในทางลบกับวัดดังกล่าวจะถูกปฏิเสธทั้งสิ้น โดยที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่มีการร้องเรียนไปยังเจ้าคณะภาค หรือ เจ้าคณะหน ไปถึงคณะกรรมการมหาเถรสมาคม แต่ทุกอย่างกลับไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ส่วนพระพรหมสิทธิ นั้นมีบทบาทสำคัญเพราะเป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศ ถือเป็นกระบอกเสียงสำคัญในมหาเถรสมาคม

“ท่านอยู่ในตำแหน่งเพียง 3 ปี มีเงินในบัญชี 130 ล้าน เรียกว่าทั้งชีวิตของผม หาเงินยังไงก็ได้ไม่เท่ากับท่าน ซึ่งยุคก่อนหน้าท่านก็มีพระพรหมสุธี (อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ) ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งกัน กระทั่งพระพรหมสุธีได้เสียจริตกระทั่งทำการอัตวินิบาตกรรมผูกคอตายในกุฏิ ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งภายในวัด โดยมีการเข้าหาพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ใน มส. ให้ปลด พระพรหมสุธี ออกจากการเป็นเจ้าอาวาส” นพ.มโน กล่าวอ้าง

พระพรหมสิทธิ หรือ เจ้าคุณธงชัย เจ้าอาวาสวัดสระเกศ
พระพรหมสิทธิ หรือ เจ้าคุณธงชัย เจ้าอาวาสวัดสระเกศ

แนะ จับตา การประชุม มส.ครั้งต่อไป เชื่อ พระสังฆราชจะมีพระบัญชา 

การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการล้างบาง พระจากสายใดสายหนึ่งหรือไม่ นพ.มโน กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะล้างบาง ซึ่งเรื่องนี้ต่างกรรมต่างวาระ แต่ต้องยอมรับว่า วัดดังกล่าวมีอิทธิพลมากในมหาเถรสมาคม ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตา คือ วันประชุม มส. ครั้งต่อไป เพราะเมื่อวาน พระสังฆราชก็มีพระบัญชา สั่งปลด พระพรหม ทั้ง 3 รูป ออกจากมหาเถรสมาคม หรือ ท่านอาจจะสั่งใครเข้ามาแทน หรือ ให้ใครมารักษาการที่ใดหรือไม่ เนื่องจากพระสังฆราชสามารถมีพระบัญชา สามารถสั่งได้ทั้งหมด หรือท่านจะมีพระบัญชาให้มีการปฏิรูป พ.ร.บ.สงฆ์ ให้เอื้อกับพระธรรมวินัยหรือไม่ สิ่งนี้คือเรื่องที่ตนอยากจะเห็น เพราะอยากเห็นการปฏิรูปศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม

“ผมบวชอยู่ 25 ปี สัมผัสกับพระชั้นผู้ใหญ่มานาน ได้เคยรับใช้พระสังฆราชก็เคย จึงทำให้รู้ว่าวงการสงฆ์นั้นเป็นอย่างไร และต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม”

เมื่อถามว่า พระพรหมสิทธิ น่าจะอยู่ที่ไหน หมอมโน ระบุว่า “ไม่มีที่ไหนในประเทศนี้ปลอดภัยเท่าวัดนั้นอีกแล้ว ที่ไหนทัดทานการบุกของเจ้าหน้าที่ได้หลายครั้ง ครั้นจะคิดว่าท่าน (พระพรหมสิทธิ) จะเดินทางออกไปทางธรรมชาติก็ไม่น่าใช่ เพราะท่านอายุปูนนี้ แค่เดินขึ้นบันไดก็เหนื่อยแล้ว ออกทางธรรมชาติทางไหนก็มีคนเห็น ผมเชื่อว่าอยู่วัดนี้แหละครับมีคนดูแล..”

คดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ที่สะเทือนใจกับชาวพุทธทั่วประเทศ อีกทั้งยังเกี่ยวโยงไปถึงพระชั้นผู้ใหญ่ ถึงวันนี้ พระพรหมสิทธิหนีไปที่ใดก็ยังไม่มีใครรู้ ข้อมูลที่ นพ.มโน ให้ไว้ก็เป็นเพียงการคาดเดา ซึ่งจะจริงหรือมั่ว คงต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์ให้กระจ่างต่อไป..

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน